พรรคเพื่อไทย 8 เม.ย.-พรรคเพื่อไทยจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2568 “แพทองธาร” พร้อมแกนนำ เข้าร่วม ขอบคุณ สส.ร่วมแรงซักฟอก เผย เตรียมเปิดรับทีมอะคาเดมี่ หนุนข้อมูล-เพิ่มประสิทธิภาพ สส.ในการสื่อสาร ก่อนจัดพิธิรดน้ำดำหัว ”ทักษิณ“ อวยพรให้ทุกคนเข้มแข็ง เปรียบบ้านเมือง เป็นบ้านที่เสาผุกร่อนซ่อมแซมยาก. ลั่น เลือกตั้งครั้งหน้า ปี 70 ไม่ใช่ปีหน้า อย่าฟังคนปั่นกระแส เชื่อ หลังสงกรานต์จะล้างสิ่งไม่ดีออกจากพรรค-รัฐบาล
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ฐานะหัวหน้าพรรค เป็นประธานการประชุมใหญ่สามัญ ครั้งที่ 1/2568 โดยมีนายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ฐานะเลขาธิการพรรค รวมถึงแกนนำพรรค อาทิ นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นต้น รวมทั้ง สส.และสมาชิกพรรค เข้าร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียง โดยที่ประชุมมีการรับรองรายงานงบการเงินประจำปี 2567 รวมถึง รับรองรายงานการประชุมใหญ่วิสามัญ และรายงานการดำเนินกิจการของพรรคในรอบปี 2567 โดยไม่มีวาระพิเศษใดๆ
น.ส.แพทองธาร กล่าวในที่ประชุมช่วงหนึ่งว่า กลับมาที่นี่ทีไรอบอุ่นทุกที เป็นพื้นที่ที่เรามาพูดคุยกันได้ เป็นพื้นที่ที่ปลอดภัย วันนี้ดีใจที่ได้มาเจอกัน ต้องขอโทษด้วยเพราะรีบมากพอสมควร เนื่องจากตรงกับการประชุมคณะรัฐมนตรี ก็รันมาตั้งแต่เช้า แต่ว่าดีใจที่ได้มาเจอทุกท่านในวันนี้ ตนมีเรื่องที่จะเล่าให้ฟัง คือเรื่องของการจัดตั้งทีมงานสนับสนุนการเมืองหรือทีมอคาเดมี ซึ่งทุกคนคงรู้จักหน้าตาน้องๆ ที่อยู่ในทีมนี้ ซึ่งเราจะมีในเรื่องของการเพิ่มคนในทีมซึ่งจะเป็นแหล่งข้อมูล เป็นทีมทำงานที่อัพเดทสถานการณ์การเมืองต่างๆ กฎหมายต่างๆ ที่เข้าสภาฯ ก็จะเป็นแบ็กอัพข้อมูลและเทรน สส.ให้เป็นนักพูด ก็จะทำให้ สส.มั่นใจ สบายขึ้นอีกเยอะ และช่วยส่งเสริมให้ สส.สามารถพูดในสภาฯ ได้ รวมทั้งสื่อสารนอกรอบกับพี่น้องประชาชนได้ดีด้วย
น.ส.แพทองธาร กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องการทำงานของรัฐบาลในสัปดาห์ที่ผ่านมาวุ่นนิดหนึ่ง จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา ก็ต้องขอขอบคุณทุกคนในวันอภิปรายด้วย ที่ช่วยดูการประชุมให้เป็นไปตามข้อบังคับ รวมทั้งส่งกำลังใจเพราะทุกครั้งที่เข้าสภาฯก็ตั้งใจทำหน้าที่ให้ดีทุกครั้ง และทุกครั้งที่ สส.พรรคเพื่อไทยช่วยก็เป็นความอุ่นใจ เราสามารถชี้แจงได้ แต่เหนือกว่าการชี้แจงคือกำลังใจซึ่งหาได้จากพรรคเพื่อไทย ก่อนหน้านี้เข้าสภาฯ ยอมรับว่าตื่นเต้น แต่พอมีประสบการณ์แล้วโดยเฉพาะในการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา ก็ไม่มีความกังวลเพราะรู้อยู่แล้วว่ามีสมาชิกพรรคเพื่อไทยคอยสนับสนุน ส่วนตัวตอบได้ทุกเรื่องและตั้งปณิธานว่าจะไม่ยอมให้มีการบิดเบือนอะไร ที่เราทำดีจะมาว่าเราไม่ดีไม่ได้ อะไรที่เราทำได้ดีจะมาบิดเบือนเราไม่ได้ ดังนั้นเราไม่ยอม ส่วนเรื่องของเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ยืนยันว่าไม่ได้ถอย แต่น่าเสียดายที่ถูกไปบิดเบือน สิงคโปร์ฮ่องกง เขาก็ทำแต่ไม่มีใครทำกาสิโนขนาดใหญ่ ทำเล็กๆเหมือนกัน แต่สร้างรายได้ แต่เราถูกบิดเบือนเสมือนว่าเป็นบ่อนถูกกฎหมาย ช่วงปิดสมัยประชุมขอฝากสส.รวมถึงรัฐมนตรีที่กำกับดูแลเรื่องนี้ให้ช่วยกันชี้แจง

จากนั้นเวลา 15.20 น. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เดินทางมาถึงพรรคเพื่อไทย เพื่อเปิดโอกาสให้แกนนำและสมาชิกพรรค เข้าร่วมรดน้ำดำหัวเพื่อขอพรเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ โดยนายทักษิณ สวมเสื้อเชิ้ตฮาวายแขนสั้นสีเหลือง สวมกางเกงสแล็กสีดำ บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ทันทีที่นายทักษิณ เดินทางมาถึง ได้มีกลุ่มผู้สนับสนุนมารอต้อนรับพร้อมขอถ่ายเซลฟี่จำนวนมาก จากนั้นเวลา 15.45 น. แกนนำ สส.และสมาชิกพรรคเพื่อไทย ร่วมรดน้ำดำหัวนายทักษิณ เพื่อขอพรเนื่องในเทศกาลสงกรานต์
โดยนายทักษิณ กล่าวว่า ขอบคุณที่เชิญมาวันนี้ในฐานะที่เป็นผู้ก่อตั้งพรรคตั้งแต่พรรคไทยรักไทยมา โดยเฉพาะช่วงสงกรานต์ปีนี้เป็นปีที่ท้าทายทั้งของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย เปรียบเทียบกับตอนที่ตนเป็นนายกฯ สมัยไทยรักไทย มีวิกฤตต้มยำกุ้งในปี40 เปรียบเสมือนหลังคาบ้านโดนลมพัดเปิด แต่วิกฤติเศรษฐกิจปีนี้ มีปัญหาเชิงโครงสร้าง ต้องฟื้นฟูขนานใหญ่ แต่เราถือว่าปีนี้เป็นปีที่เราจะเดินหน้าไปสู่ความสำเร็จ สิ่งที่ไม่ดีก็ต้องช่วยกันกำจัด ทำให้หมดไปจากประเทศไทย หมดไปจากรัฐบาล แล้วหมดไปจากพรรคเพื่อไทย ทุกคนต้องมาร่วมกันเพราะพรรคเพื่อไทยเป็นเสาหลัก ขอให้ทุกคนมีกำลังใจที่ดีเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาและนำไปสู่การทำนโยบายของพรรคในการเลือกตั้งครั้งหน้าปี 2570 ไม่ใช่ปีหน้าขออย่าหวั่นไหวเพราะอาจมีคนปั่นกระแสเยอะก็ขอให้เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา และหลังสงกรานต์ไปแล้วอีกไม่กี่เดือนบ้านเมืองจะค่อยๆคลี่คลายทั้งปัญหาเศรษฐกิจและความมั่นคงตามที่นายกฯพยายามจะทำซึ่งจะได้รับความร่วมมืออย่างดีมากขึ้นเรื่อยๆและจะเห็นผลอย่างชัดเจนในปี 2569 .-316.-สำนักข่าวไทย