กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ย.- มท.1 บอกผู้ว่าฯ พิจิตร ดูอยู่แล้ว ปม “สว.กิตติศักดิ์” ไล่เจ้าอาวาสวัดบางคลาน เชื่อปมปัญหาจากผลประโยชน์ที่ไม่ถูกต้อง เล็งเพิ่มนักการเมืองในบัญชีผู้มีอิทธิพล กำชับท้องถิ่นอย่าไปสนิทสนมกับคนไม่ดี
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ที่กระทรวงมหาดไทยเป็นวันแรก หลังเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการและแถลงนโยบายต่อรัฐสภา นายอนุทิน กล่าวถึงการปราบผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ต่างๆ หลังเมื่อวานนี้ (13 ก.ย.) นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สว. ไปขวางทางเจ้าอาวาสและตำรวจไม่ให้เข้าไปตรวจสอบทรัพย์สินในวัดบางคลาน ในพื้นที่ อ.โพทะเล จ.พิจิตร ว่า ต้องพยายามทำให้คนเหล่านั้นไม่ไปคุกคามหรือไปกลั่นแกล้งประชาชนได้ ไม่ใช่เป็นผู้มีอิทธิพล อันธพาล นักเลง เมื่อไม่พอใจก็เอาปืนไปทำร้ายไปยิงคนอื่นแบบนี้ไม่ได้ เมื่อวาน (13 ก.ย.) นายกรัฐมนตรีได้สั่งในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีและถือเป็นมติ ครม.ว่า จะต้องเข้มงวดเรื่องตรวจสอบใบอนุญาตการครอบครองอาวุธปืน รวมถึงอาวุธทุกชนิดที่สามารถนำไปทำร้ายคนได้ จากนี้กระทรวงจะเร่งดูข้อกฎหมายและระเบียบ ว่าสามารถดำเนินการอย่างไรได้บ้าง เพื่อจะเข้มงวดกับการใช้กฎหมายมากขึ้น
เมื่อถามว่าขณะนี้พบว่าผู้มีอิทธิพลส่วนใหญ่เชื่อมโยงกับนักการเมืองในท้องที่จะต้องมีมาตรการอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เดิมทีผู้มีอิทธิพลถูกแบ่งออกเป็น 16 ประเภท เช่น ผู้ค้าของเถื่อน ผู้ค้าประเวณี น้ำมันเถื่อน ฮั๊วประมูล และผู้ค้ายาเสพติด ซึ่งก็อาจจะต้องมาดูว่าจำเป็นต้องเพิ่มหรือไม่ เพราะแม้ว่าส่วนใหญ่จะมีกฎหมาย และเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลอยู่แล้ว แต่กระทรวงมหาดไทยจะต้องป้องกันไม่ให้บุคคลเหล่านี้ มีบทบาทและใช้อิทธิพลไปทำร้ายผู้อื่น ทางกระทรวงมหาดไทยได้กำชับไปยังการปกครองส่วนท้องถิ่นตลอด เพราะสิ่งที่เขาทำมันผิดกฎหมายอยู่แล้ว เราจึงต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด เพราะหากไม่ใช่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองการพกอาวุธถือว่าผิดกฎหมายทั้งนั้น แต่ที่ผ่านมาการบังคับใช้กฎหมายไม่เข้มงวด
“เจ้าหน้าที่บ้านเมืองต้องวางตัวให้ดี ไปคลุกคลี ไปตีสนิท ไปสนิทสนมกับคนเหล่านี้ ถ้าไม่ใช่คนที่มีพฤติกรรมที่ดี เราก็ควรจะต้องไม่ไปสนิทสนมกับเขา และต้องคอยดูแลพฤติกรรมของคนเหล่านี้ด้วย เราจะให้ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นไปทั้งข้องไม่ได้ ทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายก อบจ. นายกอบต. ที่ทำงานดีทุ่มเทเพื่อพี่น้อง ประชาชน ตั้งใจเสียสละทำงานเพื่อส่วนรวมก็มี และมั่นใจว่ามีมากกว่าคนที่ผ่านเยอะ แต่เราไปเน้นที่คนพาล” นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ในส่วนของกรณีวัดบางคลานนั้น เท่าที่ทราบทางผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตรเข้าไปประสานงานอยู่แล้ว เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องผลประโยชน์ จึงต้องรู้ว่าผลประโยชน์คืออะไร หากเป็นผลประโยชน์ที่ถูกต้องก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร แสดงว่าเรื่องนี้ผลประโยชน์เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง.-สำนักข่าวไทย