นักวิชาการชี้ พท.ตั้งรัฐบาลสำเร็จต้องมี 2 ลุง

กรุงเทพฯ 10 ส.ค. – “สติธร” ชี้เพื่อไทยจะตั้งรัฐบาลสำเร็จต้องมีพรรค 2 ลุงเข้าร่วม ยังไม่ 100% “เศรษฐา” จะได้รับโหวต จับตา “สัญญาณลุง” มีผลเลือกนายกฯ ยืดเยื้อ เพื่อไทยง้อก้าวไกลหวังเยื้อยางหน้า


นายสติธร ธนานิธิโชติ ผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า กล่าวถึงแนวโน้มการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยว่า พรรคเพื่อไทยจะตั้งรัฐบาลสำเร็จได้จะต้องมีพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติ หรือพรรค 2 ลุง ร่วมรัฐบาล หากขาดพรรคลุงคนหนึ่งคนใดไปคงลำบาก โอกาสจะตั้งให้สำเร็จค่อนข้างยาก และสิ่งที่ยังต้องจับตาคือ พรรคเพื่อไทยจะได้รับเสียงโหวตจาก สว. หรือไม่ เพราะหากพรรค 2 ลุงไม่วางใจ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยอาจจะไม่ได้รับเลือก

“ต้องจับตาว่าถ้าเกมยืดเยื้อออกไปก็น่าสงสัยว่า เอ๊ะ จริงๆ หรือพรรคลุงไม่ได้หวังแค่ร่วมรัฐบาลเท่านั้น หลักที่สำคัญคือ ความเป็นนายกฯ นั้นลุงๆ จะไว้ใจนายกฯ ที่มาจากพรรคเพื่อไทยขนาดไหนว่าในอนาคตอันใกล้จะไม่ปรับ ครม. เอาพรรคเขาออกไป ไม่ใช้อำนาจยุบสภาฯ ในเวลาที่ยังไม่สมควร ถ้าเขายังมีความกังวลแบบนั้น อาจจะเป็นอุปสรรค ที่สุดท้ายพรรคเพื่อไทยแม้ว่าจะราบรื่นในการรวมเสียง แต่อาจเกิดอุปสรรคในการได้รับเสียงโหวต โดยเฉพาะจาก สว. จึงถือว่าขณะนี้แนวโน้มที่แคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทยจะเป็นนายกรัฐมนตรียังไม่ 100%” นายสติธร กล่าว


ส่วนหากพรรคเพื่อไทยดึงพรรค 2 ลุงมาร่วม สร้างความไม่พอใจให้กับมวลชนที่สนับสนุนหรือไม่นั้น นายสติธร กล่าวว่า จากที่จับตาดูเห็นว่าพรรคเพื่อไทยเลี้ยงกระแสมวลชนพอสมควร โดยฝ่ายที่กำลังตั้งรัฐบาลค่อยๆ ขยับทีละก้าว แล้วดูว่าความรู้สึกอารมณ์ของคนประมาณไหน พอจะรับกันไหวหรือไม่ ซึ่งคงต้องติดตามดูกันต่อไป เพราะวันนี้เป็นเพียงการเปิดตัวพรรคการเมืองอื่นๆ ที่อยู่คนละขั้วการเมืองมาก่อน แต่หากเปิดตัวพรรคลุงใดลุงหนึ่งจะได้เห็นปฏิกิริยามวลชนที่แท้จริงว่าเวลาร่วมกับลุงจะร้อนแรงแค่ไหน เพราะเพียงร่วมกับพรรคภูมิใจไทยยังมีความร้อนแรงระดับหนึ่ง คงต้องลองเชิงและประเมินสถานการณ์ดู เพราะอารมณ์โกรธของประชาชนเวลานี้ประเมินยาก โดยกลุ่มหนึ่งไม่พอใจที่พรรคเพื่อไทยข้ามขั้ว ส่วนกลุ่มที่เลือกพรรคเพื่อไทยจะรับได้แค่ไหนกับการที่จะไปร่วมกับพรรค 2 ลุง

“ในส่วนของกองเชียร์พรรคเพื่อไทย คงคาดหวังอยากให้แคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทยเป็นนายกรัฐมนตรี ดังนั้น ในวันนี้อาจกัดฟันพอทนไหวปล่อยให้พรรคเพื่อไทยยอมร่วมกับพรรค 2 ลุง โดยที่ 2 ลุง อาจจะไม่มีบทบาทมากนักในคณะรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลได้ แต่พรรคเพื่อไทยไม่ได้นายกรัฐมนตรีอาจจะเป็นเรื่องใหญ่กว่า และประชาชนอาจจะเริ่มต้นสั่งสอนตั้งแต่เมื่อเริ่มตั้งรัฐบาล โดยอาจจะแสดงออกและเคลื่อนไหว ส่วนในการเลือกตั้งครั้งหน้าต้องรอดูว่าเมื่อได้เป็นรัฐบาลแล้วมีผลงานหรือไม่ เพราะต้องยอมรับว่าวันนี้ที่คนเลือกพรรคเพื่อไทยเพราะเห็นว่าเคยมีผลงานในอดีต ไม่ได้มองเชิงอุดมการณ์เพียงอย่างเดียว” นายสติธร กล่าว

สำหรับกรณีที่พรรคเพื่อไทยไปขอเสียงโหวตนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกล ทำเป็นไปได้หรือไม่นั้น นายสติธร กล่าวว่า วันนี้คิดว่าไม่น่าจะโหวตให้แคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทย และด้วยตัวเลข สส. ขณะนี้หากพรรคเพื่อไทยไม่รวมพรรค 2 ลุง ก็ไม่ถึง 250 เสียง แม้พรรคก้าวไกลโหวตให้ก็ตั้งรัฐบาลไม่ได้


ส่วนที่มีข้อสังเกตว่าพรรคเพื่อไทยขอเสียงโหวตจากพรรคก้าวไกลแล้วในอนาคตค่อยปรับ ครม. ดึงพรรคก้าวไกลแทนพรรคภูมิใจไทย นายสติธร กล่าวว่า หากทำเช่นนั้นพรรคเพื่อไทยคงโดนพรรคภูมิใจไทยถล่ม เพราะวันนี้คุยกันไว้แบบหนึ่งแล้วพอตั้งรัฐบาลจะฉีกสัญญา หากทำเช่นนั้นคงเป็นภาพลักษณ์ที่ไม่ดีสำหรับพรรคเพื่อไทย อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าทางการเมืองอะไรก็เกิดขึ้นได้หมด ดังนั้น วันนี้จึงเห็นภาพพรรคเพื่อไทยไปง้อพรรคก้าวไกล เพื่อเหลือเยื่อใยเอาไว้ในวันข้างหน้า หากไปทำงานร่วมกันแล้วถูกต่อรองหรือมีเงื่อนไขเยอะ หรือมีข้อขัดแย้งกันไปต่อไม่ได้ เมื่อหันหลังกลับมาอย่างน้อยก็มีเพื่ออีก 151 คน ที่จะมีโอกาสกลับมาร่วมรัฐบาลด้วยกัน ดังนั้น ทางการเมืองจึงเผื่อเหลือเผื่อขาดกันเอาไว้

นายสติธร กล่าวถึงแนวโน้มที่จะได้นายกรัฐมนตรีว่าดูสัญญาณดูว่าไฟเขียว 2 ลุง จะหมดเงื่อนไขกันเมื่อไร น่าจะได้นายกรัฐมนตรีเมื่อนั้น โดยคาดว่าเร็วสุดดูจากกระบวนการแล้วหลังวันที่ 16 สิงหาคมนี้ อาจจะให้มีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้และน่าจะได้นายกรัฐมนตรีภายในเดือนนี้ โดยได้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย แต่ถ้าไม่จบต้องคิดว่าน่าจะอีกยาว.-สำนักข่าวไทย        

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

พล.อ.ณัฐพล เข้าเยี่ยมคำนับนายกฯ มาเลเซีย

มาเลเซีย 7 ส.ค.-พล.อ.ณัฐพล รมช.กห. เข้าเยี่ยมคำนับนายกฯ มาเลเซีย ก่อนถก GBC ไทย – กัมพูชา สมัยวิสามัญ บ่ายนี้ เมื่อเช้าวันนี้ (7 ส.ค. 68) พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เข้าเยี่ยมคำนับดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งเป็นประธานอาเซียนในขณะนี้และเป็นเจ้าภาพของสถานที่การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป(General Border Committee: GBC) ไทย – กัมพูชา สมัยวิสามัญ โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของกัมพูชาเข้าร่วมด้วย ซึ่งเป็นโอกาสแรกที่ฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาได้พบกันในระดับรัฐมนตรีก่อนที่จะเข้าร่วมประชุม GBC สมัยวิสามัญ ที่จะมีขึ้นในช่วงบ่ายของวันนี้ Deputy Minister of Defence pays courtesy call on Malaysian Prime Minister before Extraordinary Session of Thailand […]

“บิ๊กเต่า” ลุยค้น 3 จุด จับอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร – อดีตเจ้าอาวาส

กทม. 7 ส.ค.-“บิ๊กเต่า” ลุยค้น 3 จุด บุกจับอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร – อดีตเจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ก๊วนกิ๊กเก่า “สีกากอล์ฟ” หลังพบทุจริตยักยอกเงินวัด เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 7 ส.ค. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปาตแก้ว รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาฯ ป.ป.ท. นำกำลังตำรวจ บก.ปปป. และ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. เปิดปฏิบัติการ “กอล์ฟทีม EP.1” บุกค้นเป้าหมาย 3 จุด ใน จ.สุราษฎร์ธานี จ.พิจิตร และ จ.สมุทรสงคราม เพื่อจับกุมอดีตพระชั้นผู้ใหญ่ และ คนใกล้ชิด ที่เคยพัวพันสัมพันธ์ฉาวสีกากอล์ฟ หลังพบกระทำผิดทุจริตยักยอกเงินวัดมาใช้ดูแลสีกา เป้าหมายจุดแรกที่เข้าตรวจค้นเป็นสถานปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่ง จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นบ้านพักของนายทิวากร ดีไพร หรือ […]

มท.1 เด้งฟ้าผ่า ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี

เมืองทองธานี 7 ส.ค.-รมว.มหาดไทย สั่งเด้งฟ้าผ่า “ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี” ก่อนประชุมมอบนโยบายกระทรวงมหาดไทย เหตุมีปัญหาเบิกจ่ายงบประมาณดูแลประชาชนได้รับผลกระทบชายแดนไทย-กัมพูชา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เปิดเผยก่อนการประชุมมอบนโยบายสำคัญของกระทรวงมหาดไทย ว่า ได้มีการสั่งย้าย ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ให้มาช่วยราชการที่กระทรวงมหาดไทย หลังมีปัญหาเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณในการช่วยเหลือดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งมีการเบิกงบทดรองราชการจ่ายเพียง 55,600 บาท จากที่รัฐบาลจัดสรรงบประมาณให้ 100 ล้านบาท ส่วนจะย้ายชั่วคราว หรือถาวรน้้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า เดี๋ยวค่อยว่ากัน เมื่อถามว่า จะรอผลสอบก่อนใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เดี๋ยวค่อยว่ากันในรายละเอียด โดยคำสั่งจะออกในช่วงเช้าวันนี้ อย่างไรก็ตาม มีการยืนยันจากผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ว่าได้เดินทางมาร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย​ แต่ปฏิเสธที่จะแสดง​ความเห็น​ และไม่ขอให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน.-315.-สำนักข่าวไทย

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]