“ลุงป้อม” ย้ำข้ามขัดแย้งทางออกปท.

กรุงเทพฯ 21 เม.ย.-“พล.อ.ประวิตร” โพสต์จดหมายฉบับ 10 ชัยชนะที่ไม่ก่อความร้าวฉาน ระบุไม่ได้พูดเอาเท่ แต่ไทยไม่มีทางออกอื่นแล้ว นอกจากก้าวข้ามความขัดแย้ง ยันเป็นคนกลับสูตรบัตรเลือกตั้ง 2ใบ หาร 100 


พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โพสต์เฟซบุ๊ก จดหมายฉบับที่ 10 ถึง ชัยชนะที่ไม่ก่อความ “ร้าวฉาน” โดยระบุว่า ตอนนี้การหาเสียงเริ่มที่จะแสดงออกด้วยการโจมตีกันรุนแรงมากขึ้นอีกแล้ว จะเห็นว่าระดับผู้นำของพรรคการเมืองกลับมาเล่นงานคนที่มีความคิดแตกต่างกับตัวด้วยท่าทีก้าวร้าว ขนาดขับไล่ไสส่งให้ “ไปเสียให้พ้นจากแผ่นดินไทย” ขณะที่อีกฝ่ายก็เอาแต่ประกาศกร้าวตัดขาดที่จะร่วมมือกับฝ่ายกีดกันไว้เป็นฝ่ายตรงกันข้าม เป็นบรรยากาศที่แบบ “ชี้หน้าคนเห็นต่างว่าเป็นศัตรู”  ด้วยท่าทีของการ “ปลุกระดม” ให้เกิดความขัดแย้ง แตกแยกรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ

พล.อ.ประวิตร ระบุว่า ความเป็นไปที่มีแนวโน้มเช่นนี้ ย่อมถือว่าอันตรายอย่างยิ่งต่อการอยู่ร่วมกันเป็นชาติที่ประชาชนมีความร่วมมือร่วมใจซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของการพัฒนาให้ประเทศเดินหน้าไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองได้ จึงต้องมาย้ำอีกครั้งว่า “ประเทศไม่มีทางออกอื่น นอกจากต้องร่วมกันก้าวข้ามความขัดแย้ง” และขอให้รู้ว่าที่พูดเรื่องนี้ และขอให้ทุกคน ทุกฝ่ายร่วมมือกัน ไม่ใช่เรื่องที่ผมมาพูดเอาเท่ หรือสร้างจุดขายที่แตกต่างของการเป็นผู้นำการเมืองอย่างที่หลาย ๆ คนพยายามคิดและพูดกันไป ไม่ได้ตั้งใจสร้างภาพให้เกิดความต่างเพื่อเป็น “ตัวเลือกใหม่” หรืออะไรอย่างนั้น


“แต่ผมรู้สึกและเกิดเป็นความคิดจริง ๆ ว่า “การเมืองเดินหน้าต่อไปไม่ได้ หากไม่ก้าวข้ามความขัดแย้ง” และผมขอบอกว่า เป็นความรู้สึก และความคิดที่เกิดจาก “ประสบการณ์” อันหมายถึงการได้เห็น ได้ยินได้ฟัง ได้สัมผัสรับรู้มา จากคนในทุกกลุ่ม ทุกวงการ ทั้ง “ฝ่ายอนุรักษ์นิยม”ที่ชินกับการจัดการด้วยอำนาจ และ “ฝ่ายเสรีนิยม”ที่มีธรรมชาติของการเปิดรับความคิดเห็นที่แตกต่างได้มากกว่า ผมเห็นจุดอ่อน และจุดแข็งของทั้ง 2 ฝ่ายที่ไม่มีทางจะทำให้ฝ่ายตรงกันข้ามพ่ายแพ้อย่างราบคาบ โดยฝ่ายตัวได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาด เพราะเห็นเช่นนี้ ผมจึงตัดสินใจใช้เวลาของชีวิตที่เหลืออยู่ หาทางทำให้ประเทศมีทางออกจาก “วงจรอันสิ้นหวังของการร่วมกันอย่างสุขสงบ” นี้ให้ได้เสียที” พล.อ.ประวิตร ระบุ

พล.อ.ประวิตร ระบุว่า มีคำถามว่า “ผมจะทำอะไร” ผมอยากจะบอกว่า ในความเป็นจริงนั้นผมทำเรื่อง “ก้าวข้ามความขัดแย้ง”มาก่อนหน้านี้แล้ว เป็นการทำอย่างเงียบๆ และโดยใช้ “ความเป็นผม”ทั้งหมดเพื่อให้เกิดความสำเร็จ คำตอบในเรื่องนี้ เห็นได้ไม่ยากหากย้อนไปทบทวนช่วง “รัฐสภาแก้ไขรัฐธรรมนูญ” จาก “เลือกตั้งด้วยบัตรใบเดียว” มาเป็น “สองใบ” และแก้ตัวหารคะแนนส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์จาก “500” มาเป็น “100” ช่วงนั้นเกิดความขัดแย้งรุนแรง พรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคเห็นไปทางเดียวกับสมาชิกวุฒิสภาที่ไม่เอาด้วยกับแนวทางนั้น ต้องการให้เลือกด้วยบัตรใบเดียว ปาร์ตี้ลิสต์หาร 500 เหมือนเดิม เพราะมองไม่เห็นว่าแก้ไขแล้วพรรครัฐบาลจะมีโอกาสชนะพรรคฝ่ายค้านที่เป็นพรรคใหญ่ มีสมาชิกและเครือข่ายฐานเสียงมากกว่าได้อย่างไร

“ขณะที่ “พรรคการเมือง”บางพรรคโจมตี ส.ว.อย่างรุนแรง ทำนองว่า เป็นส่วนเกินที่ให้ผลในทางเลวร้ายต่อประชาธิปไตย ไม่ควรจะออกมาใช้สิทธิแสดงความคิด ออกเสียงสร้างความเกลียดชังต่อกันรุนแรง ตอนนั้นผมเป็นผู้นำ “พลังประชารัฐ”ที่เป็นพรรคแกนนำรัฐบาล มีแรงกดดันมากมายทั้งในพรรคและนอกพรรค อย่างที่รู้ ๆ กันว่าแม้แต่ “ผู้นำในทำเนียบรัฐบาล” ก็ส่งสัญญาณผ่านคนใกล้ชิดว่า “ต้องกลับเป็นบัตรใบเดียว และปาร์ตี้ลิสต์หาร 500” เพื่อความได้เปรียบของพรรคร่วมรัฐบาล ตัดโอกาสที่จะชนะของพรรคฝ่ายค้านที่เป็นพรรคใหญ่ เป็นผมเองที่เห็นว่า “จะใช้อำนาจทำแบบนั้นไม่ได้ ถึงเวลาที่จะต้องจัดการให้การเมืองเดินหน้าไปโดยยึดหลักการประชาธิปไตย” แต่ความยากอยู่ที่จะคุยอย่างไร ให้เสียงส่วนใหญ่ทำตามอย่างที่ผมเห็น ยากตรงที่มีการโจมตี สว.ด้วยถ้อยคำรุนแรงมากมาย จนมองไม่เห็นว่าจะดึงอารมณ์ให้กลับมาพูดดี ๆ อย่างเข้าอกเข้าใจกันได้อย่างไร” พล.อ.ประวิตร ระบุ


พล.อ.ประวิตร ระบุว่า ตอนนั้น แม้แต่ใน “พรรคพลังประชารัฐ”ยังมีแค่ไม่กี่คนที่เข้าใจในแนวทางแบบที่ผมเชื่อว่าต้องยืนหยัดในหลักประชาธิปไตย แต่ด้วยความเข้าใจในอนุรักษ์นิยม” ลองไปค้นข้อมูลกลับมาดูได้ จะเห็นว่าแม้แต่นายกฯ ตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชายังถูกมองว่าไม่เอาด้วยกับการแก้ไขบัตรเลือกตั้ง โดยช่วงนั้นนักการเมืองที่รู้กันว่าเป็นสายตรงนายกฯออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านชัดเจน เป็นภารกิจที่ยากทีเดียวในการพูดคุยหาทางก้าวข้ามความขัดแย้ง เดินหน้าในหลักการประชาธิปไตย โดยฟากอนุรักษ์นิยมให้ความร่วมมือ ทั้งที่ถูกโจมตีหนักจากฝ่ายเสรีนิยม แต่ผมทำได้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญในเรื่องนี้ประสบความสำเร็จ สำเร็จตามความตั้งใจและลงมือด้วยประสบการณ์ และความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกฝ่ายที่ผมสร้างสมมา

“แม้วันนี้จะมีคนโจมตีว่าผมเป็น “เผด็จการจำแลง” ผมก็เพียงบอกตัวเองว่า ผมอาจจะอธิบาย “จิตวิญญาณประชาธิปไตย”ที่มีในตัวผมยังไม่ชัด ซึ่งเป็นหน้าที่ของผมว่าจะต้องอธิบายต่อไป  ผมขอยืนยันว่า ถึงวันนี้ประเทศเรายังไม่มีคำตอบอื่น นอกจากทำให้อนุรักษ์นิยมซึ่งเป็นแก่นของความเป็นชาติ อยู่ด้วยและร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาไปด้วยเสรีนิยมที่มีความคล่องตัวและได้รับการสนับสนุนจากนานาประเทศมากกว่า ซึ่งผมเชื่อว่าผมทำได้ และผมต้องเป็นคนทำ เพียงแต่เมื่อถึงวันนี้เกิดปรากฏการณ์ที่น่าเป็นกังวลอย่างยิ่ง การหาเสียงเลือกตั้งที่มุ่งแต่ชัยชนะ ก่อให้เกิดการโจมตีกันรุนแรง จนมองเห็นแนวโน้มของความแตกแยก ถึงขั้นขับไสไล่ส่งไม่ให้อยู่ร่วมชาติ เกิดขี้นอีกแล้ว ทั้งที่ทุกเรื่องมีวิธีการแก้ไข” พล.อ.ประวิตร ระบุ

พล.อ.ประวิตร ระบุว่า หากทุกฝ่ายร่วมมือกันคิดทำ โดยก้าวข้ามความขัดแย้งแค่อย่าหักโหมที่จะเอาชนะกัน เสียจนลืมว่าเป็นการดีกว่าหากเปลี่ยนเป็นร่วมมือทำงานเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ร่วมกันในฐานะประชาชนชาวไทยที่เป็นหนึ่งเดียว ผมขอจบ Facebook ฉบับที่ 10 และในฉบับที่ 11 ผมจะพูดถึงเรื่อง เป็นนายกฯ ต้องให้เกียรติสภาอย่างไร โปรดติดตามครับ” พล.อ.ประวิตร ระบุ.-สำนักข่าวไทย     

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เมียติด GPS รถผัว ตามง้อถึงบ้าน ฝ่ายชายเมิน ยิงดับ

ภรรยาติด GPS รถสามี ตามง้อไม่สำเร็จ ซัดด้วยลูกโม่ตายคาใต้ถุนบ้าน คาดปมทะเลาะหึงหวง คิดจบชีวิตตัวเองตาม แต่พ่อสามียึดปืนไว้ทัน

ครูสูญเงิน 1.2 ล้านบาท มิจฉาชีพหลอกเป็นที่ดิน-จนท.ธนาคาร

ครูสาวชาวอุบลราชธานี ถูกมิจฉาชีพอ้างตัวเป็นหน่วยงานราชการ และเจ้าหน้าที่ธนาคาร ใช้เบอร์ธนาคารโทรหาจึงหลงเชื่อ สูญเงินกว่า 1.2 ล้านบาท

สุราษฎร์ฯ คลื่นลมแรง น้ำทะเลหนุนสูงท่วมบ้าน-รีสอร์ต

ฝนตกหนัก-คลื่นลมแรง น้ำทะเลหนุนสูงซัดบ้านพัก-รีสอร์ต อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี พังเสียหาย 4 หลัง เตือนเรือประมงงดออกจากฝั่ง

New threats in Los Angeles as wildfire switches direction

ไฟป่าแอลเอเปลี่ยนทิศสร้างปัญหาใหม่

ลอสแอนเจลิส 12 ม.ค.- รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐเกิดภัยคุกคามใหม่วานนี้ เมื่อไฟป่าที่โหมไหม้เผาหลายพื้นที่ทั่วเทศมณฑลลอสแอนเจลิสหรือแอลเอเคาน์ตี้ได้เปลี่ยนทิศทาง ทำให้ต้องสั่งอพยพประชาชนเพิ่มเติม และกลายเป็นปัญหาท้าทายใหม่สำหรับทีมนักดับเพลิง พื้นที่เขตแคลิฟอร์เนียใต้เผชิญไฟป่ามาตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม โดยเกิดไฟป่าพร้อมกัน 6 จุดทั่วแอลเอเคาน์ตี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 11 คน  ผู้สูญหาย 13 คน  บ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างเสียหายหรือถูกทำลายรวมแล้วกว่า 10,000 หลัง คาดว่าความเสียหายทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินจะเพิ่มขึ้นอีก เมื่อเจ้าหน้าที่สามารถเข้าตรวจสอบพื้นที่ประสบภัยได้อย่างละเอียด ขณะนี้ยังคงมีประชาชน 153,000 คนอยู่ภายใต้คำสั่งอพยพ และอีก 166,800 คน เสี่ยงต้องอพยพเนื่องจากมีการประกาศเคอร์ฟิวในทุกพื้นที่ที่มีการอพยพประชาชนหนีไฟป่า ขณะเดียวกันเครื่องบินกองทัพอากาศของเม็กซิโกได้ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐเมื่อวานนี้ เพื่อนำทีมบุคคลากร 74 คนจากกองทัพบกและคณะกรรมาธิการป่าไม้แห่งชาติ ไปช่วยปฏิบัติการดับไฟป่าที่กำลังลุกไหม้ลามไม่หยุดทั่วเขตแคลิฟอร์เนียใต้ ภารกิจด้านมนุษยธรรมดังกล่าวครอบคลุมทั้งปฏิบัติการดับไฟป่าและปกป้องพลเรือน ขณะที่กงสุลเม็กซิโกในเมืองแอลเอประกาศไม่ปิดทำการและเสนอให้ที่พักพิงกับผู้ประสบภัยชาวเม็กซิโก ไม่ว่าจะมีสถานะเป็นผู้อพยพหรือไม่ ปัจจุบันมีชาวเม็กซิโกหรือลูกหลานชาวเม็กซิโกอาศัยอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนียคิดเป็นเกือบร้อยละ 30 ของประชากรทั้งรัฐ.-820(814).-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

นายกฯ เตรียมลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ 16 ม.ค.นี้

“แพทองธาร” นายกฯ เตรียมลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ 16 ม.ค.นี้ ติดตามโครงการพัฒนาพื้นที่ พบนักเรียน ประชาชน ร่วมมหกรรมแก้หนี้, พูดคุยผู้นำศาสนา-ผู้ประกอบการประมง-เร่งโครงการก่อสร้างสะพาน, ขุดลอกคลอง, โครงการเงินกู้ซอฟต์โลน

นายกฯ เรียกรัฐมนตรี-คณะทำงานด้านเศรษฐกิจ ประชุมกรอบงบฯ 69

“แพทองธาร” นายกฯ เรียก 3 รมต.คลัง-ที่ปรึกษานโยบายของนายกฯ หารือสรุปทิศทางการทำงบประมาณปี 69 มั่นใจใช้งบที่มาจากภาษีประชาชน แก้ไขปัญหาพัฒนาประเทศได้ตรงจุด

สส.ศรีสะเกษ เพื่อไทย เล่านาทีกระป๋องนมเฉี่ยวไปนิดเดียว

“สส.ศรีสะเกษ เพื่อไทย” เล่านาทีระทึก กระป๋องนมเฉี่ยวไปนิดเดียว เชื่อมีคนเขวี้ยงมาแน่ บอกมันดังมากเลยนะ งง! จะหล่นมาจากฝ้าได้อย่างไร ด้าน “เลขาฯ สภา” แจงแล้ว ตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบตกจากเพดาน คาดคนงานขึ้นไปซ่อมฝ้า ดื่มนมแล้วทิ้งไว้

เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์

รมช.คลัง เร่งดัน กม.สถานบันเทิงครบวงจร ยันไร้เส้นสาย-เกี้ยเซียะ

‘รมช.คลัง’ ลั่นเร่งดันกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ บอกทุนจดทะเบียนหมื่นล้าน ไม่จำกัดสัญชาติ แต่ต้องมีคุณภาพ ยันไม่มีเส้นสาย-เกี้ยเซียะในรัฐบาล