เพื่อไทย 23 ก.ค. – “เพื่อไทย-ชทพ.” หารือชื่นมื่น “วราวุธ” ยกระดับ ไม่ใช่แค่แก้ ม.112 แต่ไม่ขอจับมือกับพรรคการเมืองที่มีทัศนคติไม่ดีต่อสถาบัน ด้าน “ชลน่าน” ยันไม่ทิ้งก้าวไกล ชี้เดินสายคุยพรรคข้ามขั้ว ก้าวไกลรู้ทุกอย่าง ย้ำหากมีแค่ 8 พรรค ก็ได้แค่ 324 เสียง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการหารือร่วมกันประมาณ 40 นาที นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและแกนนำพรรคเพื่อไทย ได้นำนายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา พร้อมคณะ แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า หลังจากพรรคเพื่อไทยได้รับมอบภารกิจจากพรรคก้าวไกลให้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยย้ำว่า การดำเนินการวันนี้ เป็นไปตามมติของ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ให้พรรคเพื่อไทยดำเนินการแสวงหาเสียงสนับสนุนในรัฐสภา โดยมี 2 แนวทาง คือ 1. หาเสียงจากสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งมีคณะทำงาน และ 2. ให้พรรคเพื่อไทยดำเนินการหาเสียงสนับสนุนจากพรรคการเมือง เราจึงเชิญพรรคการเมืองต่างๆ ที่อยู่ในสภาฯ มาพบปะพูดคุย เพื่อให้พรรคการเมืองต่างๆ ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลภายใต้ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล โดยย้ำว่าไม่ใช่การร่วมรัฐบาล แค่การหารือพูดคุย หลังจากก่อนหน้านี้แต่ละพรรคได้แสดงจุดยืนผ่านทั้งแถลงการณ์และผ่านช่องทางอื่นๆ ซึ่งการพูดคุยของแต่ละพรรคก็เพื่อเป็นข้อมูลนำกลับเข้าไปพูดคุยในที่ประชุม 8 พรรค วันนี้จึงขอบคุณทางพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งนำโดยนายวราวุธ ที่ให้เกียรติกับพรรคเพื่อไทย มาหารือร่วมกัน โดย นพ.ชลน่าน เน้นย้ำว่า การหารือวันนี้กับพรรคชาติไทยพัฒนา เป็นไปตามแนวทางของ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ไม่ใช่การเชิญมาเพื่อร่วมรัฐบาล แต่จะเป็นแนวทางจัดตั้งรัฐบาลให้ได้อย่างไร
ด้านนายวราวุธ กล่าวขอบคุณพรรคเพื่อไทยและผู้บริหารพรรคที่ให้เกียรติเชิญมาหารือ และย้ำว่า สิ่งที่พรรคประกาศไว้ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งว่า หากจะทำงานร่วมกัน ไม่ว่าจะในมิติหรือบริบทใด จะต้องมีแนวนโยบายไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งพรรคชาติไทยพัฒนายืนยันตั้งแต่ก่อตั้งเป็นพรรคชาติไทย จนถึงปัจจุบัน พรรคมีจุดยืนชัดเจนที่เด่นชัดข้อหนึ่งคือ การทำงานเพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ อันเป็นสถาบันที่รัก ต้องไม่มีการแตะต้อง แก้ไข หรือยกเลิกมาตรา 112 ซึ่งเป็นแนวทางสำคัญ ตลอดถึงทัศนคติต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ หากพรรคการเมืองใดมีแนวคิดเช่นเดียวกัน ก็ร่วมงานกันได้ แต่หากมีพรรคการเมืองที่แนวคิดแตกต่าง หรือคิดเห็นไม่ตรงกัน เราก็คงจะแยกย้ายกันทำงาน ซึ่งสอดคล้องกับที่ นพ.ชลน่าน ได้กล่าวไว้ว่า การมาพูดคุยวันนี้ไม่ใช่การจัดตั้งรัฐบาล แต่เป็นแนวทางการทำงาน ดังนั้น ถ้าพรรคเพื่อไทยมีแนวทางคล้ายกับพรรคชาติไทยพัฒนา เกี่ยวกับสถาบันและมาตรา 112 และมีการเสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย พรรคชาติไทยพัฒนาก็ยินดีที่จะสนับสนุน แต่การทำงานของพรรคเพื่อไทยนั้นจะต้องไม่มีพรรคการเมืองใดที่แตกแยกออกไปจากที่พวกเราคิด หากมีแนวคิดแตกแยกออกไปก็คงจะต้องแยกย้ายกันทำงาน
เมื่อถามว่า หากพรรคก้าวไกลลดเงื่อนไขเรื่องมาตรา 112 จะสามารถร่วมงานได้หรือไม่ นายวราวุธ ย้ำว่า พรรคชาติไทยพัฒนาชัดเจนเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 และทัศนคติต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และไม่ได้เลือกที่รักมักที่ชังกับพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง หากมีทัศนคติเชิงบวกต่อสถาบัน
เมื่อถามย้ำว่า ประเมินทัศนคติต่อสถาบันของพรรคก้าวไกลอย่างไร นายวราวุธ กล่าวว่า พรรคชาติไทยพัฒนาประเมินได้ระดับหนึ่ง แต่คิดว่าพี่น้องประชาชนประเมินได้ดีกว่า เดี๋ยวจะหาว่าพรรคชาติไทยพัฒนามีอคติ คิดว่าพี่น้องประชาชนและสาธารณชนประเมินกันได้แล้ว และเห็นภาพชัดเจนกว่า
เมื่อถามว่า การที่พรรคเพื่อไทยเชิญพรรคการเมืองเข้ามาหารือนั้น ทำให้ถูกมองว่าเป็นการพยายามผลักพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้านหรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า การทำงานร่วมกันจะต้องมีแนวคิดไปในทิศทางเดียวกัน หากพรรคที่มีแนวคิดไม่ตรงกัน ก็คงไปด้วยกันไม่รอด ซึ่งพรรคชาติไทยพัฒนาพูดไปแล้ว พร้อมเป็นฝ่ายค้าน ไม่เดือดร้อน
นพ.ชลน่าน ชี้แจงเพิ่มเติมเรื่องเป็นการผลักให้พรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้านหรือไม่ ว่า เราดำเนินการตรงนี้ภายใต้เงื่อนไขของ 8 พรรคการเมือง คำตอบที่ได้ทั้งหมดของการหารือกับพรรคการเมือง จะเข้าสู่กระบวนการการทำงานของ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ที่จะต้องมีการพูดคุยกัน เมื่อ 8 พรรคร่วมฯ เห็นอย่างไร ก็จะเป็นมติ ไม่ใช่กระบวนการผลักพรรคก้าวไกล
เมื่อถามว่า เพื่อไทยจะเอาอย่างไรกับพรรคก้าวไกล และเป็นการยืมดาบจากพรรคอื่น เพื่อบีบก้าวไกลหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เพื่อไทยทำงานอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีลับลมคมในกับเพื่อนเรา เมื่อพรรคก้าวไกลส่งมอบภารกิจให้เรา เราก็เริ่มต้นด้วยการคุยกับ 8 พรรคการเมืองแล้ว พรรคเพื่อไทยมาทำงานตามแนวทาง 3 ข้อ ของมติ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล มาดำเนินการตามนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่พูดตามนั้นเป็นกระบวนการ ถ้าถามว่าเพื่อไทยจะเอาอย่างไรแน่ ก็ต้องหลังจากที่เราทำงานทั้งหมดเสร็จเรียบร้อย พูดคุยกับทุกพรรคการเมืองและสมาชิกวุฒิสภา แล้วเข้าสู่ที่ประชุม 8 พรรคร่วมฯ คำตอบจะอยู่ตรงนั้น
เมื่อถามถึงกรณีที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง ระบุว่า ไม่ควรจับมือกับพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เป็นสิทธิเสรีภาพในการแสดงความเห็น เพื่อไทยไม่ปิดกั้น
เมื่อถามถึงสิ่งที่ นพ.ชลน่าน เคยประกาศไว้ก่อนหาเสียงเลือกตั้งในเวทีดีเบต พร้อมลาออก หากจับมือกับ 2 ลุง นพ.ชลน่าน ระบุว่า จำได้ตลอด และจำได้ดี แต่ขอให้รอสถานการณ์เกิดขึ้นจริง ถึงจะมีคำตอบ และจะตอบคำถามนี้แน่นอน
เมื่อถามว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องจับมือกับ 8 พรรคการเมืองใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ตอนนี้เราแสวงหาเสียงให้ได้ 376 เสียง เพราะหากมีแค่ 8 พรรค ก็จะได้แค่ 312 เสียง รวมกับ สว. อีก 13 เสียง ก็จะได้แค่ 324 เสียง ดังนั้น เราต้องหาทางออก ภายใต้แนวทางที่ 8 พรรคการเมืองมอบหมายให้พรรคเพื่อไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการพูดคุยเป็นไปอย่างชื่นมื่น โดยภายหลังการแถลงข่าว ผู้สื่อข่าวได้แซวนายวราวุธ ที่คาดเข็มขัดสีแดงร่วมวงประชุมกับพรรคเพื่อไทยวันนี้ ขณะที่นายวราวุธ บอกว่า แม้แต่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ก็ยังสวมเสื้อเชิ้ตด้านในเป็นสีชมพูเช่นกัน ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อว่า วันนี้ได้โทรนัดกันมาหรือไม่ในการแต่งตัว แต่ นพ.ชลน่าน ได้เข้ามาห้าม โดยทำมือเป็นสัญลักษณ์ไขว้กัน เพื่อไม่ให้ทั้งสองคนพูดต่อ
ทั้งนี้ ก่อนเดินทางกลับ นายวราวุธ ยังเปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวอย่างอารมณ์ดี เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ตั้งใจใส่เข็มขัดแดงมาเลยหรือเปล่า ว่า เราชอบใส่ปกติอยู่แล้ว ใส่มานานแล้ว พร้อมบอกว่า ได้ชิมเมนูมินต์ช็อกแล้ว อร่อยดีต่อใจ แต่ไม่ดีต่อสุขภาพ เพราะทั้งหวานและมัน ต้องชม เพราะทราบมาว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย เป็นคนคิดสูตรนี้ขึ้นมา แนะนำว่าเมื่อกินแล้วต้องไปวิ่งออกกำลังกายต่อ
อย่างไรก็ตาม วันนี้มีการสั่งเครื่องดื่มมินต์ช็อกให้แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนาได้ลองดื่ม ระหว่างการประชุมภายในห้องประชุม แทนการลงมาดื่มที่ห้อง Think Lab. – สำนักข่าวไทย