กรุงเทพฯ 17 ก.ค.- อธิบดีกรมอุทยานฯ เผยเหตุพบกระทิงตาบอดในหลายพื้นที่ เกิดจากติดเชื้อแบคทีเรีย โดยมี “แมลงวันตา” เป็นพาหะ ซ้ำแมลงชนิดนี้ยังดูดกินน้ำเลี้ยงจากลูกนัยน์ตา อาการอักเสบลุกลามจากตาข้างหนึ่งไปอีกข้างหนึ่ง จนกระทั่งตาบอดถาวร ย้ำไม่ได้เกิดจากโดนฉี่หมาในตามที่เป็นข่าว สั่งสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า ร่วมกับสำนักวิจัยการอนุรักษ์ป่าไม้และพันธุ์พืช ตรวจสอบเพิ่มเพื่อเร่งหามาตรการรับมือ
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชกล่าวถึงการพบกระทิงตาบอดในหลายพื้นที่ว่า เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย โดยมีแมลงวันตา หรือ อาย ฟลาย (eye fly) เป็นพาหะ ยืนยันว่า ไม่ใช่เกิดจากโดนฉี่หมาในตามที่สำนักข่าวบางแหล่งเสนอข่าวข้อสันนิษฐาน
สำหรับ “แมลงวันตา” หรือ อาย ฟลาย (eye fly) ที่เป็นพาหะ พบแพร่กระจายทั่วไปและระบาดมากในบางพื้นที่ โดยชนิดที่พบในประเทศไทยคือ ไซปันคูลินา ฟูนิโคลา (siphunculina funicola) ซึ่งจะมารุมดูดกินน้ำเลี้ยงจากลูกนัยน์ตา ทำให้ตาแดง เคืองตา น้ำตาไหล เจ็บตา มีขี้ตามาก ส่วนเชื้อแบคทีเรียก่อโรคที่ติดมากับแมลงเช่น เอนเทอโรค็อกคัส สูโดโมนาส สแต็ปโตค็อกคัส สแต็ปฟิโลค็อกคัส เป็นต้น เป็นสาเหตุทำให้ต่อมน้ำเหลืองหลังหูเจ็บและบวม อาการอักเสบส่วนใหญ่เกิดที่ตาข้างใดข้างหนึ่งก่อนและติดเชื้อลามไปอีกข้างหนึ่ง ทำให้เกิดตาบอดถาวรทั้งสองข้าง
ทั้งนี้การติดเชื้อที่มาจากแมลงวันตานี้เกิดขึ้นได้ในกระทิงทุกเพศ ทุกช่วงอายุ โดยอาจมีปัจจัยความแข็งแรงทางร่างกายและพันธุกรรมเป็นตัวเสริม และยังดูดเลือดและน้ำเหลืองจากบาดแผล ทำให้แผลหายช้า รักษาไม่หายขาด เกิดเป็นแผลเรื้อรังจากการนำเชื้อโรคต่างๆมาสู่แผล นำมาสู่การติดเชื้อในกระแสเลือดและเสียชีวิตได้ และบริเวณที่มีเนื้อเยื่ออ่อนๆ เช่น จมูก อวัยวะเพศ จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้กระทิงตาบอด
สำหรับแมลงวันตาสามารถเพิ่มจำนวนได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะช่วงหน้าแล้ง ฝนทิ้งช่วง และยังนำเชื้อแบคทีเรียหลากหลายชนิดอีกด้วย จากการศึกษาเมื่อปี พ.ศ. 2552 โดยดร. อุรุญากร จันทร์แสง อดีตผู้ทรงคุณวุฒิ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ศึกษาวิจัย พบแบคทีเรียทั้งหมด 64 ชนิด ซึ่ง 36 ชนิดเป็นแบคทีเรียชนิดที่มีความเสี่ยงในการก่อโรคในระดับที่ 2 ตามประกาศของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งแบ่งระดับของแบคทีเรียก่อโรคตามความเสี่ยงออกเป็น 4 ระดับ โดยระดับ 4 เป็นระดับที่เสี่ยงสูงสุดและลดลงมาตามลำดับ แบคทีเรียที่พบในแมลงชนิดนี้อยู่ในระดับที่ 2 เช่น เอนเทอโรค็อกคัส สูโดโมนาส สแต็ปโตค็อกคัส สแต็ปฟิโลค็อกคัส เป็นต้นดังกล่าว แต่ปัจจุบันด้วยสภาพปัจจัยเรื่องภาวะโลกร้อน หรือ Climate change จึงยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่า พบเชื้อแบคทีเรียเพิ่มมากขึ้นหรือพบไวรัสชนิดใหม่ๆ ด้วยหรือไม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม
สำหรับความกังวลว่า สัตว์ป่าอื่นๆ จะมีความเสี่ยงติดเชื้อดังกล่าวหรือไม่นั้น จากข้อมูลที่มีการสังเกตและติดตาม พบว่า สรีระร่างกายและพฤติกรรมของสัตว์แต่ละชนิดมีกลไกป้องกันเช่น ช้างป่า มีใบหูขนาดใหญ่ สามารถพัดลมไล่แมลงได้ รวมถึงมีงวงที่เป็นจมูกยาวเป่าลมไล่แมลงที่ตาได้ ส่วน เก้ง กวางนั้น แม้จะมีหูขนาดใหญ่พอที่จะสะบัดลมหรือส่ายหัวไล่แมลงได้เหมือนกันกับวัวและควาย แต่หากเป็นกรณีที่ถูกแมลงรุมจำนวนมากๆ อาจจะพบปัญหาการไล่แมลงออกไปได้ยาก ซึ่งต้องอาศัยนกที่กินแมลงเข้ามาช่วยกำจัด ทั้งนี้ได้มอบหมายให้สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่าและสำนักวิจัยการอนุรักษ์ป่าไม้และพันธุ์พืช ร่วมกันศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อกำหนดมาตรการรับมือต่อไป
นายสัตวแพทย์ภัทรพล มณีอ่อน หัวหน้ากลุ่มงานจัดการสุขภาพสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่ากล่าวว่า สัตวแพทย์ได้ร่วมกับนักวิจัยออกเก็บข้อมูลมาระยะหนึ่งแล้ว โดยเก็บตัวอย่างแมลงวัน แล้วนำมาตรวจสอบหาเชื้อก่อโรค ซึ่งพบเชื้อโรคหลายชนิดตามงานวิจัยของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ทั้งนี้ได้เก็บข้อมูลทั้งในพื้นที่ป่าอนุรักษ์และพื้นที่รอบผืนป่าพบว่า วัวควายของชาวบ้านที่อยู่รอบผืนป่ามีภาวะตาบอดด้วย แต่พบไม่ชุกเท่าในพื้นที่ป่าจากการจัดทำระบบป้องกันสถานที่เลี้ยง
ขณะนี้เตรียมออกมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน และรับมือไปยังอุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าต่างๆ โดยเบื้องต้นจะให้เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์และขอความร่วมมือชุมชนรอบผืนป่าอนุรักษ์ให้กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ของแมลงวันตาซึ่งจะลดความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะติดเชื้อของกระทิงได้ รวมทั้งจะช่วยลดผลกระทบจากการที่กระทิงตาบอดออกมานอกผืนป่าได้อีกด้วย.- สำนักข่าว