บช.สอท. 10 ม.ค. – ตำรวจไซเบอร์รวบสาวแสบ หลอกพรีออเดอร์ตุ๊กตาออนไลน์ โอนแล้วบล็อกหนี พบเหยื่อแล้วกว่า 39 ราย
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ตำรวจไซเบอร์ พร้อมด้วย พล.ต.ต.นิพล บุญเกิด ผบก.สอท.2 และตำรวจ บก.สอท.2 ร่วมกันแถลงผลการจับกุม น.ส.วนิดา อายุ 23 ปี ในความผิดฐาน ฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน โดยจับกุมได้ย่านรามคำแหง เมื่อวันที่ 9 มกราคมที่ผ่านมา
สืบเนื่องจาก ผบช.สอท. ได้มีนโยบายให้จัดสายตรวจไซเบอร์ คอยตรวจสอบอาชญากรรมที่เกิดขึ้นผ่านโซเซียลมีเดียและแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ กระทั่งตำรวจได้ตรวจสอบพบว่า ได้มีมิจฉาชีพเปิดบัญชี X (Twitter) ชื่อบัญชี “butterbbgirl” ได้หลอกลวงผู้เสียหายให้สั่งซื้อสินค้าประเภทตุ๊กตาเกาหลีแบบพรีออเดอร์ แต่หลังจากที่ผู้เสียหายโอนเงินแล้ว กลับไม่สามารถติดต่อผู้ขายได้อีกเลย และไม่ได้รับสินค้าที่โอนเงินสั่งซื้อไป ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.2 ได้สืบสวนจนพบข้อมูลว่า ตั้งแต่ช่วง ส.ค.-พ.ย.67 บัญชีธนาคารที่คนร้ายใช้ มีการแจ้งความออนไลน์แล้วจำนวน 39 คดี มีผู้เสียหาย 39 ราย มูลค่าความเสียหายรวม 56,100 บาท จึงทำการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเรื่อยมา จนนำไปสู่ การออกหมายจับผู้ต้องหาได้ในที่สุด
จากการตรวจสอบบัญชีธนาคารของผู้ต้องหาตั้งแต่ช่วง ก.ค.-พ.ย.67 พบเงินหมุนเวียนกว่า 320,000 บาท เจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่ายังมีผู้สมรู้ร่วมคิดในขบวนดังกล่าวเพิ่มเติมอีก โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการ สืบสวนขยายผลเพื่อนำตัวผู้เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีตามกฎหมายเพิ่มเติมต่อไป
พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า การหลอกลวงขายสินค้าโดยผู้ขายที่ไม่ได้คุณภาพ โดยที่ไม่ได้เป็นแพลตฟอร์มหรือร้านค้าที่ได้มาตรฐาน รวมถึงระบบการสั่งซื้อสินค้า เมื่อสั่งซื้อไปแล้วคิดว่าจะได้สินค้าราคาถูกแต่กลับกลายเป็นกลุ่มมิจฉาชีพ จึงอยากฝากเตือนประชาชนว่ายังมีมิจฉาชีพที่กระทำแบบนี้อีกจำนวนมาก สถิติคดีจึงเป็นอันดับหนึ่งในห้วงเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมาโดยพบว่าทุกเดือนอาชญากรรมออนไลน์อันดับหนึ่ง คือการหลอกลวงขายสินค้าและบริการ โดยเดือนธันวาคม 2567 คดีหลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการมีจำนวน 18,344 คดี มูลค่าความเสียหาย 168,445,350 บาท
ผบช.สอท. กล่าวว่า คดีที่มีการจับกุมได้ในครั้งนี้แม้จะมีความเสียหายเพียงเล็กน้อย แต่ยังเป็นช่องทางที่มิจฉาชีพใช้ในการหลอกลวงผู้เสียหายโดยเฉพาะเคสนี้ผู้เสียหายยังเป็นเด็กและเยาวชน จึงขอโอนคดีมาให้ตำรวจไซเบอร์เป็นผู้ดำเนินการเอง เพื่อออกหมายจับและสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ หลังจากนี้จะขยายผลไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องตามคำให้การซัดทอดของผู้ต้องหารายนี้ ซึ่งเป็นเพื่อนที่ร่วมขบวนการ โดยนำภาพถ่ายสินค้าที่อยู่ในความนิยมในขณะนั้นมาโพสต์ขายหลอกลวงก่อนปิดเพจหนี.-419- สำนักข่าวไทย