“พท.-ชทพ.” หารือชื่นมื่น “วราวุธ” ลั่นไม่จับมือพรรคทัศนคติไม่ดีต่อสถาบัน

เพื่อไทย 23 ก.ค. – “เพื่อไทย-ชทพ.” หารือชื่นมื่น “วราวุธ” ยกระดับ ไม่ใช่แค่แก้ ม.112 แต่ไม่ขอจับมือกับพรรคการเมืองที่มีทัศนคติไม่ดีต่อสถาบัน ด้าน “ชลน่าน” ยันไม่ทิ้งก้าวไกล ชี้เดินสายคุยพรรคข้ามขั้ว ก้าวไกลรู้ทุกอย่าง ย้ำหากมีแค่ 8 พรรค ก็ได้แค่ 324 เสียง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการหารือร่วมกันประมาณ 40 นาที นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและแกนนำพรรคเพื่อไทย ได้นำนายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา พร้อมคณะ แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า หลังจากพรรคเพื่อไทยได้รับมอบภารกิจจากพรรคก้าวไกลให้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยย้ำว่า การดำเนินการวันนี้ เป็นไปตามมติของ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ให้พรรคเพื่อไทยดำเนินการแสวงหาเสียงสนับสนุนในรัฐสภา โดยมี 2 แนวทาง คือ 1. หาเสียงจากสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งมีคณะทำงาน และ 2. ให้พรรคเพื่อไทยดำเนินการหาเสียงสนับสนุนจากพรรคการเมือง เราจึงเชิญพรรคการเมืองต่างๆ ที่อยู่ในสภาฯ มาพบปะพูดคุย เพื่อให้พรรคการเมืองต่างๆ ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลภายใต้ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล โดยย้ำว่าไม่ใช่การร่วมรัฐบาล แค่การหารือพูดคุย หลังจากก่อนหน้านี้แต่ละพรรคได้แสดงจุดยืนผ่านทั้งแถลงการณ์และผ่านช่องทางอื่นๆ ซึ่งการพูดคุยของแต่ละพรรคก็เพื่อเป็นข้อมูลนำกลับเข้าไปพูดคุยในที่ประชุม 8 พรรค วันนี้จึงขอบคุณทางพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งนำโดยนายวราวุธ ที่ให้เกียรติกับพรรคเพื่อไทย มาหารือร่วมกัน โดย นพ.ชลน่าน เน้นย้ำว่า การหารือวันนี้กับพรรคชาติไทยพัฒนา เป็นไปตามแนวทางของ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ไม่ใช่การเชิญมาเพื่อร่วมรัฐบาล แต่จะเป็นแนวทางจัดตั้งรัฐบาลให้ได้อย่างไร


ด้านนายวราวุธ กล่าวขอบคุณพรรคเพื่อไทยและผู้บริหารพรรคที่ให้เกียรติเชิญมาหารือ และย้ำว่า สิ่งที่พรรคประกาศไว้ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งว่า หากจะทำงานร่วมกัน ไม่ว่าจะในมิติหรือบริบทใด จะต้องมีแนวนโยบายไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งพรรคชาติไทยพัฒนายืนยันตั้งแต่ก่อตั้งเป็นพรรคชาติไทย จนถึงปัจจุบัน พรรคมีจุดยืนชัดเจนที่เด่นชัดข้อหนึ่งคือ การทำงานเพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ อันเป็นสถาบันที่รัก ต้องไม่มีการแตะต้อง แก้ไข หรือยกเลิกมาตรา 112 ซึ่งเป็นแนวทางสำคัญ ตลอดถึงทัศนคติต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ หากพรรคการเมืองใดมีแนวคิดเช่นเดียวกัน ก็ร่วมงานกันได้ แต่หากมีพรรคการเมืองที่แนวคิดแตกต่าง หรือคิดเห็นไม่ตรงกัน เราก็คงจะแยกย้ายกันทำงาน ซึ่งสอดคล้องกับที่ นพ.ชลน่าน ได้กล่าวไว้ว่า การมาพูดคุยวันนี้ไม่ใช่การจัดตั้งรัฐบาล แต่เป็นแนวทางการทำงาน ดังนั้น ถ้าพรรคเพื่อไทยมีแนวทางคล้ายกับพรรคชาติไทยพัฒนา เกี่ยวกับสถาบันและมาตรา 112 และมีการเสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย พรรคชาติไทยพัฒนาก็ยินดีที่จะสนับสนุน แต่การทำงานของพรรคเพื่อไทยนั้นจะต้องไม่มีพรรคการเมืองใดที่แตกแยกออกไปจากที่พวกเราคิด หากมีแนวคิดแตกแยกออกไปก็คงจะต้องแยกย้ายกันทำงาน

เมื่อถามว่า หากพรรคก้าวไกลลดเงื่อนไขเรื่องมาตรา 112 จะสามารถร่วมงานได้หรือไม่ นายวราวุธ ย้ำว่า พรรคชาติไทยพัฒนาชัดเจนเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 และทัศนคติต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และไม่ได้เลือกที่รักมักที่ชังกับพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง หากมีทัศนคติเชิงบวกต่อสถาบัน

เมื่อถามย้ำว่า ประเมินทัศนคติต่อสถาบันของพรรคก้าวไกลอย่างไร นายวราวุธ กล่าวว่า พรรคชาติไทยพัฒนาประเมินได้ระดับหนึ่ง แต่คิดว่าพี่น้องประชาชนประเมินได้ดีกว่า เดี๋ยวจะหาว่าพรรคชาติไทยพัฒนามีอคติ คิดว่าพี่น้องประชาชนและสาธารณชนประเมินกันได้แล้ว และเห็นภาพชัดเจนกว่า


เมื่อถามว่า การที่พรรคเพื่อไทยเชิญพรรคการเมืองเข้ามาหารือนั้น ทำให้ถูกมองว่าเป็นการพยายามผลักพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้านหรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า การทำงานร่วมกันจะต้องมีแนวคิดไปในทิศทางเดียวกัน หากพรรคที่มีแนวคิดไม่ตรงกัน ก็คงไปด้วยกันไม่รอด ซึ่งพรรคชาติไทยพัฒนาพูดไปแล้ว พร้อมเป็นฝ่ายค้าน ไม่เดือดร้อน

นพ.ชลน่าน ชี้แจงเพิ่มเติมเรื่องเป็นการผลักให้พรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้านหรือไม่ ว่า เราดำเนินการตรงนี้ภายใต้เงื่อนไขของ 8 พรรคการเมือง คำตอบที่ได้ทั้งหมดของการหารือกับพรรคการเมือง จะเข้าสู่กระบวนการการทำงานของ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ที่จะต้องมีการพูดคุยกัน เมื่อ 8 พรรคร่วมฯ เห็นอย่างไร ก็จะเป็นมติ ไม่ใช่กระบวนการผลักพรรคก้าวไกล

เมื่อถามว่า เพื่อไทยจะเอาอย่างไรกับพรรคก้าวไกล และเป็นการยืมดาบจากพรรคอื่น เพื่อบีบก้าวไกลหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เพื่อไทยทำงานอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีลับลมคมในกับเพื่อนเรา เมื่อพรรคก้าวไกลส่งมอบภารกิจให้เรา เราก็เริ่มต้นด้วยการคุยกับ 8 พรรคการเมืองแล้ว พรรคเพื่อไทยมาทำงานตามแนวทาง 3 ข้อ ของมติ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล มาดำเนินการตามนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่พูดตามนั้นเป็นกระบวนการ ถ้าถามว่าเพื่อไทยจะเอาอย่างไรแน่ ก็ต้องหลังจากที่เราทำงานทั้งหมดเสร็จเรียบร้อย พูดคุยกับทุกพรรคการเมืองและสมาชิกวุฒิสภา แล้วเข้าสู่ที่ประชุม 8 พรรคร่วมฯ คำตอบจะอยู่ตรงนั้น

เมื่อถามถึงกรณีที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง ระบุว่า ไม่ควรจับมือกับพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เป็นสิทธิเสรีภาพในการแสดงความเห็น เพื่อไทยไม่ปิดกั้น

เมื่อถามถึงสิ่งที่ นพ.ชลน่าน เคยประกาศไว้ก่อนหาเสียงเลือกตั้งในเวทีดีเบต พร้อมลาออก หากจับมือกับ 2 ลุง นพ.ชลน่าน ระบุว่า จำได้ตลอด และจำได้ดี แต่ขอให้รอสถานการณ์เกิดขึ้นจริง ถึงจะมีคำตอบ และจะตอบคำถามนี้แน่นอน

เมื่อถามว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องจับมือกับ 8 พรรคการเมืองใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ตอนนี้เราแสวงหาเสียงให้ได้ 376 เสียง เพราะหากมีแค่ 8 พรรค ก็จะได้แค่ 312 เสียง รวมกับ สว. อีก 13 เสียง ก็จะได้แค่ 324 เสียง ดังนั้น เราต้องหาทางออก ภายใต้แนวทางที่ 8 พรรคการเมืองมอบหมายให้พรรคเพื่อไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการพูดคุยเป็นไปอย่างชื่นมื่น โดยภายหลังการแถลงข่าว ผู้สื่อข่าวได้แซวนายวราวุธ ที่คาดเข็มขัดสีแดงร่วมวงประชุมกับพรรคเพื่อไทยวันนี้ ขณะที่นายวราวุธ บอกว่า แม้แต่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ก็ยังสวมเสื้อเชิ้ตด้านในเป็นสีชมพูเช่นกัน ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อว่า วันนี้ได้โทรนัดกันมาหรือไม่ในการแต่งตัว แต่ นพ.ชลน่าน ได้เข้ามาห้าม โดยทำมือเป็นสัญลักษณ์ไขว้กัน เพื่อไม่ให้ทั้งสองคนพูดต่อ

ทั้งนี้ ก่อนเดินทางกลับ นายวราวุธ ยังเปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวอย่างอารมณ์ดี เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ตั้งใจใส่เข็มขัดแดงมาเลยหรือเปล่า ว่า เราชอบใส่ปกติอยู่แล้ว ใส่มานานแล้ว พร้อมบอกว่า ได้ชิมเมนูมินต์ช็อกแล้ว อร่อยดีต่อใจ แต่ไม่ดีต่อสุขภาพ เพราะทั้งหวานและมัน ต้องชม เพราะทราบมาว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย เป็นคนคิดสูตรนี้ขึ้นมา แนะนำว่าเมื่อกินแล้วต้องไปวิ่งออกกำลังกายต่อ

อย่างไรก็ตาม วันนี้มีการสั่งเครื่องดื่มมินต์ช็อกให้แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนาได้ลองดื่ม ระหว่างการประชุมภายในห้องประชุม แทนการลงมาดื่มที่ห้อง Think Lab. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

รฟท.เร่งกู้รถไฟตกรางที่กุยบุรี คาดเสร็จภายในเที่ยงคืนนี้

ประจวบคีรีขันธ์ 9 ส.ค. – รฟท.เร่งกู้รถไฟตกรางที่กุยบุรี คาดเสร็จสิ้นภายในเที่ยงคืนนี้ ด้าน พฐ.ร่วมตรวจหาสาเหตุตกรางกับนายช่างรถไฟ สันนิษฐานเบื้องต้นนอตล็อกประแจสับรางหลุด ส่วนผู้บาดเจ็บ 10 ราย ออกจาก รพ.แล้ว ความคืบหน้าเหตุรถไฟขบวนด่วนพิเศษ สุไหงโก-ลก ปาดังเบซาร์ ปลายทางสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ประสบอุบัติเหตุตกราง ก่อนถึงสถานีรถไฟกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ประมาณ 100 เมตร เหตุเกิดเมื่อช่วงตี 5 วันนี้ โดยตู้โดยสารที่เกิดเหตุคือ 3 ตู้สุดท้าย 10-12 ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 10 คน นำส่งโรงพยาบาลกุยบุรี ผู้โดยสารตู้ที่ตกราง เจ้าหน้าที่จัดรถบัสนำส่งต่อไปยังจุดหมายปลายทาง ส่วนตู้โดยสารที่ไม่ตกราง เดินทางต่อจนถึงสถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ ล่าสุดตำรวจ สภ.กุยบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ลงพื้นที่ตรวจหาสาเหตุรถไฟตกราง ร่วมกับนายช่างวิศวกรของการรถไฟฯ อีกครั้ง จากการตรวจสอบสันนิษฐานเบื้องต้นคาดว่าเกิดจากนอตยึดอุปกรณ์ประแจตัวสับรางหลุด ขณะที่ขบวนรถไฟวิ่งผ่านไปแล้ว 9 ตู้ เหลือ 3 ตู้สุดท้าย ทำให้ไม่สามารถบังคับให้วิ่งตามไปด้วยกันได้ จึงถูกกระชากหลุดด้วยแรงเฉื่อยของความเร็วรถไฟแล้วตกจากราง หรืออาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ […]

“บุ๋ม” รับผ้ายันต์-เหรียญครุฑ หลวงพ่อวราห์ แจกทหารชายแดน

9 ส.ค. – “บุ๋ม ปนัดดา” เริ่มภารกิจโฆษกจิตอาสา ศบ.ทก. วันแรก เข้ารับผ้ายันต์-เหรียญครุฑ จากหลวงพ่อวราห์ นำไปมอบให้ทหารชายแดนไทย-กัมพูชา สร้างขวัญกำลังใจแนวหน้า บุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี โฆษกจิตอาสา ศบ.ทก. ที่ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ หรือบิ๊กเล็ก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แต่งตั้ง เข้าพบหลวงพ่อวราห์ พระเทพวชิระวิทยานุสิฐ วราห์ ปุญฺญวโร ตำนานผู้สร้างพญาครุฑ เพื่อรับผ้ายันต์และเหรียญครุฑ ไปแจกให้ทหารตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจทหารแนวหน้า บุ๋ม ปนัดดา กล่าวว่า ได้รับการประสานจากหลวงพ่อวราห์ ให้เข้ามารับผ้ายันต์และเหรียญครุฑ นำไปมอบให้กับทหารชายแดน เพราะทหารต้องการขวัญและกำลังใจ ดังนั้น อะไรที่ทำให้ทหารอุ่นใจและมีกำลังใจก็จะทำให้ สำหรับผ้ายันต์หลวงพ่อวราห์ แห่งวัดโพธิ์ทอง บางมด กรุงเทพฯ ผ้ายันต์รุ่นบูชาครู จำนวน 2,000 ผืน และเหรียญครุฑ รุ่นเฉพาะกิจ จำนวน 2,000 เหรียญ ที่บุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี […]

“มาริษ” เผยเห็นภาพชัดขึ้น หลังลงพื้นที่เสียหาย จ.สุรินทร์

สุรินทร์ 9 ส.ค.- “มาริษ” เผยเห็นภาพชัดขึ้น หลังลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ สำรวจความเสียหายจากการโจมตีของกัมพูชา เตรียมใช้เป็นข้อชี้แจงนานาชาติ กัมพูชาใช้อาวุธระยะไกลโจมตีพื้นที่พลเรือน ยันพร้อมประสานให้ ICRC – UN มาดูพื้นที่ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนภายหลังการลงพื้นที่สำรวจความเสียหายที่จังหวัดสุรินทร์ จากเหตุการณ์ปะทะกันตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา ว่า เรื่องข้อมูลของการละเมิดสิทธิ และละเมิดกฎสหประชาชาติกฎหมายระหว่างประเทศของกัมพูชา เรามีข้อมูลครบถ้วนอยู่แล้ว เมื่อวันนี้ได้มาเห็นสภาพจริง และมาเก็บข้อมูลเพิ่มเติม ได้เห็นภาพนอกเหนือจากข้อมูล ก็เป็นภาพที่เห็นชัดเจน รวมถึงการบรรยายสรุปของผู้ว่าราชการจังหวัด เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ที่อธิบายให้เห็นการโจมตีเป้าหมายที่ห่างไกลออกจากเขตแดน ซึ่งตนเองใช้เป็นข้อชี้แจงกับนานาชาติ และองค์กรสหประชาชาติว่าการใช้ประเภทอาวุธระยะไกลของฝ่ายกัมพูชาจะทำให้เกิดปัญหา และจะทำให้ประชาชนพลเรือนได้รับผลกระทบโดยตรง ซึ่งเป็นการโจมตีเป้าหมายไปยังพลเรือน แต่ยังไม่สามารถเข้าไปดูพื้นที่กับระเบิด และวันนี้ทราบว่ามีทหารเหยียบกับระเบิดที่วางอยู่ตามแนวชายแดน โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจง และแสดงความผิดหวัง และไม่ปราถนาที่จะเห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นในช่วงการเจรจา เพื่อแก้ไขปัญหาระหว่างกันให้สำเร็จอย่างยั่งยืน ส่วนนี้เราจะแสดงจุดยืนที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้อาวุธ หรือทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา อย่างชัดเจน นายมาริษ กล่าวว่าการเดินทางมาครั้งนี้ ได้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นในสิ่งที่เราเรียกร้องมาโดยตลอด ว่าเราทำตนอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว และได้แสดงตนให้ประชาคมโลก […]

ทบ.ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน

กรุงเทพฯ 9 ส.ค. – โฆษก ทบ. ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิดขณะลาดตระเวนเส้นทาง พื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จ.ศรีสะเกษ บาดเจ็บ 3 นาย สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า วันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 กรณีกำลังพลของหน่วยกองร้อยทหารราบที่ 111 เหยียบกับระเบิด ขณะทำการลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จังหวัดศรีสะเกษ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ได้แก่ 1. จ่าสิบเอก ธานี พาหา ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ป้องกัน บาดเจ็บรุนแรง ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด2. พลทหาร ภาคภูมิ ไชยสุระ ตำแหน่งพลปืนเล็ก บาดเจ็บบริเวณแขนและด้านหลัง3. พลทหาร ธนันชัย ไกรวงค์ […]