“คารม” ไม่ติดใจคำสั่งไม่ให้ร่วมประชุม ครม.    

ทำเนียบรัฐบาล 11 ต.ค.- “คารม” แจงไม่ติดใจที่ไม่ได้เข้าร่วมประชุม ครม.ทุกสัปดาห์ แต่กังวลเรื่องการสื่อสารข้อมูลผิดพลาด ถ้าไม่ได้รับฟังด้วยตัวเอง ตำแหน่งรองโฆษกรัฐบาลสำคัญ ถ้าสื่อสารผิดอันตรายมาก


นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวไม่อนุญาตให้รองโฆษกเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี เนื่องจากสถานที่คับแคบ ว่า ที่เมื่อวานนี้ไม่เจอตนในที่ประชุม ครม. เนื่องจากก่อนประชุม ครม.1 วัน ได้รับข้อความจากนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าทางผู้บริหารมีนโยบายให้รองโฆษกเวียนเข้าประชุม ครม. โดยจะมีโฆษกและรองโฆษกเข้าประชุมเพียง 1 คน จึงเป็นเหตุผลที่ตนไม่ได้เช้าประชุมด้วยเมื่อวานนี้ (10 ต.ค.66)

นายคารม กล่าวว่า ตนเป็นคนง่ายๆ แต่มองว่ามีประเด็นสำคัญในที่ประชุม ครม. เช่น เรื่องอาวุธปืน ของกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้เสนอให้ ครม.รับทราบ ทำให้ตนต้องมาอ่านตามหลัง ตนก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร และเข้าใจ เพียงแต่จะค่อนข้างยากที่ต้องมาต่อประเด็นเอง โดยการอ่านเพื่อมาตอบคำถามผู้สื่อข่าว เมื่อวานจึงเลี่ยงที่จะไม่พูดอะไร อีกทั้งตนเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งเป็นรองโฆษก จึงไม่ทราบเหตุผลในคำสั่งดังกล่าว รวมถึงประเด็นที่มีการระบุว่า สถานที่คับแคบ ซึ่งตนไม่ใช่คนให้ข่าว ทราบแค่เป็นนโยลายของผู้บริหาร


ส่วนคำสั่งนี้เป็นนโยบายของโฆษกหรือรัฐบาล นายคารม กล่าวว่า น่าจะเป็นนโยบายของผู้บริหารที่ส่งมายังโฆษก

สำหรับเหตุผลที่อ้างว่าสถานที่คับแคบ นายคารม กล่าวว่า ไม่ใช่ประเด็นนั้น เพียงแต่ระบุว่า ให้โฆษกเข้าร่วมประชุมกับรองโฆษกหนึ่งท่านโดยการหมุนเวียนกัน เท่ากับว่าในสัปดาห์หน้าตนจะได้เข้าร่วมประชุม แต่หากมีรองโฆษกเพิ่มจะต้องสลับกันเข้าประชุม

เมื่อถามว่าติดใจหรือไม่เพราะเรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้น นายคารม กล่าวว่า ตนไม่ทราบเลย ตนเป็นคนไม่มีปัญหา หากผู้บริหารว่าอย่างไรก็ว่าอย่างนั้น


ส่วนหากมีมติครม.ที่เกี่ยวกับพรรคที่สังกัด แต่ไม่ได้เข้าร่วมประชุม จะมั่นใจกับการสื่อสารได้อย่างไร นายคารม กล่าวว่า ต้องมาตามประเด็นหลังมีมติออกมาแล้วจากเอกสาร

นายคารม ปฏิเสธให้ความเห็นเมื่อถามว่าต้องคัดค้านเพื่อทบทวนแนวทางนี้หรืือไม่ ว่า พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคร่วมรัฐบาล อยู่ที่ผู้บริหารมีแนวทางอย่างไร และไม่ทราบว่ารัฐบาลก่อนหน้านี้มีแนวทางอย่างไร และว่า “ผมมองอย่างนี้ว่ารัฐบาลผสมก็เหมือนรุ้งกินน้ำ มีหลายสีในนี้เราต้องมองว่ารุ้งหลายสีสวยงาม ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร”

เมื่อถามย้ำว่าพรรคภูมิใจไทยรับผิดชอบกระทรวงหลักถึง 4 กระทรวง กังวลว่าจะผิดพลาดในการสื่อสารหรือไม่ นายคารม กล่าวว่า วันแรกที่ตนเข้าร่วมประชุม มีความกังวลว่าเอกสารจะหลุด โดยเฉพาะเมื่อพรรคภูมิใจไทยไว้ใจให้ตนมาทำงานก็ระมัดระวังมาก ยอมรับว่าตนก็กังวลประเด็นเรื่องการสื่อสารที่ผู้สื่อข่าวถาม

“ถ้าพรรคภูมิใจไทยเสนอเรื่องเข้ามาแล้วตนไม่ได้เข้าประชุม ครม. ก็ยอมรับว่ากังวลในการชี้แจง เพราะการเป็นรองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี ก็เปรียบเสมือนเป็นโฆษกของพรรคร่วมรัฐบาล ที่จะต้องชี้แจง 4 กระทรวงที่พรรคภูมิใจไทยรับผิดชอบ สื่อสารให้ประชาชนเกิดความเข้าใจ ดังนั้นอาจมีปัญหาเรื่องการสื่อสาร แต่ไม่ได้ติดใจเรื่องไม่ได้เข้าประชุม” นายคารม กล่าว

เมื่อถามย้ำว่าพรรคภูมิใจไทยมีเสียงเป็นอันดับ 2 ในรัฐบาล จะไม่มีการท้วงติงเลยหรือ นายคารมกล่าวว่า คิดว่าเรื่องนี้ไม่ได้เป็นประเด็นใหญ่มาก แต่ต้องดูว่าการทำงานจะราบรื่นหรือไม่ และคิดว่าต่อไปอาจจะเกิดปัญหาหากรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีมีทั้งหมด 3 คนจาก 3 พรรค ได้แก่ พรรคภูมิใจไทย พรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคพลังประชารัฐ ก็จะทำให้รองโฆษกฯ เมื่อทำหน้าที่แล้วจะเว้นช่วงไปอีก 3 สัปดาห์ ถึงจะได้เข้าประชุมครม.อีกครั้ง ก็จะทำให้มีปัญหาเรื่องการสื่อสาร หากในสัปดาห์ที่ตนไม่ได้เข้า แต่ปรากฏว่ามีการสอบถามเรื่องใน ครม. ตนก็จะตอบคำถามยาก เพราะสุ่มเสี่ยง และในบางครั้งเมื่อเราไม่ได้เข้าประชุม ครม. ก็จะไม่ได้ยินเรื่องต่างๆ ในที่ประชุมเอง ก็ต้องระมัดระวัง เพราะหากสื่อสารไม่ตรงก็จะกลายเป็นเรื่องอันตราย

เมื่อถามว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้รับทราบเรื่องนี้แล้วหรือยัง นายคารม กล่าวว่า ตนได้เรียนไปแล้วก่อนการประชุม ครม.ว่า ตนไม่ได้เข้าประชุม ซึ่งนายอนุทินก็รับทราบ พร้อมถามความเห็นตน ตนก็เรียนว่าให้เป็นไปตามนโยบายของผู้บริหาร

ส่วนเป็นประเด็นว่าพรรคเพื่อไทยไม่ไว้ใจรองโฆษกพรรคร่วมหรือไม่ นายคารม กล่าวว่า คงไม่มีประเด็นนั้น เพราะตนได้รายงานไปยังโฆษกรัฐบาลไปก่อนแล้วว่าตนอยู่กับพรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทยมาก่อน ร่วมทำงานกับมวลชนคนเสื้อแดง ซึ่งตนรู้จักกับรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยเกือบทุกคน เพียงแต่ไม่คุ้นเคยกับนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]