ตร.เผย “เอก สวนผัก” อาจเข้าข่ายปล่อยเงินกู้นอกระบบ

กรุงเทพฯ 1 ส.ค. – รอง ผบช.น. เผยพฤติกรรม “เอก สวนผัก” อาจเข้าข่ายปล่อยเงินกู้นอกระบบ พร้อมสั่งเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่


พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางมาที่ สน.ตลิ่งชัน หลังปรากฏเป็นข่าวว่ามีผู้เสียหายเป็นพีอาร์สาว 3 คน เข้าแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีนายเอกพล อายุ 35 ปี หลังถูกจ้างให้ไปทำงานเอนเตอร์เทนชงเหล้าที่บ้านพักของนายเอกพล ย่านถนนสวนผักซอย 19 แล้วถูกข่มขู่คุกคาม ตามไปเอาปืนจ่อทำร้าย และตามไปข่มขู่ถึงสถานที่ทำงาน เหตุเพราะผู้เสียหายไม่ยอมเอนเตอร์เทนบุตรชายวัย 17 ปี ของนายเอกพล โดยมีข้อมูลจากผู้เสียหายว่า ตัวนายเอกพล มีอาชีพปล่อยเงินกู้ และมีตำรวจในเครื่องแบบเข้าร่วมงานเลี้ยงดังกล่าว

พล.ต.ต.นิธิธร ระบุว่าตนเองในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปราบหนี้นอกระบบ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่มีหน้าที่ในการตรวจสอบกลุ่มปล่อยเงินกู้รวมถึงผู้มีอิทธิพล หลังได้ทราบข้อมูลในวันนี้จึงเดินทางพร้อมเรียกทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกองกำกับการสืบสวนนครบาลและ สน.ท้องที่เข้ามาร่วมประชุมเพื่อตรวจสอบพฤติกรรมของตัวผู้ต้องหารายนี้ว่าเข้าข่ายหรือมีข้อมูลที่ยืนยันได้หรือไม่ว่าเป็นผู้ที่มีอาชีพเกี่ยวกับการปล่อยเงินกู้นอกระบบ และหากพบว่าเข้าข่ายก็ต้องตรวจสอบว่าทางตำรวจนครบาล 7 มีการรวบรวมข้อมูลไว้หรือไม่


โดยจากการตรวจสอบเบื้องต้น กรณีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับเงินกู้นอกระบบของทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลมีทั้งสิ้น 18 คดี ซึ่งขณะนี้มีการทำคดีไปแล้วประมาณ 9 คดี ยังเหลืออยู่ระหว่างการดำเนินคดีอีก 9 คดี ยังไม่พบว่าในจำนวนที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้รับการร้องเรียนมามีความเกี่ยวข้องกับตัวผู้ต้องหารายนี้ ซึ่งตนเองได้มอบหมายสั่งการให้มีการขยายผลตรวจค้นบ้านพักรวมถึงตรวจสอบสื่อโซเชียลมีเดียของตัวผู้ต้องหาอีกครั้งว่ามีพฤติกรรมในการเกี่ยวข้องกับเรื่องปล่อยเงินกู้นอกระบบ และผู้มีอิทธิพลหรือไม่

ขณะที่หลังการเข้าร่วมประชุมแล้วพบว่าพฤติกรรมของผู้ต้องหารายนี้ถือว่าไม่ธรรมดา โดยอาจเข้าข่ายเกี่ยวข้องกับขบวนการเงินกู้นอกระบบเนื่องจากพบว่าเมื่อปี 2563 เคยถูกจับกุมในข้อหาบุกไปอุ้มผู้เสียหายรายหนึ่ง ซึ่งในคดีดังกล่าวผู้ต้องหาถูกตัดสินจำคุก 2 ปี แต่ทราบว่าได้รับการจำคุกประมาณ 1 ปี และเพิ่งพ้นโทษมาเมื่อช่วงต้นปี 2565 ที่ผ่านมา จึงได้สั่งการให้ขยายผลตรวจสอบในพฤติกรรมทุกด้านที่เกี่ยวข้อง

ส่วนกรณีที่มีข้อมูลว่ามีกลุ่มตำรวจในและนอกเครื่องแบบ ไปร่วมงานเลี้ยงดังกล่าวเป็นส่วนงานที่ทางกองบังคับการตำรวจนครบาล 7 จะต้องดำเนินการตรวจสอบ ซึ่งหากพบว่าผู้ต้องหามีพฤติการณ์เกี่ยวกับการปล่อยเงินกู้นอกระบบก็ต้องเรียกกลุ่มตำรวจคนดังกล่าวมาสอบถามว่าเหตุใดจึงเข้าไปร่วมงานและรู้เห็นหรือทราบข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องการปล่อยเงินกู้หรือไม่ รวมถึงต้องตรวจสอบ กลุ่มนายตำรวจกลุ่มนี้ว่าเข้าข่าย การสนับสนุนการกระทำใดของผู้ต้องหาหรือไม่. -สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง