สว.สำรอง ทวง กกต. ผลการดำเนินคดี “เลขาฯ แสวง”

กกต. 9 เม.ย.-สว.สำรองทวง กกต. ผลการดำเนินคดี “เลขาฯ แสวง” อย่าอยู่เหนือปัญหา ระวังเกษียณจะอยู่ไม่เป็นสุข คนเตรียมรอจองกฐิน ถาม กกต.รับเงินเสริมจาก สว.สีน้ำเงินหรือไม่ พร้อมยื่นศาล รธน.ฟัน 92 สว.ยื่นสอบ “ภูมิธรรม-ทวี”

กลุ่ม สว.สำรอง จำนวน 30 คน นำโดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว เข้ายื่นหนังสือเปิดผนึกฉบับที่ 9 และ 10 ถึงนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. และ กกต. เพื่อขอทราบผลการดำเนินการทางวินิจฉัยกับนายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ รวมทั้งการทบทวนคำวินิจฉัยที่ไม่เอาโทษนายแสวง กรณีที่มีผู้มาแจ้งเกี่ยวกับการลักลอบนำโพยจัดตั้งเข้าไปในที่เลือกตั้ง สว.เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.2567 แต่นายแสวงไม่ได้จัดการป้องกันแก้ไข นอกจากนั้น สว.สำรอง ขอให้มีการเร่งรัดเปิดหีบบัตรลงคะแนนในรอบประเทศ เพื่อจะได้ตรวจสอบว่ามีการลงคะแนนสอดคล้องกับโพยจัดตั้งอย่างไร จึงได้มีการร้องขอมายัง กกต.โดยตลอด แต่ไม่เคยมีการตอบจาก กกต.


และในวันนี้ได้มายื่นจดหมายเปิดผนึกเป็นฉบับที่ 10 นับจากเดือนมีนาคม 2568 เป็นต้นมา จึงอยากวิงวอนให้ กกต. ได้จัดเจ้าหน้าที่หรือผู้เกี่ยวข้องและออกมาชี้แจงเรื่องราวต่างๆ รวมทั้งความคืบหน้าของการสืบสวนไต่สวนในเรื่องของการร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องฮั้วต่างๆ

นายอัครวัฒน์ พงศ์ธนาชลิตกุล กล่าวว่า ประธาน กกต. อย่าทำตัวเหนือปัญหา และมีเวลาอีกไม่กี่เดือนก็จะเกษียณแล้ว ตนได้ข่าวมาก่อนว่าคนที่จะมาสมัคร กกต. ชุดใหม่ ถ้า กกต.ชุดนี้ไม่ทำงานเรื่องนี้ให้สุจริตเที่ยงธรรม เขาจองกฐินท่านไว้แล้ว ไม่ใช่ว่าเกษียณออกมาแล้วจะอยู่เย็นเป็นสุข เพราะยังมีคดีความอีกมากมายที่จะรุมกินบนโต๊ะ แต่ถ้ากลับตัวเป็นคนดีเอาความจริงมาพูดมาสาธยายให้ประชาชนได้รับรู้ความจริงทั้งหมดก็จะมีความสง่างาม เอกสารทั้งหมดอยู่ในหีบอยู่ในกล่องซีซีทีวีอย่าไปเผาทิ้ง หากเราไปแจ้งความมาแล้ว ว่าหากเกิดอะไรขึ้นกับหีบ กกต. ทั้งหมดรวมถึงเลขาธิการ กกต. จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ อย่าเล่นกับไฟ เพราะมันร้อนกลัวที่จะลวกมือท่านรีบทำงานให้เสร็จ


“ผมได้ข่าวมาจากประชาชน เขาบอกว่าคนที่อยู่ข้างใน กกต.รับเงินเดือน 2 ทาง ไม่ว่าจะเป็นบัญชีม้า หรือเป็นตำแหน่งที่ปรึกษา ได้เงินที่ปรึกษา สว.โอนเข้าบัญชีนักการเมืองที่อยู่สีน้ำ ส่งกลับไปที่บ่อน และนำกลับมาเป็นเงินให้ กกต. อีกทางหรืออย่างไรต้องไปพิสูจน์ตามข้อเท็จจริง เราได้ยินคำว่าแบบนี้ จึงต้องเตือนท่านว่า เงินทุกบาท ไม่ว่าจะมาจากทางไหนมันคือเงินและภาษีประชาชน เราต้องการให้ท่านทำตัวให้สะอาดสุจริต เที่ยงธรรม และโปร่งใส“ นายอัครวัฒน์ กล่าว

ด้าน พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว กล่าวว่า หลังจากนี้ สว.สำรองจะเดินทางไปศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณา สว.ทั้ง 92 คน ที่ก่อนหน้านี้ได้ยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอวินิจฉัยถอดถอนความเป็นรัฐมนตรีของ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และคณะกรรมการคดีพิเศษรวม 11 คน พยายามบิดเบือนในการยื่นความผิดฐานฟอกเงิน ที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอั้งยี่และคดีการเลือก สว.เป็นคดีพิเศษ

พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่าการกระทำของ สว. จำนวน 2 คนนี้ ได้กระทำการอันละเมิดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญต่างกรรมต่างวาระกันถึง 3 ครั้ง ที่เป็นการละเมิดต่อ รัฐธรรมนูญมาตรา 185 (1) ที่ห้ามสมาชิกวุฒิสภาต้องไม่ใช้สถานะหรือตำแหน่งการเป็นสมาชิกวุฒิสภากระทำการใด ๆ อันมีลักษณะเป็นการก้าวก่ายหรือแทรกแซงเพื่อประโยชน์ของตนเอง หรือของผู้อื่น ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม โดยเฉพาะการปฏิบัติราชการหรือการดำเนินการและหน้าที่ประจำของข้าราชการพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการอันถือเป็นความผิดตามกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 111 (7) ที่ระบุว่าสมาชิกภาพของสมาชิกวุฒิสภาสิ้นสุดลง เมื่อกระทำเมื่อการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 113 การอันต้องห้ามตามมาตรา 184 หรือ 185 โดยยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยเพื่อขอให้วินิจฉัยความเป็นสมาชิกสภาพ สว.ทั้ง 92 คนสิ้นสุดลง


เมื่อถามว่ามีผู้มายื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้การเลือก สว. เป็นโมฆะ ทางกลุ่มสว.สำรองจะดำเนินการอย่างไรต่อไป พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า ถ้าศาลสั่งโมฆะก็ต้องเป็นไปตามนั้น และส่วนที่มีกลุ่มอื่นไปฟ้องศาลรัฐธรรมนูญเขาก็เชื่อแบบนั้น ซึ่งเขาก็เชื่อว่าพฤติการณ์แบบนี้ อาจจะทำให้ศาลธรรมนูญเชื่อว่าการเลือก สว.เป็นโมฆะ แต่สำหรับ สว.สำรองเชื่อว่าไม่น่าจะเป็นโมฆะได้ ซึ่งพฤติการณ์ที่เราพบในจำนวน สว. 200 คน มีแค่กลุ่มกลุ่มหนึ่งที่กระทำการทุจริต จะมีความผิดเฉพาะตัว ก็ต้องถูกจัดการตามกฎหมาย ซึ่งมี สว.อีกกลุ่มหนึ่งที่เข้ามาโดยสุจริต เขาก็ยังคงเป็นอยู่

พล.ต.ท.คำรบ กล่าวต่อว่า ตามกระบวนการกฎหมาย ถ้ากลุ่มหนึ่งโดนลงโทษตามความผิด แต่ตามกฎหมายก็ยังมีลำดับสำรองอยู่ 99 คน ก็เลื่อนขึ้นไป ซึ่งหากเกิน 100 คน ก็ยังสามารถทำงานได้จนกระทั่งหมดวาระ แต่ถ้าต่ำกว่า 100 คนเมื่อไหร่ ตามกฎหมายก็บอกว่าให้เลือกใหม่เฉพาะส่วนที่ขาดให้ครบ เพราะฉะนั้นกระบวนการต่างๆมีวิธีการแก้ของมันอยู่ ซึ่งเราเชื่อว่าจะไม่เป็นโมฆะ.-314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]