การฟื้นฟูเศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกกำลังเพลี่ยงพล้ำ

วอชิงตัน 28 กย.-ธนาคารโลกประเมินการฟื้นตัวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกหลังถูกบั่นทอนด้วยการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า ทำให้ปัญหาความเดือดร้อนของภาคธุรกิจและครัวเรือนต่างๆ ต้องยืดเยื้อออกไป ซึ่งจะชะลอการเติบโตทางเศรษฐกิจและเพิ่มความเหลื่อมล้ำเพิ่มขึ้น


นายเกียรติพงศ์ อริยปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสประจำประเทศไทย ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) เปิดเผยว่า เวิลด์แบงก์ได้ปรับลดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของไทยในปี 64 เหลือ 1% จากเดิมเมื่อเดือน ก.ค.64 ที่คาดการณ์ไว้ 2.2% เนื่องจากผลกระทบจากโควิด-19 ส่วนในปี 65 คาดการณ์จีดีพีจะขยายตัวที่ 3.6% โดยคาดว่าระบบเศรษฐกิจของไทยจะใช้เวลาในการฟื้นตัวราว 3 ปี โดยธนาคารโลกได้แถลงข่าวเมื่อวันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยระบุว่า การฟื้นตัวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกนั้นถูกบั่นทอนด้วยการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า ทำให้ปัญหาความเดือดร้อนของภาคธุรกิจและครัวเรือนต่างๆ ต้องยืดเยื้อออกไป ซึ่งจะชะลอการเติบโตทางเศรษฐกิจและเพิ่มความเหลื่อมล้ำ

ทั้งนี้ กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มลดระดับลงในไตรมาสที่สองของปี 2564 และประเทศส่วนใหญ่ในภูมิภาคนี้ถูกปรับลดประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจลง ตามรายงานอัพเดทเศรษฐกิจเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ประจำเดือนตุลาคม 2564 ของธนาคารโลก ระบุว่า ขณะที่จีนคาดว่าจะมีการเติบโตทางเศรษฐกิจร้อยละ 8.5 แต่ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคคาดว่าจะเติบโตเพียงร้อยละ 2.5 โดยลดลงเกือบ 2 จุดร้อยละจากที่คาดการณ์ในเดือนเมษายน 2564 อัตราการจ้างงานและการมีส่วนร่วมในกำลังแรงงานลดลง และจะมีประชากรจำนวนมากถึง 24 ล้านคนตกอยู่ในภาวะยากจนในปี 2564


นางนูเอลา เฟอโร รองประธานธนาคารโลกประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก กล่าวการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกกำลังเผชิญกับชะตาที่พลิกผัน” แม้ว่าในปี 2563 ภูมิภาคนี้สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ในขณะที่ภูมิภาคอื่นของโลกประสบปัญหา แต่ในปี 2564 การแพร่ระบาดได้เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ในปีนี้โอกาสที่เศรษฐกิจจะเติบโตต้องลดลงไป อย่างไรก็ตาม ภูมิภาคนี้ก็เคยผ่านพ้นวิกฤตและกลับมาแข็งแกร่งได้หลายต่อหลายครั้งแล้ว และก็จะสามารถทำได้อีกหากมีนโยบายที่ถูกต้องเหมาะสม

ความเสียหายที่เกิดจากการแพร่ระบาดหลายระลอกอย่างต่อเนื่องของโควิด-19 จะส่งผลเสียต่อการเติบโตและเพิ่มความเหลื่อมล้ำในระยะยาว รายงานระบุว่า การที่ธุรกิจต้องเลิกกิจการไปทั้งที่ควรจะอยู่รอดได้ในสถานการณ์ปกติกำลังนำไปสู่การสูญเสียสินทรัพย์ที่จับต้องไม่ได้อันมีค่า ขณะที่ธุรกิจที่ยังอยู่รอดก็ชะลอการลงทุนที่จะก่อให้เกิดผลผลิต กิจการขนาดเล็กได้รับผลกระทบหนักสุด แม้ว่าจะเดือดร้อนกันเกือบถ้วนหน้า แต่กิจการใหญ่ๆ ก็มีแนวโน้มที่จะมียอดขายตกลงน้อยกว่า และมีแนวโน้มมากกว่าที่จะรับเทคโนโลยีขั้นสูงและเข้าถึงความช่วยเหลือจากรัฐบาล

ครัวเรือนต่างๆ ล้วนประสบความเดือดร้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งครัวเรือนที่ยากจนมากกว่ามีแนวโน้มสูงกว่าที่จะสูญเสียรายได้ เผชิญกับความไม่มั่นคงทางอาหารมากกว่า มีลูกที่ไม่ได้เข้าเรียน และต้องเทขายทรัพย์สินที่ไม่ค่อยจะมีทิ้งไป การเพิ่มขึ้นของภาวะแคระแกร็นในเด็ก การเสื่อมถอยของทุนมนุษย์ และการสูญเสียสินทรัพย์ที่ก่อผลผลิตอันเป็นผลตามมา จะส่งผลเสียต่อการหารายได้ในอนาคตของภาคครัวเรือนเหล่านี้ ความเหลื่อมล้ำที่เพิ่มขึ้นระหว่างกิจการต่างๆ ก็จะเพิ่มความเหลื่อมล้ำระหว่างแรงงานได้


ทั้งนี้ การเร่งฉีดวัคซีนและตรวจหาเชื้อเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดจะสามารถฟื้นฟูกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศต่างๆ ที่ยังล้มลุกคลุกคลานให้กลับมาได้เร็วที่สุดในช่วงครึ่งแรกของปีพ.ศ. 2565 และเพิ่มอัตราการเติบโตเป็นสองเท่าในปีหน้า” อาดิตยา แมตทูหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก กล่าว “แต่ในระยะยาว มีแต่การปฏิรูปที่ลงลึกอย่างจริงจังเท่านั้นจึงจะสามารถป้องกันการเติบโตที่ชะลอตัวและความเหลื่อมล้ำที่เพิ่มขึ้นได้ ซึ่งการเกิดขึ้นคู่กันของการเติบโตที่ชะลอตัวและความเหลื่อมล้ำที่เพิ่มขึ้นนั้น ภูมิภาคนี้ไม่เคยประสบมาก่อนเลยในศตวรรษนี้

รายงานประมาณการณ์ว่าประเทศส่วนใหญ่ในภูมิภาค รวมถึงอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์จะสามารถฉีดวัคซีนให้กับประชากรในประเทศได้มากกว่าร้อยละ 60 ภายในครึ่งแรกของปีพ.ศ. 2565 ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถขจัดการแพร่ระบาดให้หมดไปโดยสิ้นเชิงก็ตาม แต่ก็จะลดการเสียชีวิตลงไปได้อย่างมาก ทำให้สามารถกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่อไปได้

อย่างไรก็ตาม ภูมิภาคนี้ยังจำเป็นต้องพยายามดำเนินการในสี่ด้านอย่างจริงจังเพื่อรับมือกับสถานการณ์โควิดที่ยืดเยื้อ ประกอบด้วย 1.การจัดการกับความลังเลในการรับวัคซีนและปัญหาการกระจายวัคซีนเพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้าในการฉีดวัคซีน 2.เพิ่มการตรวจ สืบย้อน และกักตัวเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด 3.เพิ่มกำลังการผลิตวัคซีนในภูมิภาคเพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้า และ 4.สร้างความเข้มแข็งให้กับระบบสาธารสุขเพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดที่ยืดเยื้อ ทั้งนี้ จำเป็นต้องมีความช่วยเหลือระหว่างประเทศเพื่อสนับสนุนความพยายามภายในประเทศในทุกด้านที่กล่าวมา โดยเฉพาะในประเทศที่มีศักยภาพจำกัด

นอกจากการควบคุมการแพร่ระบาดแล้ว ยังจำเป็นต้องมียุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมเพื่อกระตุ้นการเติบโตและทำให้การเติบโตกระจายอย่างทั่วถึง รายงานยังระบุว่าการเร่งกระจายเทคโนโลยีอาจเป็นทางออกสำหรับวิกฤตโดยการกระตุ้นผลิตภาพ สร้างโอกาสที่เท่าเทียมในการศึกษา และเปลี่ยนแปลงหน่วยงานของรัฐ อย่างไรก็ตาม ยังจำเป็นต้องมีการปฏิรูปเสริม เช่น การสนับสนุนให้ภาคธุรกิจมีทักษะในการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการดำเนินธุรกิจ จะต้องมีการเสริมด้วยนโยบายเปิดกว้างทางการค้าและการลงทุน และนโยบายการแข่งขันเพื่อเพิ่มแรงจูงใจให้กับธุรกิจต่างๆ ในการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ การดำเนินการปฏิรูปการศึกษาที่ล่าช้ามานาน เพื่อปรับปรุงคุณภาพการสอนและความสอดคล้องของหลักสูตรจะทำให้มีการเข้าถึงประโยชน์ของเทคโนโลยีการเรียนรู้ใหม่ๆ ได้อย่างกว้างขวางมากขึ้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตร.เร่งขยายผลปมอธิการบดี ม.ดัง ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น

สน.บางซื่อ 12 ก.ย. – อธิการบดีมหาวิทยาลัยชื่อดัง กลายเป็นเหยื่อมิจฉาชีพออนไลน์ ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น สูญเงินกว่า 38 ล้านบาท ตำรวจนครบาลเร่งสอบสวน อายัดเงินทันกว่า 3 ล้านบาท ขยายผลโยงบัญชีม้ากว่า 20 บัญชี จากกรณีอธิการบดีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ถูกเครือข่ายมิจฉาชีพหลอกลงทุน เสียหายกว่า 38 ล้านบาท พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 และ พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางมาร่วมสอบปากคำผู้เสียหายด้วยตัวเอง ที่สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ ช่วงเที่ยงที่ผ่านมา พล.ต.ต.พัลลภ เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าว พนักงานธนาคารได้ตรวจพบความผิดปกติการถอนเงินจากบัญชีผู้เสียหาย แล้วโอนเงินไปยังบัญชีอื่น 3 บัญชี ซึ่งเป็นบัญชีนิติบุคคล หรือบริษัท เป็นจำนวนเงินกว่า 1 ล้าน 9 แสนบาท จึงได้อายัดไว้ก่อนและติดต่อจากศูนย์ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบไปยังผู้เสียหาย ก่อนทราบว่าผู้เสียหายได้เอาเงินไปลงทุนเทรดหุ้น พร้อมให้ผู้เสียหายตรวจสอบว่า เงินที่โอนไปลงทุนนั้นสามารถถอนออกจากบัญชีในระบบบริษัทได้หรือไม่ ปรากฏว่าผู้เสียหายไม่สามารถถอนเงินได้ เจ้าหน้าที่จึงแน่ใจว่าถูกเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง […]

“เฉลิมชัย” ไขก๊อกหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว

พรรคประชาธิปัตย์ 12 ก.ย.-“เฉลิมชัย” ไขก๊อกจากหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว ด้าน “ชัยชนะ” ยันไม่มีขัดแย้ง ในพรรครักกันดี ไม่มีแพแตก นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ยื่นหนังสือลาออกจากหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ว่า ตนก็เพิ่งทราบข่าว โดยไม่ได้มีการบอกกล่าวล่วงหน้ามาก่อน แต่ยืนยันว่าในพรรคไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งอะไร รักกันดี ทุกคนแต่การตัดสินใจลาออกครั้งนี้เป็นอย่างไรต้องไปถามนายเฉลิมชัยเอง แต่ยืนยันว่า หัวหน้าพรรคกรรมการบริหารพรรค ทุกคนมีความรักใคร่กันดี และตนเชื่อว่านายเฉลิมชัยก็เป็นคนหนึ่งที่รักพรรคประชาธิปัตย์ และทำงานให้กับพรรคมาโดยตลอด ซึ่งตนก็รู้สึกเสียดายและใจหายซึ่งที่ผ่านมานายเฉลิมชัย ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณหรือบอกอะไร สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ จะดำเนินการอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า ก็ต้องดำเนินการตามข้อบังคับพรรคและตามกฎหมาย โดยต้องเรียกประชุมวิสามัญ เพื่อนเลือก หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคใหม่เมื่อถามว่าบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องทำหน้าที่กันต่อไป ส่วนกรรมการบริหารพรรคก็มาเลือกคัดสรรกันใหม่ และหลังจากนี้ต้องรอดูว่าใครจะเข้ามาบริหารพรรค และกำหนดนโยบายทิศทางพรรคอย่างไร แต่ตนก็เป็นสมาชิกพรรคคนหนึ่งที่ยังยืนหยัด อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อถามว่าการที่นายเฉลิมชัย ลาออกตอนนี้ เป็นสัญญาณอะไรหรือไม่เนื่องจาก มีไทม์ไลน์ จะยุบสภา ภายใน สี่ เดือน จะไปสังกัดพรรคอื่นหรือไม่ ได้ชัยชนะกล่าวว่าอย่ามองเช่นนั้น เพราะตนเชื่อว่านายเฉลิมชัย […]

“รมต.สุชาติ​” ตั้งสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน-​สีกา

ทำเนียบ 12 ก.ย.- “รมต.สุชาติ​” ตั้งคณะกรรมการสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน​-​สีกา​ หลังถูกร้องสะพัดว่อนโซเชียล​ คาด​ไม่เกิน​ 1 สัปดาห์รู้ผล​ ย้ำให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย นายสุชาติ​ ตันเจริญ​ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเปิดเผยว่า​ มีข้อร้องเรียน ถึงพฤติกรรมของเจ้าอาวาส วัดโสธรวรารามวรวิหาร เกี่ยวกับการประพฤติปฏิบัติไม่ถูกต้อง เข้าข่ายกระทำความผิดพระธรรมวินัย อีกทั้งยังมีข้อมูลเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ โดยการร้องเรียนเป็นเรื่องทรัพย์สินและเรื่องสีกา ซึ่งเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ เป็นเจ้าคณะจังหวัด และเป็นพระสังฆาธิการด้วย ดังนั้นจึงต้องให้ความเป็นธรรม ทั้งกับผู้ร้องและประชาชน รวมถึงตัวเจ้าอาวาสด้วย เพราะหากไม่เป็นความจริงจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ตนจึงได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นประธาน​ ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบหาข้อเท็จจริงให้ปรากฏ​ โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูง​ รวมถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ​ และให้ผู้ตรวจของสำนักนายกรัฐมนตรีเข้าไปเป็นคณะกรรมการด้วย เพราะไม่ทราบว่าในโลกออนไลน์พูดเพื่อความสนุกสนานหรือไม่ แต่ยอมรับว่าตนก็ได้ยินเรื่องนี้มานาน มีเค้าโครง​ ยืนยันว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และให้ผู้ร้องสบายใจ​ แต่หากเจ้าอาวาสทำผิดก็ต้องแบบว่าไปตามระเบียบกฎหมาย และต้องแจ้งให้สำนักงานพระพุทธศาสนาดำเนินการต่อไป เมื่อถามว่าวางกรอบระยะเวลาการตรวจสอบไว้เท่าใด นายสุชาติ​ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้วาง แต่คาดว่าไม่น่าจะเกิน 1 สัปดาห์ เพราะจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นพื้นที่ของตน ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้ และตนก็เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ประชาชนเลือกมาเป็นผู้แทน […]

นายกฯ โต้ข่าวเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา เชื่อปชช.เข้าใจ

เมืองทองธานี 12 ก.ย.- นายกฯ โต้ข่าว เปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา บอก ขอเป็นรัฐบาลอย่างเป็นทางการก่อน ชี้ ขั้นตอนยังมีอีกเยอะ เชื่อประชาชนเข้าใจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสความชัดเจนในการเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ทำไมข่าวออกไปอย่างนั้นก็ไม่รู้ ไปบิดเบือน เท่าที่ตนดู พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ก็ยังไม่ได้พูดอะไรชัดเจนขนาดนั้น ต้องคำนึงถึงประชาชนคนไทยเป็นหลักก่อนอยู่แล้ว เมื่อถามถึง กระแสการต่อต้านการเปิดด่าน นายกรัฐมนตรีระบุ ขอให้ตนเข้าไปรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้เรายังไม่สามารถให้นโยบายอะไรได้ และการกระทำต่างๆ ยังถือว่าอยู่ภายใต้รัฐบาลปัจจุบันอยู่ ยังไม่ใช่รัฐบาลของตน เมื่อถามต่อว่า ท่าทีของ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาค 2 และ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ที่คัดค้านการเปิดด่าน เพราะอาจจะเป็นการส่งเสริมบ่อนการพนันและสแกมเมอร์ นายอนุทิน กล่าวว่า เท่าที่ตนทราบไม่ได้อยู่ดี ๆ จะไปเปิดด่านได้เลย เพราะต้องมีการบรรลุข้อตกลงอะไรอีกเยอะแยะ เมื่อปฏิบัติ ซึ่งต้องรอคณะรัฐบาลของตนเข้าปฏิบัติที่อย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้ตนยังไม่สามารถไปสั่งการหรือให้นโยบายอะไรได้ เมื่อถามว่า […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” ย้ำนำรายชื่อ ครม.ทูลเกล้าฯ ภายในสัปดาห์นี้

สภาอุตสาหกรรมฯ 15 ก.ย.-“อนุทิน” ย้ำนำรายชื่อ ครม.ทูลเกล้าฯ ภายในสัปดาห์นี้ ปัดตอบใครขาดคุณสมบัติบ้าง แต่ยืนยันนิ่งและครบแล้ว เผยหลังถวายสัตย์ฯ พร้อมแถลงนโยบายต่อสภาทันที เพื่อเดินหน้าทำงานโดยเร็ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าในการเตรียมร่างคำแถลงนโยบายต่อรัฐสภา จำเป็นจะต้องเชิญพรรคร่วมรัฐบาลหารือด้วยหรือไม่ ว่า ตอนนี้ได้มีการยกร่างคำแถลงขึ้นมาแล้ว และได้ส่งเนื้อหาในส่วนของกระทรวงที่แต่ละคนรับผิดชอบ ให้พรรคร่วมรัฐบาลพิจารณา เพื่อนำไปสู่การแก้ไขเพิ่มเติม หรือตัดอะไรที่อาจจะเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของรัฐมนตรีที่กำกับดูแลกระทรวงนั้นๆ เพื่อให้เกิดความมั่นใจกับเขามากที่สุด จะได้เข้ามาทำงานได้ ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า สไตล์คนละพรรคแต่พวกเดียวกันใช่หรือไม่ นายอนุทิน หัวเราะ แต่ไม่ได้ตอบคำถาม เมื่อถามถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบประวัติของคณะรัฐมนตรี ขณะนี้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้รายงานกลับมาแล้วใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ใกล้แล้ว เรียกได้ว่ารายชื่อ 100% แล้ว เหลือเพียงการตรวจสอบประวัติ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติก่อนนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย โดยยืนยันว่าจะต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายภายในสัปดาห์นี้ ส่วนขั้นตอนการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา นายอนุทิน กล่าวว่า เมื่อนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายแล้วก็สุดแล้วแต่ท่าน แต่ทันทีที่โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมลงมาก็จะต้องรอการเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ จากนั้นก็จะเร่งแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ถึงจะสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมร่างแถลงนโยบายต่อสภาไว้แล้ว ทันทีเมื่อพร้อมก็สามารถให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรนัดหมายวันประชุมได้ทันที ขณะเดียวกัน นายอนุทิน ยังยืนยันด้วยว่า ขณะนี้รายชื่อคณะรัฐมนตรีครบและนิ่งแล้ว ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า […]

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

แบงก์ชาติเตรียมแถลงบ่ายนี้ ปมผลกระทบ “บัญชีม้า”

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)-สมาคมธนาคารไทย ร่วมกันให้ข้อมูลบ่ายวันนี้ กรณีปัญหาผลกระทบประชาชน จากการระงับธุรกรรมเส้นทางเงินเพื่อจำกัดความเสียหายจากบัญชีม้า ด้านนักวิเคราะห์ เปรียบเทียบปัญหาไทย-จีน หวังรัฐบาลใหม่เอาจริง ธปท.แจ้งว่า บ่ายวันนี้ เวลา 13.00-14.30 น. ธปท.จะมีการชี้แจงรายละเอียดการระงับธุรกรรมในเส้นทางเงินเพื่อจำกัดความเสียหายจากบัญชีม้าให้แก่สื่อมวลชน ณ ห้องแถลงข่าว อาคาร 2 ธปท. โดยนางดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการสายกำกับระบบการชำระเงินและคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน นางสาวอรมนต์ จันทพันธ์ ผู้อำนวยการ ธปท. และนายสุปรีชา ลิมปิกาญจนโกวิท ผู้แทนจากสมาคมธนาคารไทย ร่วมกันให้ข้อมูล การชี้แจงดังกล่าว ก็เป็นเรื่องต่อเนื่องจากวานนี้ที่มีการประชุมร่วมกันของหน่วยงานรัฐ-ธปท.-สมาคมธนาคารไทย เพื่อร่วมปลดล็อกปัญหา ปรับแนวทางการอายัดบัญชีและกระบวนการปลดอายัด เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนสุจริต หลังจากมีประชาชนจำนวนมากได้รับผลกระทบจากการระงับบัญชีธนาคารชั่วคราว ซึ่งเป็นมาตรการในการตรวจสอบและปิดกั้นบัญชีม้าของมิจฉาชีพ เพื่อติดตามเส้นทางการเงิน และนำเงินจากการก่ออาชญากรรมออนไลน์ของมิจฉาชีพกลับคืนมาให้กับผู้เสียหาย เป็นกลไกตามพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 ตามมาตรา 6 และมาตรา 7 ตามขั้นตอน ทางธนาคารมีหน้าที่ในการระงับการทำธุรกรรมทางการเงินเป็นการชั่วคราว […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย