ทำเนียบรัฐบาล 7 เม.ย.- “จิรายุ”ขอ “พี่เท้ง” ผู้นำฝ่ายค้าน “เบาได้เบา” หลังขย่มนายกฯ บอกไม่ตั้ง คกก.แก้ภาษีทรัมป์อีกแล้ว ย้ำชัดๆ ไม่รู้กี่รอบ ตั้ง คกก. มาตั้งแต่ 6 ม.ค. ทำงานสรุปข้อมูลทุกสัปดาห์ครบสมบูรณ์พร้อมรายงานที่ประชุมบ่ายโมง พรุ่งนี้แล้ว แนะค้านบางเรื่องก็ไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรณีที่ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ออกมาย้ำคิดย้ำทำบอกให้นายกรัฐมนตรีเร่งตั้งคณะทำงานพิเศษ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อรับมือกรณีสหรัฐอเมริกาประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยในอัตราสูงนั้น
ขอยืนยันอีกครั้งว่า รัฐบาลภายใต้การนำของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามมาตรการด้านการค้ากับสหรัฐอเมริกามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ก่อนการรับตำแหน่งของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ เสียด้วยซ้ำ
นายกรัฐมนตรี ได้คาดคะเนล่วงหน้าไว้แล้วว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ จึงได้ลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานนโยบายการค้าสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่เมื่อ 3 เดือนที่แล้ว ในวันที่ 6 มกราคม 2568 ก่อนที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ และประชุมหารือกันทุกสัปดาห์มาตั้งแต่เดือนมกราคมแล้ว
“รัฐบาลเล็งเห็นถึงความสำคัญในเรื่องดังกล่าว และได้วางมาตรการรองรับในการเยียวยา และบรรเทาผลกระทบที่อาจมีต่อผู้ประกอบการส่งออกของไทยที่มีตลาดสหรัฐฯ เป็นตลาดหลัก ซึ่งนายกรัฐมนตรียังติดตามผลการประชุม อย่างต่อเนื่องมาตลอดกว่า 4 เดือน และในวันพรุ่งนี้ อังคารที่ 8 เมษายน นี้ เวลา 13.00 น. ณ ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายกรัฐมนตรีได้เรียกประชุมคณะกรรมการติดตามการดำเนินงาน เกี่ยวกับมาตรการการค้าสหรัฐอเมริกา โดยมีรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องและหัวหน้าส่วนราชการทั้งหมด เข้าร่วมประชุม
ขอย้ำว่า รัฐบาลได้เตรียมความพร้อม เพื่อปรับดุลการค้าให้เกิดความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย โดยจะส่งผลกระทบต่อภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้น้อยที่สุด
และขอวิงวอนให้ผู้นำฝ่ายค้าน “เบาได้เบา” เพราะรัฐบาลไม่เคยล่าช้า ทำงานมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ตนเชื่อว่าผู้นำฝ่ายค้านรู้ว่า รัฐบาลทำงานมาตั้งแต่ต้นปี แต่ออกมาให้ข่าวเหมือนแกล้งไม่รู้ และไม่ใช่เพิ่งมาตั้งคณะทำงานหรือวอร์รูมเมื่อวานนี้แต่อย่างใด จึงขอนำเรียนว่า คณะทำงานและรัฐบาลได้วิเคราะห์และวางแผนการเจรจาในห้วงเวลาที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยมากที่สุดอยู่แล้ว เพราะการเจรจาก่อนก็ไม่ได้หมายความว่าจะดีเสมอไป ดูได้จากหลายประเทศที่ไม่ประสบผลสำเร็จ กลับถูกขึ้นกำแพงภาษี มากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ นายจิรายุ กล่าว.-312-สำนักข่าวไทย