วท. 27 เม.ย.- นายกฯ ระบุ วท.เป็นกระทรวงที่มีความสำคัญในการวางรากฐานให้กับโลกในอนาคต ขอให้นำผลงานวิจัยต่างๆ ทั้งเรื่องยา การศึกษา และการเกษตร ไปสู่การใช้งานจริง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (27 เม.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางตรวจเยี่ยมกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) เพื่อรับทราบผลการดำเนินงานของกระทรวง พร้อมร่วมประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 3/2560 มี นางอรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และคณะผู้บริหารให้การต้อนรับ
นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งของการประชุมว่า วท.เป็นกระทรวงที่มีความสำคัญ ในการวางรากฐานให้กับโลกในอนาคต จึงขอให้ทุกคนให้ความสนใจและนำผลงานวิจัยต่างๆ ทั้งเรื่องยา การศึกษา และการเกษตร ไปสู่การใช้งานจริง ขณะเดียวกัน ขอขอบคุณทุกคนที่ช่วยกันทำงาน และพยายามแก้ปัญหาของประเทศตลอด 2 ปีที่ผ่านมา เพื่อพัฒนาไปสู่อนาคต และทำงานควบคู่กันระหว่างภาครัฐและเอกชน ภายใต้รัฐธรรมนูญ เพราะทุกอย่างจะเดินไปได้ อยู่ที่ความเชื่อมั่นของประชาชน ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางในการทำงาน
“จะต้องไม่ทำงานเฉพาะกลุ่มงานของตัวเองอย่างเดียว แต่ต้องทำงานบูรณาการเชิงรุก เพราะปัญหาของประเทศไทยที่เกิดขึ้นแล้วไม่สามารถแก้ไขได้ง่ายๆ” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการประชุม นายกรัฐมนตรีได้ถวายสักการะพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และถ่ายภาพร่วมกับผู้บริหารกระทรวง ณ ลานน้ำพุ จากนั้น เยี่ยมชมนิทรรศการของหน่วยงานภายใต้สังกัด วท. ที่จะขับเคลื่อนภายในปี 2560 – 2561 เช่น โครงการระบบดาวเทียมสำรวจเพื่อการพัฒนา หรือ THEOS-2 ที่สามารถเพิ่มศักยภาพและต่อยอดงานวิจัยพัฒนาและนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ
งานวิจัยและพัฒนานวัตกรรมร่วมกับภาคเอกชนและภาคอุตสาหกรรม เพื่อนำไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้านอวกาศ และเพิ่มศักยภาพการบริหารจัดการเชิงพื้นที่แบบองค์รวม 6 ด้าน ตามความต้องการของผู้ใช้ อาทิ ด้านการเกษตรและความมั่นคงทางอาหาร บริหารจัดการน้ำ จัดการภัยพิบัติ ทรัพยากรธรรมชาติและระบบนิเวศ ความปลอดภัยทางสังคมและความมั่นคงของชาติ และการจัดการเมือง
ขณะที่ วท.นำเสนอผลงานต่าง ๆ ของหน่วยงานภายใต้ ที่น่าสนใจ เช่น ความก้าวหน้าการดำเนินโครงการเมืองนวัตกรรมอาหาร (Food Innopolis) โดย สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) ซึ่งมีบริษัทอาหารชั้นนำทั้งในประเทศ และประเทศญี่ปุ่น เข้าร่วมโครงการ และตั้งห้องปฏิบัติการในพื้นที่ Food Innopolis
โชว์ผลการพัฒนากรรมวิธีในการเลี้ยงถั่งเช่า โดยใช้แสงซินโครตรอน พัฒนาชิ้นส่วนตัวควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น และแสงสว่าง ที่ใช้ในระบบ ทำให้ได้ถั่งเช่า ที่มีคุณภาพสูง มีปริมาณสารอะดีโนซีน สูงกว่าผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในท้องตลาด ซึ่งการพัฒนาดังกล่าวจะช่วยพัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์จากวัตถุดิบในประเทศ และเป็นการส่งเสริมอาชีพเกษตรกร ตามโครงการ Smart farmer
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า วท.ยังได้เตรียมเมนูอาหาร ที่เป็นผลสำเร็จจากการศึกษาวิจัย ของ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ (สวทช.) เช่น ข้าวหอมชลสิทธิ์ ที่พัฒนามาจากสายพันธ์ข้าวทนน้ำ และข้าวพันธ์ดอกมะลิ 105 ที่มีกลิ่นหอมน่ารับประทาน รวมถึง กุ้งกุลาดำโอเมก้าผัดพริกเกลือ ซึ่งพัฒนามาจากสายพันธ์ท้องถิ่นถูเก็ต-พังงา ที่เป็นการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร ให้ผู้เข้าร่วมประชุมรับประทานด้วย .- สำนักข่าวไทย