กทม.2 4 เม.ย.-กกต.เผยหลังตรวจสอบเอกสารครบถ้วน ลำดับส.ส.บัญชีรายชื่อของทุกพรรคการเมืองตามเบอร์ที่จับได้ วันแรกแห่สมัครแล้ว 54 พรรค แจงไม่มีอำนาจตรวจสอบคุณสมบัติแคนดิเดตนายกฯ กฎหมายกำหนดให้ทำหน้าที่แค่รับแจ้ง
นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) แถลงภายหลังการรับสมัครการส.ส.แบบบัญชีรายชื่อในวันแรก ว่า การรับสมัครส.ส.บัญชีรายชื่อในวันนี้ หลังกกต.ตรวจสอบเอกสารที่ 49 พรรคการเมืองที่มาก่อนเวลา 08.30 น. เอกสารครบ และสามารถออกใบรับสมัครทั้ง 49 พรรคการเมืองมีคุณสมบัติครบแล้ว ได้หมายเลขตามลำดับที่จับสลากได้ โดยภาพรวมการรับสมัครค่อนข้างเรียบร้อย มีปัญหาอยู่บ้างคือสถานที่คับแคบ จุดรับสมัครน้อย
“ในช่วงบ่ายมีพรรคการเมืองมายื่นสมัครอีก ทำให้ขณะนี้มีพรรคการเมืองมาสมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อจำนวน 54 พรรคการเมือง และรับแจ้งรายชื่อบุคคลซึ่งพรรคการเมืองจะเสนอเป็นนายกรัฐมนตรีหรือแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจำนวน 22 พรรค 32 คน” เลขาธิการกกต. กล่าว
นายแสวง กล่าวว่า รายชื่อผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อทั้งหมด กกต.จะตรวจสอบคุณสมบัติเช่นเดียวกับส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง หากพบว่าผู้สมัครรายใดไม่มีคุณสมบัติจะไม่ประกาศรายชื่อ ซึ่งผู้ที่ไม่ได้รับการประกาศรายชื่อสามารถยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาได้ หากศาลไม่คืนสิทธิให้พรรคการเมืองก็จะเหลือจำนวนผู้สมัครเท่าที่มีอยู่ ส่วนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีกฎหมายกำหนดให้ กกต.เป็นเพียงผู้รับแจ้งชื่อเท่านั้น ไม่ได้มีหน้าที่ตรวจสอบคุณสมบัติ
ส่วนที่มีข่าวว่าบางพรรคเอกสารการสมัครไม่ครบทำให้การสมัครล่าช้า นายแสวง ชี้แจงว่า เกิดจากการใช้เอกสารที่เป็นสำเนาที่พิมพ์มาจากคอมพิวเตอร์ ซึ่งไม่ใช่เอกสารตัวจริง แต่กกต.พิจารณาแล้วเห็นว่าไม่ได้ทำให้สาระสำคัญของการรับสมัครเสียไป หรือเอกสารไม่สมบูรณ์ จึงดำเนินการรับสมัคร
เมื่อถามถึงกรณีบัตรเลือกตั้ง ส.ส.เขตที่ไม่มีโลโก้และชื่อของพรรคการเมือง นายแสวง กล่าวว่า เมื่อเช้าได้คุยทำความเข้าใจกับหลายพรรคการเมืองว่ารูปแบบบัตรสำนักงานกกต.จะทำให้ดีที่สุด สำหรับพรรคการเมือง และประชาชน เพราะจากการถอดบทเรียนการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ประกอบกับตามกฎหมายมาตรา 84 กำหนดให้บัตรเลือกตั้ง 2 แบบมีความแตกต่างอย่างชัดเจน โดยแบบแบ่งเขตกำหนดให้มีช่องกาเครื่องหมายและหมายเลขเท่านั้น
ส่วนแบบบัญชีรายชื่อกำหนดให้มีช่องกาเครื่องหมาย สัญลักษณ์และชื่อพรรค ดังนั้น บัตรทั้ง 2 ใบจะทำเหมือนกันไม่ได้และสีจะมีความแตกต่างกัน โดยขณะนี้ยังไม่ได้มีการจัดพิมพ์และเรื่องสีถือเป็นความลับ ทั้งนี้ กกต.พยายามอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ให้ทุกหมายเลขของผู้สมัครทั้ง 2 แบบอยู่ในหน้าเดียวกัน โดยแบบแบ่งเขตยอดผู้สมัครสูงสุดขณะนี้ คือ 16 หมายเลข ที่กรุงเทพฯ ส่วนบัญชีรายชื่อแม้จะมีพรรคที่มีสิทธิส่งผู้สมัครรวม 60 พรรค จะทำให้อยู่ด้านเดียวกันให้ได้ นอกจากนี้ในวันเลือกตั้ง นอกจากหน้าหน่วยจะติดประกาศข้อมูลของผู้สมัครแล้ว จะติดป้ายไวนิลข้อมูลผู้สมัครไว้ในจุดที่ประชาชนไปใช้สิทธิในคูหา แล้วสามารถมองเห็นได้ เพื่อจดจำเบอร์ไปกาบัตรได้ถูกต้อง.-สำนักข่าวไทย