ร้อยเอ็ด 7 ต.ค. – นายกฯ ลั่นไม่ยกเลิกดิจิทัลวอลเล็ต มองนักวิชาการมีเพียง 1 เสียง เทียบประชาชน 10 ล้านคนอยากได้ บอกงบ 5 แสนล้านทำครั้งเดียว หวังเติมต้นทุนประกอบอาชีพ พร้อมน้อมรับฟังความเห็นทุกฝ่าย รวมทั้งประชาชน
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังมีนักวิชาการออกมาคัดค้านโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ว่า การลงพื้นที่มีประชาชนแสดงเจตจำนงว่าอยากได้มาก ซึ่งตนก็ดีใจ แต่ตลอด 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีนักวิชาการหลายคนไม่เห็นด้วย เรียกร้องให้ยกเลิกโครงการนี้ แต่ผมยืนยันว่า ตั้งแต่เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี ทางรัฐบาลนี้และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดได้มีการรับฟังปัญหาข้อเสนอแนะจากทุกหน่วยงาน รวมทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย เราน้อมรับไปพิจารณา เพื่อจะมีการปรับปรุงแต่งเติมให้ทุกอย่างดูดีขึ้น พร้อมกล่าวด้วยเสียงหนักแน่นว่า “แต่ไม่มีการยกเลิกครับ”
นายกรัฐมนตรี ยังยืนยันว่า โครงการเงินดิจิทัลไม่ใช่โครงการหาเสียง ไม่ใช่โครงการที่มาโปรยเงินให้ประชาชนกลับมาเลือกตั้ง แล้วกลับมาเลือกเรา ไม่ใช่ แต่มีความจำเป็นและมีความต้องการของประชาชนที่ต้องการรับความช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งตลอดระยะเวลาที่เราเข้ามาบริหารงานประมาณ 1 เดือน เรื่องค่าใช้จ่ายเป็นเรื่องสำคัญที่จะไปทำมาหากินประกอบอาชีพได้ รัฐบาลมีการลดค่าไฟฟ้า พลังงานเชื้อเพลิง น้ำมันดีเซล ให้ต่ำกว่า 30 บาทแล้ว และในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีการพักหนี้เกษตรกร โดยยืนยันว่าเป็นเรื่องที่จำเป็นและสำคัญ เพราะการที่ประชาชนมีรายจ่ายเยอะ มีภาระเยอะ ก็ไม่มีขวัญกำลังใจทำมาหากิน การที่เราลดภาระเรื่องค่าใช้จ่าย จะทำให้ประชาชนมีขวัญและกำลังใจในการทำมาหากิน แต่ปัญหานี้เกิดขึ้นว่า หากมีขวัญและกำลังใจแล้วจะนำเงินทุนมาจากที่ใด
นายกรัฐมนตรี ยังระบุอีกว่า คนต่างจังหวัดไม่ได้มีเงินเยอะเหมือนคนที่อยู่ฐานบนของสังคม ความเหลื่อมล้ำมีมากในสังคมไทย เขาไม่มีเงิน งบประมาณของโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ใช้งบประมาณ 5 แสนล้าน ซึ่งไม่ใช่งบประมาณที่ทำทุกปี ขอทำความเข้าใจว่าทำแค่หนเดียว ไม่ได้ตั้งใจว่าจะเอามาซื้อเสียงเพื่อให้โดนใจประชาชน แต่ทำเพื่อให้มีเงินทุนมาประกอบอาชีพอย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรี
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงนักวิชาการที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์กันเยอะ ผมน้อมรับคำวิพากษ์วิจารณ์ แต่ท่านเป็นเพียง 1 เสียง แต่ประชาชนมีเป็น 10 ล้านเสียง ที่ต้องการเงินดิจิทัล ผมน้อมรับที่จะนำไปปรับปรุง เพื่อให้ประโยชน์สูงสุดเกิดกับทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายที่เสียภาษี หรือประชาชนที่มีความเดือดร้อนจากปัญหาเศรษฐกิจที่หมักหมมมานาน
โดยนายกรัฐมนตรี ยืนยันเสียงแข็งว่า รัฐบาลนี้จะไม่ลุด้วยอำนาจ จะรับฟังความคิดเห็น แต่เหนือสิ่งอื่นใด ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน การที่ประชาชนขาดเงินทุนไปดำรงชีพ เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด และยืนยันอีกครั้งว่า จะไม่มีการยกเลิกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี ยังวิงวอนนักวิชาการที่แสดงความคิดเห็นมาเยอะ ผมอยากให้แสดงความคิดเห็นออกมาอีก ซึ่งนักวิชาการที่เห็นด้วยก็มี ผมในฐานะคนกลางเป็นตัวแทนของประชาชน ก็จะนำไปพิจารณาปรับปรุงต่อไปให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ให้โดนใจทุกคน
ส่วนได้มีการคุยกับนักวิชาการที่เห็นต่างแล้วหรือไม่ นายเศรษฐา ระบุว่า ผมได้พูดคุยมาโดยตลอด โดยเฉพาะผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และมีทีมงานไปรับฟังความคิดเห็นจากนักวิชาการหลายๆ ท่านมาโดยตลอด ซึ่งตนก็มองว่า เป็นไปได้ที่ยังมีนักวิชาการยังไม่เห็นข้อมูลที่รัฐบาลจะนำมาแถลง จึงคัดค้านออกไปก่อน แต่ขอให้เห็นข้อมูลก่อนว่า นโยบายนี้มีรายละเอียดอะไรบ้าง
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ยืนยันอีกครั้งว่า นโยบายนี้เป็นโครงการครั้งเดียว และไม่ได้ทำทุกปี ทำแล้วไม่ใช่แค่ประชาชนจะได้ ภาคอุตสาหกรรมก็จะได้ ท่านต้องดูว่า เงินเข้าสู่กระเป๋าประชาชนกว่า 5 แสนล้านบาท เป็นท่านจะผลิตสินค้าออกมารองรับหรือไม่ ซึ่งจะนำไปสู่การผลิต การจ้างงาน เกิดการจ่ายภาษีขึ้น รัฐบาลไม่ใช่จ่ายอย่างเดียว รัฐบาลมีรับกลับมาด้วย รัฐบาลคิดแล้ว และน้อมรับฟังทุกฝ่าย ก่อนที่เศรษฐกิจจะกลับมาได้ต้องมีเงินทุนก่อน
นายเศรษฐา ยังยอมรับว่า กังวลทุกเรื่อง แต่ให้ความสำคัญกับข้อคิดเห็นทุกฝ่าย ถ้าท่านทักท้วงมา เราก็มีความกังวล เพราะเราเชื่อว่าทุกคนก็เป็นประชาชนคนไทยคนหนึ่ง มีสิทธิจะให้ความเห็นลงมา แต่จะพยายามทำให้ดีที่สุด. – สำนักข่าวไทย