ชัวร์ก่อนแชร์: Ivermectin ช่วยให้รอดตายจากโควิดมากกว่า Remdesivir 70% จริงหรือ?

21 พฤษภาคม 2565
ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย: Factcheck.org / Science Feedback (สหรัฐอเมริกา)
แปลและเรียบเรียงบทความโดย: พีรพล อนุตรโสตถิ์, อดิศร สุขสมอรรถ


ประเภทข่าวปลอม: ทำให้เข้าใจผิด

บทสรุป:


  1. เป็นการบิดเบือนงานวิจัยของผู้สนับสนุนการใช้ยา Ivermectin รักษาผู้ป่วยโควิด-19
  2. งานวิจัยหลายชิ้นในปัจจุบันไม่พบว่ายา Ivermectin มีประโยชน์ต่อการป้องกันหรือรักษาผู้ป่วยโควิด-19

ข้อมูลที่ถูกแชร์:

มีข้อมูลบิดเบือนเผยแพร่ทาง Youtube ในสหรัฐอเมริกา โดย จอห์น แคมป์เบล อดีตพยาบาลเวชปฏิบัติชาวอังกฤษ ผู้ผันตัวมาเป็น Youtuber ด้านสุขภาพจนมีผู้ติดตามกว่า 2 ล้านคน อ้างผลวิจัยว่า ยาฆ่าพยาธิ Ivermectin มีประสิทธิผลในการป้องกันการเสียชีวิตของผู้ป่วยโควิด-19 ดีกว่ายาต้านไวรัส Remdesivir ที่องค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) ให้การรับรองถึง 70% จนคลิปวิดีโอดังกล่าวทำยอดวิวก่อนถูกลบไปถึง 770,000 วิว และมีการแชร์ไปแล้วกว่า 10,000 ครั้ง

FACT CHECK: ตรวจสอบข้อเท็จจริง:


คลิปวิดีโอที่ จอห์น แคมป์เบล อัพโหลดเมื่อวันที่ 6 มีนาคมปี 2022 เป็นการวิเคราะห์บทคัดย่องานวิจัยของมหาวิทยาลัย University of Miami ที่นำเสนอผลการศึกษาเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2021

ผู้วิจัยได้รวบรวมข้อมูลการติดเชื้อโควิด-19 ของชาวอเมริกันระหว่างวันที่ 1 มกราคมปี 2020 ถึง 11 กรกฎาคมปี 2021 โดยผู้ป่วยจำนวน 41,608 รายถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่กลุ่มที่รักษาตัวด้วยยาต้านไวรัส Remdesivir จำนวน 40,536 ราย และกลุ่มที่รักษาตัวด้วยยา Ivermectin จำนวน 1,072 ราย

การศึกษาพบว่ายา Ivermectin มีความสัมพันธ์ต่อการลดการเสียชีวิตของผู้ป่วยโควิด-19 มากกว่ายาต้านไวรัส Remdesivir โดยมีอัตราส่วนอ๊อดส์ (odds ratio) อยู่ที่ 0.308

จอห์น แคมป์เบล จึงทำการสรุปในคลิปวิดีโอว่า การใช้ยา Ivermectin ลดการเสียชีวิตของผู้ป่วยโควิด-19 ได้ดีกว่ายาต้านไวรัส Remdesivir ที่ 70%

อย่างไรก็ดี ดร.โฮเซ กอนซาเลส ซาโมรา ผู้ช่วยผู้อำนวยการโครงการโรคติดเชื้อ มหาวิทยาลัย University of Miami และผู้ร่วมวิจัยในการศึกษาที่ จอห์น แคมป์เบล กล่าวอ้าง ยืนยันว่าผลวิจัยไม่อาจบอกได้ว่า ยา Ivermectin ช่วยให้ผู้ป่วยโควิด-19 รอดชีวิตมากกว่าการใช้ยาต้านไวรัส Remdesivir ที่ 70% เหมือนที่ จอห์น แคมป์เบล กล่าวอ้าง

ซาโมราให้เหตุผลว่า งานวิจัยชิ้นนี้เป็นการวิจัยเบื้องต้นและเป็นแค่การศึกษาแบบเฝ้าสังเกตการณ์ แม้พบว่ายา Ivermectin มีความสัมพันธ์ (Association) กับการลดการเสียชีวิตของผู้ป่วยโควิด-19 แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่า การใช้ยา Ivermectin คือสาเหตุ (Causation) ที่ช่วยให้ผู้ป่วยโควิด-19 รอดชีวิต

ซาโมราย้ำว่า ยังมีตัวแปรอีกหลายอย่างที่ต้องพิจารณา ปัจจัยแรกคือ กลุ่มผู้ป่วยที่รักษาตัวด้วยยา Ivermectin มีอายุเฉลี่ยน้อยกว่ากลุ่มที่รักษาตัวด้วยยา Remdesivir ถึง 10 ปี ทำให้กลุ่มที่รักษาตัวด้วยยา Ivermectin มีโอกาสเสียชีวิตจากโควิด-19 น้อยกว่า

นิโคลัส มาร์ค ผู้เชี่ยวชาญด้านปอดและแพทย์ประจำห้องฉุกเฉินโรงพยาบาล Swedish Medical Center ในเมืองซีแอตเติล อธิบายว่ายา Ivermectin มักจะใช้กับผู้ป่วยโควิด-19 ระยะเริ่มต้นและยังไม่เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล ส่วนยา Remdesivir จะใช้รักษาผู้ป่วยในโรงพยาบาลที่มีอาการหนัก จึงเป็นไปได้สูงที่กลุ่มคนไข้ที่รักษาตัวด้วยยา Remdesivir จะป่วยหนักมากกว่าและมีโอกาสเสียชีวิตมากกว่ากลุ่มคนไข้ที่ใช้ยา Ivermectin

ซาโมราย้ำว่างานวิจัยของเขาและทีมงานไม่ได้ทำขึ้นเพื่อสนับสนุนประโยชน์ของการใช้ยา Ivermectin รักษาผู้ป่วยโควิด-19 เพราะทีมงานของเขาหรือโรงพยาบาลที่เขาสังกัด ต่างไม่แนะนำให้ใช้ยาชนิดนี้รักษาผู้ป่วยโควิด-19

นอกจากนี้ บทสรุปงานวิจัยที่ จอห์น แคมป์เบล เลี่ยงที่จะกล่าวถึง คือการย้ำถึงความสำคัญของการวิจัยในเชิงลึกในอนาคต เพื่อยืนยันหรือหักล้างประโยชน์ในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ด้วยยา Ivermectin ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น

งานวิจัยชิ้นนี้ไม่ได้รับการ peer-reviewed หรือการตรวจสอบความถูกต้องทางวิชาการ และได้ยุติโครงการวิจัยไปแล้ว โดยซาโมราชี้แจงผ่านทาง Twitter ว่า ไม่มีเหตุผลที่จะทำการศึกษาต่อเพราะงานวิจัยที่ใช้การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมที่น่าเชื่อถือหลายชิ้นต่างยืนยันว่า Ivermectin ไม่มีประโยชน์ในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19

ภายหลัง จอห์น แคมป์เบล ได้ลบคลิปดังกล่าว ก่อนทำการอัพโหลดคลิปวิดีโอตัวใหม่เพื่อสนับสนุนการใช้ยา Ivermectin รักษาผู้ป่วยโควิด-19 อีกครั้งเมื่อวันที่ 14 มีนาคม ปี 2022

โดยคลิปตัวล่าสุด เป็นการอ้างงานวิจัยของ ดร.ปีแอร์ คอรี และกลุ่ม Front Line COVID-19 Critical Care Alliance ซึ่งสนับสนุนการใช้ยา Ivermectin รักษาผู้ป่วยโควิด-19 ในสหรัฐฯ เนื้อหากล่าวถึงผลการวิจัยในเมืองอิตาไชอิของประเทศบราซิลซึ่งพบว่า การใช้ยา Ivermectin ลดการติดเชื้อโควิด-19 ได้ถึง 50%, ลดการรักษาตัวในโรงพยาบาลจากโควิด-19 ได้ถึง 67% และลดการเสียชีวิตจากโควิด-19 ได้ถึง 70%

อย่างไรก็ดี งานวิจัยของดร.ปีแอร์ คอรี สร้างเสียงวิจารณ์เรื่องความไม่โปร่งใสตั้งแต่ก่อนการตีพิมพ์ ทั้งปัญหาด้านการติดตามการใช้ยาในกลุ่มตัวอย่าง, ไม่มีการพิจารณาผลกระทบจากตัวแปรกวน และพบว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนระหว่างผู้วิจัยและบริษัทผู้ผลิตยา Ivermectin

งานวิจัยของ ดร.ปีแอร์ คอรี ได้รับการเผยแพร่ทางวารสารงานวิจัย Cureus เมื่อวันที่ 15 มกราคมปี 2022 ซึ่งถือเป็นวารสารที่เปิดให้ผู้วิจัยนำผลงานมาเผยแพร่โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และใช้เวลาในการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลในระยะเวลาที่สั้นกว่าวารสาร peer-reviewed เจ้าอื่นๆ

การตื่นตัวต่อยารักษาผู้ป่วยโควิด-19 ทำให้นักวิทยาศาสตร์นำยา Ivermectin มาศึกษาประสิทธิผลในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 อย่างแพร่หลาย

หนึ่งในงานวิจัยชิ้นล่าสุด คืองานวิจัยที่ใช้การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมที่น่าเชื่อถือจากประเทศมาเลเซีย และได้รับการเผยแพร่ทางวารสารงานวิจัย JAMA Internal Medicine เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ปี 2022 ผู้วิจัยพบว่า การใช้ยา Ivermectin รักษาผู้ป่วยโควิด-19 ระยะเริ่มต้นจำนวน 490 คน ไม่พบว่าตัวยามีประโยชน์ในการป้องกันการป่วยหนักจากการติดเชื้อโควิด-19 และพบว่า 21.6% ของคนไข้กลุ่มที่ใช้ยา Ivermectin ลงเอยด้วยการป่วยหนักจากโควิด-19 แต่คนไข้ในกลุ่มควบคุมที่ไม่ใช้ยา Ivermectin มีอัตราการป่วยหนักจากโควิด-19 เพียง 17.3% เท่านั้น

ดร.สตีเวน ชี ลูน ลิม แพทย์โรคติดเชื้อ โรงพยาบาล Raja Permaisuri Bainun Hospital ในมาเลเซีย และผู้ร่วมวิจัยชิ้นนี้ ชี้แจงว่าการศึกษาของตนพิสูจน์คือการว่า Ivermectin ไม่ใช่ยาวิเศษเหมือนที่ผู้คนกล่าวอ้าง ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ควรเข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที การหลงเชื่อข้อมูลเท็จแล้วตัดสินใจรักษาตัวเองด้วยยาที่ไร้ประสิทธิผล จะทำให้การรักษาเป็นไปอย่างล่าช้าและอาการป่วยจะรุนแรงยิ่งขึ้น

ข้อมูลอ้างอิง:

https://www.factcheck.org/2022/03/scicheck-evidence-still-lacking-to-support-ivermectin-as-treatment-for-covid-19/
https://healthfeedback.org/claimreview/ivermectin-wasnt-shown-more-effective-than-remdesivir-contrary-to-claim-by-john-campbell/

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ปะทะแล้ว บริเวณปราสาทตาเมือน หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง

สุรินทร์ 24 ก.ค.-ทบ.รายงานเหตุการณ์ปะทะบริเวณพื้นที่ปราสาทตาเมือน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง เมื่อเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 07.35 น. หน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนรายงานว่า ได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของฝ่ายกัมพูชาบินวนอยู่บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม แม้ไม่สามารถตรวจพบตัวอากาศยานได้ด้วยสายตา แต่สามารถได้ยินเสียงอย่างชัดเจน ต่อมาฝ่ายกัมพูชาได้นำอาวุธเข้าสู่ที่ตั้งบริเวณด้านหน้าแนวลวดหนาม และพบกำลังพลกัมพูชาจำนวน 6 นาย พร้อมอาวุธครบมือรวมทั้ง RPG เดินเข้ามาใกล้แนวลวดหนามบริเวณด้านหน้าฐานปฏิบัติการของไทย ฝ่ายไทยได้ใช้การตะโกนเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและยกระดับสถานการณ์ โดยฝ่ายไทยเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาประมาณ 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือน ในระยะประมาณ 200 เมตร ขณะนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกองทัพบกกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ กำลังพลเจ็บ 2 นาย

กทม. 24 ก.ค.-ด่วน! เหตุปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ ทบ. เผยทหารกัมพูชา เปิดแนวรบเพิ่มที่ ผามออีแดง เขาพระวิหาร ส่วนทหารไทยงัดปืนใหญ่ตอบโต้ กำลังพลเจ็บ 2 นาย เมื่อวันที่ 24 ก.ค.68 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ระบุเพิ่มเติมว่า เวลา 0920 น. กองทัพบกพบการปะทะเพิ่มเติมตลอดแนวพื้นที่ผามออีแดง ปราสาทเขาพระวิหาร พบฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากใช้อาวุธทุกชนิดและ BM21 ส่วนฝ่ายไทยเข้าปะทะตามแผนพร้อมตอบโต้ปืนใหญ่สนาม 09.20 น. เจ้าหน้าที่ทหารบาดเจ็บ 2 นาย จากอาวุธยิงสนับสนุน ในพื้นที่บริเวณกลุ่มปราสาทตาเมือน จ.สุรินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพื้นที่ที่มีการปะทะจำนวน 6 พื้นที่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ช่องบก เขาพระวิหาร(ห้วยตามาเรีย/ภูมะเขือ) ช่องอ่านม้า ช่องจอม.-313.-สำนักข่าวไทย

ผบ.ทบ.นำคณะลงช่องอานม้า พรุ่งนี้ จ่อใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ

23 ก.ค.- “ผบ.ทบ.” สั่ง ทภ.2-ทภ.1 เตรียมพร้อม “แผนจักรพงษ์ภูวนาถ” รับมือชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมยกคณะลงพื้นที่บัญชาการ วันที่ 23 ก.ค.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผข.ทบ.) ได้สั่งการไปยังกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่1 รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา เตรียมใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ แก้ไขปัญหาพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชาหลัง กำลังพลของกองทัพบกไทยจากชุดลาดตระเวน พัน.ร.14 ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดบริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พิกัด VA 950911 ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการตามแนวชายแดน โดยส่งผลให้ จ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญโคราช ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสูญเสียขาขวา และอยู่ระหว่างการส่งตัวรักษาต่อ ณ โรงพยาบาลน้ำยืน โดยให้พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันที เมื่อสั่งการ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พลโท ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสธ ทบ. พลโทบุญสินพาดกลาง มทภ.2 […]

“บิ๊กต่าย” อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็น ตร.

ตร. 23 ก.ค. – ผบ.ตร. อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็นตำรวจใต้บังคับบัญชาหลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จังหวัดปราจีนบุรี อ่านคำพิพากษากรณีที่ ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตปริศนา หลังจากถูกธำรงวินัยโดยรุ่นพี่ทหาร 2 นาย ภายในโรงเรียนเตรียมทหาร เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ซึ่งหนึ่งในรุ่นพี่ที่เป็นจำเลย ปัจจุบันรับราชการตำรวจในภาคอีสาน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า ตนได้รับรายงานเรื่องนี้แล้ว สิ่งที่อยากจะสื่อสารในประเด็นที่ 1 ตนอยากพบพ่อและแม่ของน้องเมยเป็นการส่วนตัว เพื่อจะได้พูดคุยให้เข้าใจในการปฏิบัติของตำรวจ ซึ่งเป็นประเด็นที่ 2 กรณีที่คู่กรณีเป็นตำรวจ เราต้องมองย้อนไปในขณะที่เกิดเหตุ มองถอยหลังกลับไป คู่กรณีรายดังกล่าวไม่ได้อยู่ในสถานะตำรวจ ฉะนั้นแล้วตามกฎหมาย พ.ร.บ.ตำรวจ ปี 2565 การดำเนินการทางวินัยจะดำเนินได้เฉพาะกับผู้ที่อยู่ในสถานะตำรวจ ซึ่งขณะนั้นคู่กรณีถือว่าอยู่ภายใต้กองบัญชาการกองทัพไทย ส่วนการพิจารณาทางวินัยตำรวจของคู่กรณี ตนได้สั่งให้จเรตำรวจแห่งชาติ นำไปประกอบการพิจารณา เนื่องจากวินัยและอาญาจะสามารถเชื่อมกันได้ในข้อเท็จจริงบางส่วน […]

ข่าวแนะนำ

ทบ.รายงานยอดผู้เสียชีวิต-บาดเจ็บ เหตุปะทะชายแดนกัมพูชา

24 ก.ค.- “กองทัพบก” อัปเดตเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ประชาชนเสียชีวิต 9 ราย เป็นเด็ก 1 ราย เจ็บ 14 ราย พร้อมประณามกัมพูชา ใช้อาวุธโจมตีเป้าหมายพลเรือนในเขตแดนไทย ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่าจากสถานการณ์การปะทะพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา อันสืบเนื่องมาจากฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงเข้าใส่ฐานทหารไทยที่ปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ตั้งแต่เมื่อเช้าวันนี้ (24 ก.ค. 68) ปัจจุบันกองทัพบกได้รับรายงานเบื้องต้นจากส่วนราชการในพื้นที่ว่า มีพื้นที่พลเรือนตกเป็นเป้าหมายของอาวุธยิงสนับสนุนของฝ่ายกัมพูชา จนทำให้บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย รวมถึงมีประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ดังนี้ ทั้งนี้ กองทัพบกขอประณามการกระทำอันรุนแรงต่อเป้าหมายพลเรือนของฝ่ายกัมพูชา และพร้อมดำเนินการทางทหารเพื่อปกป้องอธิปไตยและประชาชนจากการกระทำอันผิดหลักมนุษยธรรมดังกล่าวอย่างถึงที่สุด -สำนักข่าวไทย

วิกฤติหนัก เมืองน่านจมบาดาล ขยายวงกว้างเกือบ 10 กม.

น่าน 24 ก.ค. – น้ำท่วมตัวเมืองน่านยังวิกฤติหนัก หลังน้ำน่านยังเพิ่มสูง บางจุดน้ำท่วมถึงชั้น 2 แล้วและขยายวงกว้างออกไปในรัศมีเกือบ 10 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ยังเร่งช่วยเหลือผู้คน รวมทั้งผู้ป่วยออกจากพื้นที่น้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง .-สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” ส่งกำลังใจถึงกองทัพ เชื่อทั่วโลกประณามกัมพูชา

ฉะเชิงเทรา 24 ก.ค.-“แพทองธาร” นายกฯ ส่งกำลังใจถึงกองทัพ เชื่อทั่วโลกประณามกัมพูชา เป็นฝ่ายเริ่มยิงก่อน ทำประชาชนบาดเจ็บ พร้อมส่งกำลังใจให้ประชาชนในพื้นที่ รัฐบาลเตรียมมาตรการไว้แล้ว ที่อดทนอดกลั้นเพราะไม่อยากให้เสียเลือดเสียเนื้อ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ให้สัมภาษณ์ระหว่างเดินทางลงพื้นที่ จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อประชุมติดตามผลการดำเนินงาน รายการค่าใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ ของกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ที่ศาลาว่าการจังหวัดฉะเชิงเทรา ถึงกรณี รัฐบาลและกองทัพร่วมกันทำกรอบการดูแลพี่น้องประชาชนเป็นจุดยืนที่เน้นย้ำมาโดยตลอด แต่ในที่สุดฝ่ายกัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มยิงก่อน ซึ่งฝ่ายกัมพูชาก็อ้างว่า ฝ่ายไทยยิงก่อนเช่นเดิม แต่ในสายตาของชาวโลกนั้น เรามีเครื่องไม้เครื่องมือที่เยอะกว่า ชาวโลดจะเชื่อถือกัมพูชาคงลดน้อยลงไปเรื่อยๆ ซึ่งทางนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการแทนนายกรัฐมนตรี ได้เตรียมความพร้อมอย่างดีในการดูแลพี่น้องประชาชน จากการโทรพูดคุยกันทางโทรศัพท์ เป็นห่วงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและมีการประชุมกันการรับมือกับอาวุธที่มีตรงชายแดนพร้อมนานแล้ว หากเทียบกับสถานการณ์ปี 54 พร้อมมากกว่า 2-3 เท่า ในส่วนของกองทัพ แน่นอนว่า ไม่อยากให้เกิดความรุนแรงตั้งแต่แรกแต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วทางกองทัพเตรียมความพร้อมไว้อย่างดี สิ่งสำคัญที่จะผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้ ความสามัคคีของคนในชาติ สิ่งที่กองทัพและรัฐบาลพยายามมาโดยตลอดคือ ไม่อยากให้พี่น้องประชาชนเสียชีวิตและบาดเจ็บ คือสิ่งที่ทำมาเสมอ “เรารักคนของเราประเทศชาติของเราเรา ไม่อยากให้ใครก็ตามได้รับผลกระทบหรือความเจ็บปวดในครั้งนี้” แม้เราจะไม่ทราบว่าฝ่ายนั้นเขาคิดอย่างไรกับประชาชนของเขา แต่เราคิดกับประชาชนเราแบบนี้ เป็นสิ่งที่เน้นย้ำว่ารัฐบาลและกองทัพทำมาโดยตลอด ทั้งนี้รักษาการนายกรัฐมนตรีได้มีการสั่งการให้ดูแลพี่น้องประชาชนในพื้นที่อย่างเต็มที่ […]

กองทัพบกประณามกัมพูชา โจมตีเป้าหมายพลเรือนในเขตไทย

กทม. 24 ก.ค.-กองทัพบก ประณามการกระทำของฝ่ายกัมพูชา กรณีใช้อาวุธโจมตีเป้าหมายพลเรือนในเขตแดนไทย กองทัพบกขอประณามการกระทำอันรุนแรงและไร้มนุษยธรรมของฝ่ายกัมพูชา จากกรณีที่มีการใช้อาวุธจรวด BM-21 จำนวน 2 นัด ยิงเข้ามาในพื้นที่ชุมชนภายในศูนย์พัฒนาพื้นที่ชายแดน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เมื่อเวลา 09.40 น. วันนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ราษฎรได้รับบาดเจ็บ 3 ราย ซึ่งฝ่ายไทยได้ดำเนินการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่โดยทันที เพื่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกองทัพบกกำลังเฝ้าติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งเตรียมมาตรการรองรับอย่างรอบด้าน ทั้งนี้ หากมีความคืบหน้าเพิ่มเติม จะได้รายงานให้ทราบต่อไปโดยเร็วที่สุด.-313.-สำนักข่าวไทย