ย่างกุ้ง 21 ธ.ค. – องค์การนิรโทษกรรมสากล หรือ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล (Amnesty International) กล่าววันนี้ว่า กองทัพเมียนมาดูเหมือนว่าจะกระทำความผิดด้วยการลงมือโจมตีแบบไม่เลือกหน้าต่อพลเรือนและใช้ระเบิดลูกปราย ซึ่งเป็นอาวุธต้องห้ามในปฎิบัติการตอบโต้กลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธ พร้อมกับเรียกร้องให้มีการสอบสวนว่าเป็นการก่ออาญกรรมสงครามหรือไม่
กองทัพเมียนมากำลังเผชิญกับศึกหลายด้านจากการโจมตีกองกำลังพันธมิตรกลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธที่โจมตีที่มั่นของทหารในรัฐฉานที่ติดกับชายแดนจีนและในรัฐยะไข่ทางตะวันตกของประเทศ องค์การนิรโทษกรรมสากลกล่าวในแถลงการณ์ว่า การโจมตีทางอากาศในรัฐฉานเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา กองทัพเมียนมาใช้ระเบิดที่น่าจะเป็นระเบิดลูกปราย กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติตะอาง (Ta’ang National Liberation Army) ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มฃาติพันธุ์ 3 กลุ่มที่รวมตัวกันเป็นกองกำลังพันธมิตรภราดรภาพ (Brotherhood Alliance) กล่าวว่า การโจมตีทางอากาศของกองทัพเมียนมาทำให้มีขาวบ้านเสียชีวิต 1 รายและบาดเจ็บอีก 3 ราย
นอกจากนั้น องค์การนิรโทษกรรมสากลกล่าวว่า จากการสัมภาษณ์พลเรือน 10 คน ได้ให้ข้อมูลว่า พลเรือนในเมืองแห่งหนึ่งในรัฐยะไข่ ถูกปล้นทรัพย์สิน จับกุมโดยพลการ ได้รับการปฎิบัติอย่างไร้มนุษยธรรมและกระทำทารุณกรรม กองทัพเมียนมายังเริ่มกลับมาโจมตีแบบไม่เลือกหน้าที่ส่งผลกระทบต่อพลเรือนและยังตอบโต้ด้วยความโหดร้ายไปยังกลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธ
ในขณะเดียวกัน กลุ่มสิทธิมนุษยชน ฮิวแมนไรท์ วอทช์ ที่มีสำนักงานใหญ่ในนครนิวยอร์ค ของสหรัฐ (Human Rights Watch) กล่าวหาว่า กองทัพโกก้าง (Myanmar National Democratic Alliance Army) หนึ่งในกองกำลังพันธิตรของกลุ่มชาติพันธุ์ได้ลักภาตัวและบังคับพลเรือนที่หลบหนีให้มาเป็นกองกำลังรบ ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างสงคราม เนื่องจากพลเรือนมีสิทธิ์แสวงหาสถานที่ปลอดภัยจากการสู้รบ โดยไม่ต้องเกรงว่าจะถูกบังคับให้ไปรบ.-813.-สำนักข่าวไทย