มีผลแล้ว! ลดภาษีประจำปี ‘รถ EV’ สูงถึง 80% หวังแก้มลพิษ

กทม. 12 พ.ย.- “ทิพานัน” ย้ำพระราชกฤษฎีกาลดภาษีประจำปีสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า มีผลบังคับใช้แล้ว ลดภาษีสูงถึง 80% เป็นระยะเวลา 1 ปี หวังลดมลพิษ ดันอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าให้เติบโตอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม


วันที่ 12 พฤศจิกายน 2565 น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้พระราชกฤษฎีกาลดภาษีประจำปีสำหรับรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า พ.ศ. 2565 มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยมีสาระสำคัญให้ลดภาษีประจำปีสำหรับรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ซึ่งเป็นรถใหม่สำเร็จรูปจากโรงงาน ที่จดทะเบียนภายในระยะเวลา 3 ปี นับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ โดยภาษีประจำปีจะลดลงร้อยละ 80 ของอัตราที่กำหนดตาม (11) ของอัตราภาษีประจำปีท้ายพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 และกำหนดให้ลดภาษีเป็นระยะเวลา 1 ปี นับแต่วันที่รถนั้นจดทะเบียน เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 รวมถึงกระตุ้นระบบเศรษฐกิจการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในภาพรวมของประเทศ

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ทั้งนี้การลดภาษีประจำปีสำหรับรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเป็นไปเพื่อลดปัญหามลพิษทางอากาศตามหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายในเบื้องต้นที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศไว้ว่าจะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ในปี 2065 สอดคล้องกับที่ได้ประกาศไว้ในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 เมื่อวันที่ 31 ต.ค. – 12 พ.ย. 2564 พร้อมกับรักษาความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ


“รัฐบาลจึงออกมาตรการกระตุ้นและสร้างแรงจูงใจให้ผู้ใช้รถไฟฟ้า ใช้พลังงานที่สะอาด ช่วยแก้ปัญหามลภาวะทางอากาศ และผลักดันให้ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าให้เติบโตอย่างยั่งยืน ยกระดับคุณภาพชีวิตและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อผลดีต่อระบบเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมของประเทศ” น.ส.ทิพานัน กล่าว

ทั้งนี้ ใจความในพระราชกฤษฎีกามี 4 มาตรา ประกอบด้วย

  • มาตรา 1 พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาลดภาษีประจำปีสำหรับรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า พ.ศ. 2565”
  • มาตรา 2 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป (มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน 2565 เป็นต้นไป)
  • มาตรา 3 ให้ลดภาษีประจำปีสำหรับรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ซึ่งเป็นรถใหม่สำเร็จรูปจากโรงงาน ที่จดทะเบียนภายในระยะเวลา 3 ปีนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับลงร้อยละแปดสิบของอัตราที่กำหนดตาม (11) ของอัตราภาษีประจำปีท้ายพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2550 เป็นระยะเวลา 1 ปีนับแต่วันที่รถนั้นจดทะเบียน
  • มาตรา 4 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ .-สำนักข่าวไทย
ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 เข้าพบนายกฯ

“โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 เข้าพบ “แพทองธาร” นายกฯ ชื่นชมเป็นคนเก่ง-มองโลกบวก เป็นหน้าตาของประเทศ นำเสนอวัฒนธรรม-ซอฟต์พาวเวอร์ ผ่านการประกวด พร้อมชวนร่วมงานรัฐบาล สร้างแรงบันดาลใจเด็กๆ ขณะที่ นายกฯ เขินถูกชมว่าตัวจริงสวย

ล้มล้างการปกครอง

ศาล รธน.มีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้อง “ทักษิณ-พท.” ล้มล้างการปกครอง

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ขอให้ศาลวินิจฉัยว่า “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ล้มล้างการปกครอง

คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญถกคำร้อง “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างฯ

จับตา ศาลรัฐธรรมนูญ “รับ/ไม่รับ” คำร้องปม “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองหรือไม่

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง