ราบัต 21 เม.ย. – หลังจากที่ได้รับการยืนยันการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา สัปดาห์นี้ประเทศโมร็อกโกได้รับเสียงสนับสนุนเพิ่มเติมจากประเทศฝรั่งเศส, เอสโตเนีย, มอลโดวา และโครเอเชีย ในอำนาจอธิปไตยของโมร็อกโกในจังหวัดต่างๆ บนพื้นที่บริเวณซาฮาร่า รวมถึงสนับสนุนแผนการปกครองตนเองที่โมร็อกโกเสนอเมือปี ค.ศ.2007 ซึ่งถือว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ยั่งยืนบนพื้นที่ความขัดแย้งซาฮาร่านี้
ระหว่างการเยือนประเทศฝรั่งเศสของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศโมร็อกโก รัฐมนตรีว่าการกะทรวงการต่างประเทศของฝรั่งเศสให้คำมั่นว่า แผนการปกครองตนเองของโมร็อกโก ถือเป็นพื้นฐานเพียงอย่างเดียวที่จะทำให้เกิดทางอออกทางการเมือง ซึ่งแนวคิดดังกล่าวก็ได้รับการสนับสนุนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เมือวันที่ 15 เมษายน ค.ศ.2025 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของเอสโตเนีย กล่าวถึงบทบาทการเป็นผู้นำในการสนับสนุนสันติภาพ, ความมั่นคง และพัฒนาการในภูมิภาค รวมถึงแสดงการยืนยันการสนับสนุนแผนการปกครองตนเองของโมร็อกโกบนพื้นที่ซาฮาร่า โดยเรียกว่าแผนการดังกล่าวตั้งอยู่บนพื้นฐานของความจริงจังและน่าเชื่อถือ ที่จะสามารถเป็นทางออกของปัญหาข้อพิพาทที่ดำเนินการมาเป็นเวลานาน
ในขณะที่ประเทศมอลโดวา ก็ได้ตัดสินใจสำคัญ เมื่อวันที่ 15 เมษายน ค.ศ.2025 ด้วยเช่นกัน ดังเช่นประเทศอื่นๆ ในการให้การสนับสนุนแผนการปกครองตนเองของโมร็อกโก ระหว่างการประชุมหารือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและคู่เจรจาจากประเทศมอลโดวา ที่ยืนยันว่าประเทศมอลโดวาให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ในความพยายามที่มีความจริงใจ ที่เสนอโดยราชอาณาจักรโมร็อกโก ในการแก้ปัญหาซาฮาร่านี้ ประเทศมอลโดวายังเรียกร้องให้คณะผู้แทนเลขาธิการแห่งสหประชาชาติให้ดำเนินการกระบวนการทางการเมืองนี้ให้มีการพัฒนาคืบหน้า โดยให้เป็นไปตามมติด้านความมั่นคง
นอกเหนือจากนั้น เมื่อวันที่ 16 เมษายน ค.ศ.2025 การประชุมหารือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศโมร็อกโกและคู่เจรจาจากประเทศโครเอเชีย โครเอเชียเองก็มองว่า แผนการปกครองตนเองนี้เป็นพื้นฐานที่ดีที่จะทำให้เกิดทางออกจากทางการเมือง เพื่อยุติข้อพิพาทในภูมิภาคบนพื้นที่โมร็อกโกซาฮาร่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศทั้งสอง เห็นพ้องร่วมกันถึงการที่สหประชาชาติเข้ามามีบทบาทในกระบวนการทางการเมืองนี้ และให้การสนับสนุนมติแห่งสหประชาชาติ มติ 2756 (2024) ว่าด้วยเรื่องบทบาทความรับผิดชอบของฝ่ายต่างๆ ที่จะบรรลุข้อตกลงที่เกิดขึ้นได้จริงและมีความยั่งยืน โดยอยู่บนพื้นฐานของการประนีประนอม
จุดยืนจากประเทศต่างๆ เหล่านี้ เป็นการยืนยันถึงการเพิ่มขึ้นจากนานาชาติในการสนับสนุนความพยายามของโมร็อกโก โดยการนำของสมเด็จพระราชาธิบดีโมฮัมเหม็ดที่ 6 แห่งราชอาณาจักรโมร็อกโก ในการหาทางออกในเรื่องซาฮาร่านี้ ซึ่งเรื่องดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ประชาคมนานาชาติต่างตระหนักถึงผลกระทบด้านลบของผู้สนับสนุนการแบ่งแยกดินแดน และขบวนการการก่อการร้ายที่จะส่งผลเสียต่อสันติภาพและความมั่นคงของภูมิภาคและนานาชาติ.-สำนักข่าวไทย