พระลานพระราชวังดุสิต 23 ต.ค.- “ชลน่าน” เชื่อหาก พปชร.ชู “หมดที่ลุงตู่ สู่ลุงป้อม” จะเป็นประโยชน์กับพรรคเพื่อไทย ย้ำจุดยืนไม่ประกาศร่วมรัฐบาลกับพรรคใดก่อนการเลือกตั้ง หวังเพื่อไทยแลนด์สไลด์เกิน 250 เสียง ยันไม่ร่วมงานพรรคหนุน “พล.อ.ประยุทธ์” เป็นนายกฯ
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงพรรคพลังประชารัฐชูกลไก “หมดที่ลุงตู่ สู่ลุงป้อม” เพื่อการเลือกตั้งครั้งต่อไปว่า กระแสข่าวนี้เกิดจาก ส.ส.ในพรรคพลังประชารัฐที่ออกมาให้สัมภาษณ์ แต่พรรคเพื่อไทยโดยทีมสื่อสารขอตั้งคำถามกลับว่า ได้ถาม 3 ป.หรือยัง และมองว่า เป็นวิธีคิดของแต่ละพรรคการเมือง จึงขอที่จะไม่แสดงความคิดเห็นในเรื่องของพรรคพลังประชารัฐ แต่ถ้ามองในภาพการเมืองทั่วไป ถือว่าเป็นสิทธิ์ที่จะเสนอได้ เพราะเป็นในมุมของพรรคการเมือง ซึ่งทุกอย่างแล้วต้องถามประชาชนว่า เห็นด้วยหรือไม่ที่จะส่งไม้ต่อกันแบบนี้ ที่จากลุงตู่สู่ลุงป้อม ผลัดกันเป็นคนละ 2 ปี สุดท้ายก็อยู่ที่ประชาชนที่จะพิจารณาว่า ตลอด 8 ปีที่ผ่านมาเจอวิกฤติอย่างไรบ้าง แต่ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยกลับมองว่า พรรคเพื่อไทยได้ประโยชน์ เพราะว่าประชาชนจะได้มีข้อตัดสินใจ มีทางเลือกและหันกลับมาเลือกพรรคเพื่อไทย ส่วนจะเป็นการสร้างความกังวลให้กับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ หากพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป เห็นว่า ไม่ได้สร้างความกังวลให้กับพรรคแต่อย่างใด เพราะแนวทางการแข่งขันของพรรคเพื่อไทย พร้อมที่จะแข่งขันกับทุกพรรคการเมืองไม่ว่าระบบจะเป็นอย่างไร เลวร้ายที่สุด พรรคก็ผ่านมาแล้ว แต่หากเป็นพลเอกประวิตร มองว่า ยังมีข้อดีกว่าพลเอกประยุทธ์ในมุมของการเป็นการเมืองที่เข้าอกเข้าใจสภาพปัญหาประชาชน มีความเป็นมนุษย์ที่เข้าใจและเห็นอกเห็นใจจิตใจมนุษย์ที่สูงกว่า ดังนั้น สุดท้ายแล้วจึงไม่น่าจะเป็นประเด็นสำหรับพรรคเพื่อไทย
ส่วนจะจับมือกับพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่ หากเป็นพลเอกประวิตร นพ.ชลน่าน กล่าวยืนยันว่า ก่อนการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยจะไม่มีการประกาศจับมือกับพรรคการเมืองใด เพราะเคารพประชาชน ที่จะตัดสินใจเลือกพรรคเพื่อไทย จะไปบังคับประชาชนให้เลือกพรรคเพื่อไทยกับพรรคอื่นไม่ได้ แต่หลังจากการเลือกตั้งแล้ว เมื่อผลคะแนนออกมาแล้ว ก็จะดูที่ความไว้วางใจของประชาชน หากประชาชนไว้ใจพรรคเพื่อไทย แลนด์สไลด์เกิน 250 เสียง ก็จะสามารถกำหนดทิศทางการจัดตั้งรัฐบาลได้ และจะเลือกพรรคการเมืองใดมาร่วมทำหน้าที่รัฐบาลให้กับประชาชน ซึ่งมีเงื่อนไขที่พรรควางไว้ 3 ข้อคือ 1.ต้องมีอุดมการณ์การทำงานเดียวกัน 2.ไม่เลือกพรรคที่สนับสนุนเผด็จการหรือสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาอย่างแน่นอน 3.มีนโยบายที่สอดประสานและทำงานร่วมกันได้ โดยเหล่านี้จะเป็นข้อพิจารณา ซึ่งหากพรรคพลังประชารัฐมีเงื่อนไขในทิศทางเดียวกัน 3 เรื่องก็จะพิจารณา และย้ำว่า พรรคการเมืองที่สนับสนุนและชูพลเอกประยุทธ์ ทางพรรคเพื่อไทยประกาศชัดว่า จะไม่นำมาร่วมรัฐบาลด้วย เพราะขัดกับอุดมการณ์ของพรรค ทั้งนี้พรรคเพื่อไทยจะเปิดตัวรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจะสู้พรรคพลังประชารัฐได้หรือไม่ เรื่องนี้ พรรคเพื่อไทยมองว่า แคนดิเดตของพรรคเป็นเรื่องที่สำคัญที่จะบอกกับประชาชนให้ตัดสินใจเลือกพรรคเพื่อไทย มีอยู่ 3 กลยุทธ์หลักคือ 1.เป็นเรื่องของนโยบายที่เป็นจุดแข็งของพรรค 2.แคนดิเดตนายกฯ 3.ว่าที่ผู้สมัครที่อยู่ในพื้นที่ ถือเป็นความเข้มแข็งของพรรคเพื่อไทย จึงมั่นใจว่า ถ้าประกาศแคนดิเดตนายกฯแล้ว จะตอบโจทย์และแก้ปัญหาให้กับประชาชนในทุกมิติ โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง การเมือง สังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งแคนดิเดตนายกฯของพรรค จะตอบโจทย์ทุกมิติที่กล่าวมา โดยหากมีการยุบสภา ก็จะประกาศแคนดิเดตนายกฯของพรรค ซึ่งจะส่งทั้ง 3 รายชื่อทันที แต่หากรัฐบาลอยู่ครบเทอม ก็เตรียมที่จะประกาศก่อน เพื่อให้ประชาชนได้ตัดสินใจเลือกพรรคเพื่อไทย.-สำนักข่าวไทย