พรรคเพื่อไทย 10 เม.ย.-เพื่อไทยประกาศนโยบายโฉนดที่ดินทำกิน ยันคนไทยทุกคนต้องมีที่ดินทำกินอย่างเท่าเทียม
นายปลอดประสพ สุรัสวดี ประธานคณะกรรมการนโยบายที่ดินและสิ่งแวดล้อม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นโยบายโฉนดในที่ดินทำกิน ที่พรรคเพื่อไทยนำเสนอ มีหลักคิดดังนี้ 1. ประชาชนทุกคนต้องมีที่ดินเป็นของตนเอง เกษตรกรทุกครัวเรือนจะมีที่ดินทำกินอย่างพอเพียง 2. ดำเนินการให้มีการออกโฉนดให้กับประชาชน 50 ล้านไร่ โดยแปลงที่ดินที่มีความขัดแย้งไปเป็นพื้นที่วนเกษตร ต้นไม้ทุกต้นมีราคา 3. ที่ดินที่เป็นโฉนดจะถูกใช้เป็นพื้นที่สีเขียว เพื่อแก้ปัญหาโลกร้อน นำสู่สภาวะเป็นกลางทางคาร์บอน และสร้างรายได้จากคาร์บอนเครดิต
นายปลอดประสพ กล่าวว่า สำหรับการดำเนินการ โดยวิธีการดังนี้ 1. ผู้ครอบครองที่ดินก่อน 1 ธันวาคม 2497 ประมวลกฎหมายที่ดินบังคับใช้ โดย ส.ค.1 จำนวน 1 ล้านแปลง จะได้รับการพิสูจน์สิทธิ และได้รับโฉนด ทั้งนี้ ผู้ครอบครอง ทำประโยชน์ต่อเนื่อง โดยไม่มี ส.ค.1 จะได้รับการพิสูจน์ และได้รับโฉนด 2. ที่ดินประเภท ส.ป.ก. สำหรับที่ดินประเภทเช่าซื้อ ผู้เช่าซื้อที่ถูกต้องตามกฎหมาย หรือทายาทโดยธรรม จะได้รับโฉนดทันที ส่วนกรณีบุคคลอื่นที่ได้ที่ดินมาจากผู้เช่าซื้อ หรือจากทายาทโดยธรรม จะได้เอกสารสิทธิ และจะต้องปลูกไม้ยืนต้นไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของพื้นที่ และจำกัดรายละไม่เกิน 20 ไร่
“สำหรับที่ดินประเภทเช่า ผู้เช่าที่ถูกต้องตามกฎหมาย หรือทายาทโดยธรรม จะต้องปลูกไม้ยืนต้นไม่ต่ำกว่ากึ่งหนึ่งของพื้นที่ และจะได้รับโฉนด ส่วนกรณีบุคคลอื่นที่ได้ที่ดินจากผู้เช่าหรือทายาทโดยธรรม จะได้รับอนุญาตให้เช่าต่อไป โดยจะต้องปลูกไม้ยืนต้นไม่ต่ำกว่ากึ่งหนึ่งของพื้นที่ และจะได้ไม่เกิน 20 ไร่ ส่วนที่ดินที่มาจากป่าเสื่อมโทรม จำนวน 33 ล้านไร่ ผู้ถือครองที่ดิน ส.ป.ก.4-01 หรือทายาทโดยธรรมที่ใช้ประโยชน์มาอย่างต่อเนื่อง จะได้รับโฉนด โดยจะต้องปลูกไม้ยืนต้นไม่ต่ำกว่ากึ่งหนึ่งของพื้นที่ หากกรณีบุคคลอื่นที่ได้ที่ดินมาจากผู้ที่ได้รับที่ดิน ส.ป.ก.4-01 จะได้รับเอกสารสิทธิ โดยต้องทำการปลูกไม้ยืนต้นไม่ต่ำกว่ากึ่งหนึ่ง โดยจะได้ที่ดินไม่เกิน 20 ไร่ สำหรับโฉนดจากนโยบายนี้ยังถูกคุ้มครองให้เป็นพื้นที่ประกอบการเกษตรกรรม เพื่อความมั่นคงทางอาหารและสิ่งแวดล้อม” นายปลอดประสพ กล่าว
นายปลอดประสพ กล่าวว่า 3. ที่ดินของรัฐประเภทป่าไม้ คือ 3.1 ประชาชนที่อยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม โดยใช้ประโยชน์อย่างต่อเนื่อง ประมาณ 7 ล้านไร่ จะได้รับโฉนดในเวลาที่กำหนด โดยจะต้องปลูกไม้ยืนต้นไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของพื้นที่ ในส่วนประชาชนที่อยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่ราบเชิงเขาประมาณ 10 ล้านไร่ จะได้รับเอกสารสิทธิภายในกำหนดเวลา โดยจะต้องปลูกไม้ยืนต้นไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของพื้นที่ ชุมชนพื้นบ้านประมาณ 20,000 หมู่บ้าน ที่อยู่อาศัยมาอย่างต่อเนื่อง จะได้รับเอกสารในรูปแบบสหกรณ์ป่าไม้ชุมชน
ด้านนายชลธิศ สุรัสวดี อดีตอธิบดีกรมป่าไม้ ในฐานะคณะทำงานนโยบายที่ดินและสิ่งแวดล้อม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตลอด 30 ปีที่รับราชการ เห็นถึงความวุ่นวายในการแก้ไขปัญหาที่ดิน เกี่ยวข้องกับกฎหมายหลายฉบับ เช่น ส.ค.1 ซึ่งเริ่มบังคับใช้วันที่ 1 ธันวาคม 2497 และได้กำหนดยื่นคำขอในระยะเวลา 180 วัน หากคนที่ไม่เข้าใจในกฎหมายและไปยื่นไม่ทันใน 180 วัน อาจจะตกหล่นได้ เช่นเดียวกับที่ ส.ป.ก. ออกเอกสารสิทธิได้ แต่ติดมาตรา 39 ที่ไม่สามารถออกโฉนดเป็นกรรมสิทธิ์ได้ เดิมกรมป่าไม้เคยมอบให้สำนักงานปฏิรูปที่ดินดำเนินการ ทุกวันนี้คนที่มีที่ดิน ส.ป.ก. ยังถือ 4-01 เช่นเดิม วันนี้พรรคเพื่อไทยมีคำตอบ เราจะปรับปรุงแก้ไขกฎหมายบางมาตรา แต่ยังคงพื้นฐานความเป็นพื้นที่เกษตรกรรม เพื่อเป็นฐานการผลิตของประเทศ
“ส่วนที่ดินป่าไม้ เป็นที่ทราบดีว่า สมัยนายปลอดประสพ เป็นอธิบดี ท่านเห็นความสำคัญของพี่น้องที่อยู่ในป่า ก็มีการยกมติคณะรัฐมนตรีมาปรับปรุง แต่ปัญหาที่ตามมา คือ การยังไม่มีสิทธิที่พี่น้องประชาชนคิดว่าควรจะมี ดังนั้น พี่น้องที่อยู่ในพื้นที่ป่า 13 นิคม 14 ล้านไร่ 1.5 ล้านไร่ ซึ่งควรจะได้ น.ค.1 ไปแล้ว พรรคเพื่อไทยก็จะปรับปรุงแก้ไขคืนสิทธิให้กับท่าน เช่นเดียวกับในกรณีของเขาค้อ หรือภูทับเบิก อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องแปลกที่มีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ได้นำที่เหล่านี้ไปเป็นที่ของธนารักษ์ แต่เราก็จะไปแก้ไขปัญหาเหล่านี้ต่อไป” นายชลธิศ กล่าว.-สำนักข่าวไทย