ชัวร์ก่อนแชร์: Ivermectin ช่วยให้รอดตายจากโควิดมากกว่า Remdesivir 70% จริงหรือ?

21 พฤษภาคม 2565
ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย: Factcheck.org / Science Feedback (สหรัฐอเมริกา)
แปลและเรียบเรียงบทความโดย: พีรพล อนุตรโสตถิ์, อดิศร สุขสมอรรถ


ประเภทข่าวปลอม: ทำให้เข้าใจผิด

บทสรุป:


  1. เป็นการบิดเบือนงานวิจัยของผู้สนับสนุนการใช้ยา Ivermectin รักษาผู้ป่วยโควิด-19
  2. งานวิจัยหลายชิ้นในปัจจุบันไม่พบว่ายา Ivermectin มีประโยชน์ต่อการป้องกันหรือรักษาผู้ป่วยโควิด-19

ข้อมูลที่ถูกแชร์:

มีข้อมูลบิดเบือนเผยแพร่ทาง Youtube ในสหรัฐอเมริกา โดย จอห์น แคมป์เบล อดีตพยาบาลเวชปฏิบัติชาวอังกฤษ ผู้ผันตัวมาเป็น Youtuber ด้านสุขภาพจนมีผู้ติดตามกว่า 2 ล้านคน อ้างผลวิจัยว่า ยาฆ่าพยาธิ Ivermectin มีประสิทธิผลในการป้องกันการเสียชีวิตของผู้ป่วยโควิด-19 ดีกว่ายาต้านไวรัส Remdesivir ที่องค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) ให้การรับรองถึง 70% จนคลิปวิดีโอดังกล่าวทำยอดวิวก่อนถูกลบไปถึง 770,000 วิว และมีการแชร์ไปแล้วกว่า 10,000 ครั้ง

FACT CHECK: ตรวจสอบข้อเท็จจริง:


คลิปวิดีโอที่ จอห์น แคมป์เบล อัพโหลดเมื่อวันที่ 6 มีนาคมปี 2022 เป็นการวิเคราะห์บทคัดย่องานวิจัยของมหาวิทยาลัย University of Miami ที่นำเสนอผลการศึกษาเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2021

ผู้วิจัยได้รวบรวมข้อมูลการติดเชื้อโควิด-19 ของชาวอเมริกันระหว่างวันที่ 1 มกราคมปี 2020 ถึง 11 กรกฎาคมปี 2021 โดยผู้ป่วยจำนวน 41,608 รายถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่กลุ่มที่รักษาตัวด้วยยาต้านไวรัส Remdesivir จำนวน 40,536 ราย และกลุ่มที่รักษาตัวด้วยยา Ivermectin จำนวน 1,072 ราย

การศึกษาพบว่ายา Ivermectin มีความสัมพันธ์ต่อการลดการเสียชีวิตของผู้ป่วยโควิด-19 มากกว่ายาต้านไวรัส Remdesivir โดยมีอัตราส่วนอ๊อดส์ (odds ratio) อยู่ที่ 0.308

จอห์น แคมป์เบล จึงทำการสรุปในคลิปวิดีโอว่า การใช้ยา Ivermectin ลดการเสียชีวิตของผู้ป่วยโควิด-19 ได้ดีกว่ายาต้านไวรัส Remdesivir ที่ 70%

อย่างไรก็ดี ดร.โฮเซ กอนซาเลส ซาโมรา ผู้ช่วยผู้อำนวยการโครงการโรคติดเชื้อ มหาวิทยาลัย University of Miami และผู้ร่วมวิจัยในการศึกษาที่ จอห์น แคมป์เบล กล่าวอ้าง ยืนยันว่าผลวิจัยไม่อาจบอกได้ว่า ยา Ivermectin ช่วยให้ผู้ป่วยโควิด-19 รอดชีวิตมากกว่าการใช้ยาต้านไวรัส Remdesivir ที่ 70% เหมือนที่ จอห์น แคมป์เบล กล่าวอ้าง

ซาโมราให้เหตุผลว่า งานวิจัยชิ้นนี้เป็นการวิจัยเบื้องต้นและเป็นแค่การศึกษาแบบเฝ้าสังเกตการณ์ แม้พบว่ายา Ivermectin มีความสัมพันธ์ (Association) กับการลดการเสียชีวิตของผู้ป่วยโควิด-19 แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่า การใช้ยา Ivermectin คือสาเหตุ (Causation) ที่ช่วยให้ผู้ป่วยโควิด-19 รอดชีวิต

ซาโมราย้ำว่า ยังมีตัวแปรอีกหลายอย่างที่ต้องพิจารณา ปัจจัยแรกคือ กลุ่มผู้ป่วยที่รักษาตัวด้วยยา Ivermectin มีอายุเฉลี่ยน้อยกว่ากลุ่มที่รักษาตัวด้วยยา Remdesivir ถึง 10 ปี ทำให้กลุ่มที่รักษาตัวด้วยยา Ivermectin มีโอกาสเสียชีวิตจากโควิด-19 น้อยกว่า

นิโคลัส มาร์ค ผู้เชี่ยวชาญด้านปอดและแพทย์ประจำห้องฉุกเฉินโรงพยาบาล Swedish Medical Center ในเมืองซีแอตเติล อธิบายว่ายา Ivermectin มักจะใช้กับผู้ป่วยโควิด-19 ระยะเริ่มต้นและยังไม่เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล ส่วนยา Remdesivir จะใช้รักษาผู้ป่วยในโรงพยาบาลที่มีอาการหนัก จึงเป็นไปได้สูงที่กลุ่มคนไข้ที่รักษาตัวด้วยยา Remdesivir จะป่วยหนักมากกว่าและมีโอกาสเสียชีวิตมากกว่ากลุ่มคนไข้ที่ใช้ยา Ivermectin

ซาโมราย้ำว่างานวิจัยของเขาและทีมงานไม่ได้ทำขึ้นเพื่อสนับสนุนประโยชน์ของการใช้ยา Ivermectin รักษาผู้ป่วยโควิด-19 เพราะทีมงานของเขาหรือโรงพยาบาลที่เขาสังกัด ต่างไม่แนะนำให้ใช้ยาชนิดนี้รักษาผู้ป่วยโควิด-19

นอกจากนี้ บทสรุปงานวิจัยที่ จอห์น แคมป์เบล เลี่ยงที่จะกล่าวถึง คือการย้ำถึงความสำคัญของการวิจัยในเชิงลึกในอนาคต เพื่อยืนยันหรือหักล้างประโยชน์ในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ด้วยยา Ivermectin ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น

งานวิจัยชิ้นนี้ไม่ได้รับการ peer-reviewed หรือการตรวจสอบความถูกต้องทางวิชาการ และได้ยุติโครงการวิจัยไปแล้ว โดยซาโมราชี้แจงผ่านทาง Twitter ว่า ไม่มีเหตุผลที่จะทำการศึกษาต่อเพราะงานวิจัยที่ใช้การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมที่น่าเชื่อถือหลายชิ้นต่างยืนยันว่า Ivermectin ไม่มีประโยชน์ในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19

ภายหลัง จอห์น แคมป์เบล ได้ลบคลิปดังกล่าว ก่อนทำการอัพโหลดคลิปวิดีโอตัวใหม่เพื่อสนับสนุนการใช้ยา Ivermectin รักษาผู้ป่วยโควิด-19 อีกครั้งเมื่อวันที่ 14 มีนาคม ปี 2022

โดยคลิปตัวล่าสุด เป็นการอ้างงานวิจัยของ ดร.ปีแอร์ คอรี และกลุ่ม Front Line COVID-19 Critical Care Alliance ซึ่งสนับสนุนการใช้ยา Ivermectin รักษาผู้ป่วยโควิด-19 ในสหรัฐฯ เนื้อหากล่าวถึงผลการวิจัยในเมืองอิตาไชอิของประเทศบราซิลซึ่งพบว่า การใช้ยา Ivermectin ลดการติดเชื้อโควิด-19 ได้ถึง 50%, ลดการรักษาตัวในโรงพยาบาลจากโควิด-19 ได้ถึง 67% และลดการเสียชีวิตจากโควิด-19 ได้ถึง 70%

อย่างไรก็ดี งานวิจัยของดร.ปีแอร์ คอรี สร้างเสียงวิจารณ์เรื่องความไม่โปร่งใสตั้งแต่ก่อนการตีพิมพ์ ทั้งปัญหาด้านการติดตามการใช้ยาในกลุ่มตัวอย่าง, ไม่มีการพิจารณาผลกระทบจากตัวแปรกวน และพบว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนระหว่างผู้วิจัยและบริษัทผู้ผลิตยา Ivermectin

งานวิจัยของ ดร.ปีแอร์ คอรี ได้รับการเผยแพร่ทางวารสารงานวิจัย Cureus เมื่อวันที่ 15 มกราคมปี 2022 ซึ่งถือเป็นวารสารที่เปิดให้ผู้วิจัยนำผลงานมาเผยแพร่โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และใช้เวลาในการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลในระยะเวลาที่สั้นกว่าวารสาร peer-reviewed เจ้าอื่นๆ

การตื่นตัวต่อยารักษาผู้ป่วยโควิด-19 ทำให้นักวิทยาศาสตร์นำยา Ivermectin มาศึกษาประสิทธิผลในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 อย่างแพร่หลาย

หนึ่งในงานวิจัยชิ้นล่าสุด คืองานวิจัยที่ใช้การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมที่น่าเชื่อถือจากประเทศมาเลเซีย และได้รับการเผยแพร่ทางวารสารงานวิจัย JAMA Internal Medicine เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ปี 2022 ผู้วิจัยพบว่า การใช้ยา Ivermectin รักษาผู้ป่วยโควิด-19 ระยะเริ่มต้นจำนวน 490 คน ไม่พบว่าตัวยามีประโยชน์ในการป้องกันการป่วยหนักจากการติดเชื้อโควิด-19 และพบว่า 21.6% ของคนไข้กลุ่มที่ใช้ยา Ivermectin ลงเอยด้วยการป่วยหนักจากโควิด-19 แต่คนไข้ในกลุ่มควบคุมที่ไม่ใช้ยา Ivermectin มีอัตราการป่วยหนักจากโควิด-19 เพียง 17.3% เท่านั้น

ดร.สตีเวน ชี ลูน ลิม แพทย์โรคติดเชื้อ โรงพยาบาล Raja Permaisuri Bainun Hospital ในมาเลเซีย และผู้ร่วมวิจัยชิ้นนี้ ชี้แจงว่าการศึกษาของตนพิสูจน์คือการว่า Ivermectin ไม่ใช่ยาวิเศษเหมือนที่ผู้คนกล่าวอ้าง ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ควรเข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที การหลงเชื่อข้อมูลเท็จแล้วตัดสินใจรักษาตัวเองด้วยยาที่ไร้ประสิทธิผล จะทำให้การรักษาเป็นไปอย่างล่าช้าและอาการป่วยจะรุนแรงยิ่งขึ้น

ข้อมูลอ้างอิง:

https://www.factcheck.org/2022/03/scicheck-evidence-still-lacking-to-support-ivermectin-as-treatment-for-covid-19/
https://healthfeedback.org/claimreview/ivermectin-wasnt-shown-more-effective-than-remdesivir-contrary-to-claim-by-john-campbell/

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบร่างพลทหารรัวยิงชาวบ้านแล้ว คาดจบชีวิตตัวเองในป่า

15 ส.ค.- พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมา เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร ซึ่งเป็นป่าติดกับคลองส่งน้ำ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมาส่งพิสูจน์ทราบต่อไป ด้านครอบครัวที่มาเฝ้ารอ ต่างเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น – สำนักข่าวไทย

ทบ.แจงเหตุทหารรัวยิงชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ยังคุมตัวไม่ได้

15 ส.ค.- กองทัพบกแจงเหตุทหารหนีออกจากหน่วยพร้อมอาวุธปืน รัวยิงกลางดึก ชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ราย จนท.เร่งล่า ยังไม่พบตัว หากประชาชนพบเห็นรีบแจ้งทันที กองทัพบกชี้แจงเหตุการณ์ใช้อาวุธปืนในพื้นที่อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 เวลา 00.45 น. กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ยินเสียงปืนดังเป็นชุด จำนวน 10 นัด บริเวณถนนข้างวัดบ้านเขื่อนแก้ว อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ต่อมาเวลา 00.54 น. ได้ยินเสียงปืนเพิ่มอีก 2 นัด จากการตรวจสอบกำลังพลและอาวุธประจำกาย พบว่า พลทหารรัฐภูมิ เทพศิริ สังกัดกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ออกจากที่ตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมอาวุธปืนเล็กยาวและกระสุนจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ได้แก่ ผู้บาดเจ็บทั้งสองรายได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและส่งโรงพยาบาลกาบเชิง ก่อนส่งต่อรักษาตามความเหมาะสม โดยขณะนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจร่วมกับกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ตรวจสอบพื้นที่และสอบถามพยาน เบื้องต้นคาดว่าพลทหารดังกล่าวอาจเป็นผู้ก่อเหตุ […]

แจ้งจับ “ภูมิธรรม” ปล่อยกัมพูชารุกราน ทำไทยเสียเปรียบ

ขอนแก่น 15 ส.ค. – องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น แจ้งความเอาผิด “ภูมิธรรม” รักษาการนายกฯ ไม่ทำหน้าที่ตัวเอง ปล่อยกัมพูชารุกรานไทย องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เพื่อเอาผิด นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในข้อหาหรือฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.119, ม.120, ม.124 ม.157 และมาตราอื่นที่เกี่ยวข้อง นายตุลย์ ประเสริฐศิลป์ ประธานองค์กรต่อต้านคอรัปชั่นภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า การมาร้องทุกข์กล่าวโทษครั้งนี้ ด้วยเรื่องเอกราชและอธิปไตยของชาติเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด แต่รักษาการนายกฯ ไม่ได้ทำหน้าที่ตัวเอง โดยปล่อยปละละเลยทำให้ต่างชาติรุกรานประเทศไทย ต้องปกป้องรักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติให้มั่นคง แต่ที่ทหารขาขาด บาดเจ็บ ประชาชนล้มตายทรัพย์สินเสียหาย คือ ความร้ายแรงของของผู้รักษาการนายกรัฐมนตรีต้องทำและต้องปกป้องให้ได้ แต่ไม่มี มีแต่ไปเข้าข้างศัตรูโดยเฉพาะกัมพูชา เป็นโทษร้ายแรงมาก.-สำนักข่าวไทย

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

ผ่านฉลุย สภาฯ ไฟเขียวงบ 69 เห็นชอบ 257 : 230

รัฐสภา 15 ส.ค.- ผ่านฉลุย สภาฯ ไฟเขียวงบ 69 เห็นชอบ 257 ต่อ 230 ด้าน ‘พิชัย’ ขอบคุณสภาฯ ยันจะใช้งบให้ตรงตามวัตถุประสงค์โปร่งใส-เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 เป็นประธานการประชุม วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญฯ พิจารณาเสร็จแล้ว โดยมีการตั้งวงเงินงบประมาณ จำนวน 3.78 ล้านล้านบาท ซึ่งที่ประชุมสภาฯ ใช้เวลาอภิปรายตลอด 3 วัน ระหว่างวันที่ 13-15 สิงหาคม และลงมติเมื่อเวลา 22.50 น. ผลปรากฏว่า จากจำนวนสมาชิก 487 เสียง เห็นด้วย 257 เสียง ไม่เห็นด้วย 230 เสียง งดออกเสียง 1 […]

พลทหารยิงชาวบ้านเจ็บ 2 ก่อนหนีเข้าป่า จบชีวิตตัวเอง

สุรินทร์ 15 ส.ค. – ตื่นตระหนก เหตุพลทหารที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ควงปืนอาวุธประจำกาย ออกมายิงชาวบ้าน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ก่อนจะหลบหนี และสุดท้ายปลิดชีพตนเอง ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนหาสาเหตุ ติดตามได้จากรายงานของศูนย์ข่าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ.-สำนักข่าวไทย

ไล่ล่าโจรชิงทอง 123 บาท กลางห้างย่านบางบ่อ

สมุทรปราการ 15 ส.ค. – ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ เรียกประชุมตำรวจที่เกี่ยวข้อง แกะรอยหาเบาะแส ไล่ล่าโจรชิงทองห้างย่านบางบ่อ ยืนยันจำนวนทอง 123 บาท มูลค่ากว่า 6 ล้าน ขณะที่พนักงานยังผวาทุกครั้งที่เห็นคนใส่ชุดไรเดอร์เดินเข้าห้าง จากเหตุการณ์คนร้ายแต่งกายด้วยชุดไรเดอร์ สวมกางกางยีนขายาวสีดำ รองเท้าผ้าใบสีขาว เดินเท้าบุกเดี่ยวมาที่ร้านทอง แล้วชักอาวุธปืนพกแบบออโตเมติก สีบอร์นซ์ ขู่บังคับให้พนักงานขายทองซึ่งเป็นหญิง 3 คน หยิบทองรูปพรรณส่งให้คนร้าย แต่พนักงานขายทองไม่หยิบส่งให้ และหมอบลงกับพื้น คนร้ายจึงกระโดดข้ามตู้ทองด้านหน้าร้าน ไปเลื่อนกระจกตู้ทองด้านหลัง หยิบเอาทองคำรูปพรรณ มีสร้อยข้อมือ หนัก 5 บาท 5 เส้น น้ำหนัก 25 บาท น้ำหนัก 3 บาท 30 เส้น น้ำหนักรวม 90 บาท, หนัก 2 บาท 24 เส้น รวม 48 บาท […]

ย้าย “ลุงพล” มาคุมขังต่อที่เรือนจำกลางนครพนม

15 ส.ค. – เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ย้ายตัว “ลุงพล” จำเลยคดีน้องชมพู่ ไปควบคุมต่อที่เรือนจำกลางนครพนม ด้าน “ป้าแต๋น” ตามมาเยี่ยมให้กำลังใจสามี บอกเอาหัวใจมาฝาก ยืนยันลุงพลสู้ต่อถึงฎีกา หลังเมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เพิ่มโทษ นายไชย์พล วิภา หรือ “ลุงพล” จำเลยที่ 1 จาก 20 ปี เป็น 26 ปี และยกฟ้อง นางสมพร หลาบโพธิ์ หรือ “ป้าแต๋น” ในคดีฆ่า เด็กหญิงอรวรรณ หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ขวบ หลังหายตัวจากบ้านพัก ขณะนั่งเล่นกับพี่สาวที่บ้าน กกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร เหตุเกิดช่วงเช้าวันที่ 11 พ.ค.2563 ต่อมาจำเลย ได้ยื่นหลักทรัพย์ขอปล่อยตัวชั่วคราว และวานนี้ ศาลฎีกาไม่อนุญาตให้ประกันตัว […]