ตำรวจ PCT ประสานกัมพูชา ส่งตัวแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 94 คน

สระแก้ว 29 ก.ค. – ตำรวจ PCT ประสานกัมพูชา ส่งตัวผู้ต้องหาคอลเซ็นเตอร์ 94 คน มาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในไทย หลังหลอกเหยื่อคนไทยโอนเงิน หลากหลายรูปแบบ


ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) PCT ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจประเทศกัมพูชา ฝังตัวเพื่อเฝ้าดูพฤติกรรมคนร้ายและประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกัมพูชาเป็นเวลาหลายเดือน ร่วมกันสืบสวนจนกระทั่งได้พยานหลักฐานสามารถขออนุมัติหมายจับศาลและได้ทราบสถานที่ตั้งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 4 แห่ง ในประเทศกัมพูชา ซึ่งมีการวางแผนเพื่อปฏิบัติการร่วมกัน และสนธิกำลังตำรวจเปิดปฏิบัติการทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในจังหวัดพระสีหนุ และจังหวัดปอยเปต ประเทศกัมพูชา

วันที่ 26 กรกฎาคม 2565 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. /ผอ.ศปอส.ตร (PCT) มอบหมาย พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.ภ.8 /หน.ชุดปฏิบัติการ PCT ชุดที่ 1 พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2/หน.ชุดปฏิบัติการ PCT ชุดที่ 5 พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปอส.ตร. (PCT) ชุดที่ 1 และ 5 ร่วมกับ สตม. บช.ภ.2 รับตัวคนไทยส่งกลับจากประเทศกัมพูชา โดยจากการเปิดปฏิบัติการดังกล่าว จำนวน 94 ราย และมีการออกหมายจับ จำนวน 79 ราย มีรูปแบบวิธีการกระทำความผิดต่างกันเพื่อเป็นประโยชน์ในการรู้เท่าทันคนร้าย ดังนี้


จุดที่ 1 โรงแรมแห่งหนึ่ง ถ.สองธนู เมืองพระสีหนุ กัมพูชา จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 21 คน โดยมีแผนประทุษกรรมหลอกให้หลงและหลอกให้รักในแอปพลิเคชัน โดยปลอมตัวตนผ่านสื่อสังคมออนไลน์ แล้วหาคู่ พูดคุยให้หลงรัก จากนั้นจะเริ่มหลอกลวงให้ร่วมลงทุนใน MetaTrader 5 (ฟอเร็กซ์) โดยจะให้ทำการเทรด การวิเคราะห์ทางเทคนิค ตามคำแนะนำ และชักนำให้ลงทุนกับโบรกเกอร์ปลอม และหลอกเอาเงินผู้เสียหายไป

จุดที่ 2 อาคาร 5 ชั้น ทางเข้าเป็นประตูสีแดง ถนน 104 เมืองพระสีหนุ ประเทศกัมพูชา จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 18 คน โดยมีแผนประทุษกรรม คือฝ่ายคุมระบบหรือฝ่าย IT ซึ่งมีชื่อเรียกว่า “หลังบ้าน” จะใช้ระบบคอมพิวเตอร์อัตโนมัติ (AI) เป็นเบอร์โทรต้นทางโทรผ่านระบบ VOIP ไปยังเหยื่อเป็นคนไทย หากมีการรับสายจะเป็นระบบอัตโนมัติ แจ้งข้อมูลมีพัสดุผิดกฎหมายให้ผู้เสียหายกด “9” เพื่อติดต่อพนักงาน จากนั้นจะมีการโอนสายโทรศัพท์ให้ผู้เสียหายคุยกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สาย 1 โดย สาย 1 จะหลอกลวงเป็นพนักงานไปรษณีย์ ได้ทำการตรวจสอบพัสดุพบสิ่งผิดกฎหมาย โดยหน้าที่หลักของสาย 1 นั้นไม่เพียงแต่เริ่มหลอกลวงผู้เสียหายเพียงอย่างเดียว แต่จะหลอกเอาข้อมูลจากผู้เสียหายมาด้วย จากนั้นเมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อการหลอกลวงจากสาย 1 แล้วจะมีการโอนสายให้ผู้เสียหายคุยกับ สาย 2 ซึ่งปลอมเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก “สภ.แหลมฉบัง” พูดจาข่มขู่ยัดคดีให้ผู้เสียหายเกิดความกลัว โดยอ้างว่าจากการตรวจสอบข้อมูลของผู้เสียหายมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงิน และหลอกให้ผู้เสียหายแสดงความบริสุทธิ์ โอนเงินที่มีเพื่อทำการตรวจสอบภายใน แต่หากผู้เสียหายยังไม่ทำการโอน จะโอนสายต่อไปยังสายที่ 3 ซึ่งเป็นลักษณะตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งเป็น “ผู้กำกับการ สภ.แหลมฉบัง” มาข่มขู่เพื่อยัดคดีและข้อหาต่างๆ เพื่อให้เหยื่อเกิดความกลัวขึ้นไปอีก โดยสาย 2 และ สาย 3 จะมุ่งเน้นการหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงิน โดยตลอดการคุยกับพนักงานสาย 1 , 2 , 3 หากผู้เสียหายรายใดเริ่มหลงกล ทีม “หลังบ้าน” จะคอยให้ข้อมูลกับพนักงานสาย 1 , 2 , 3 ที่พูดสายอยู่กับผู้เสียหาย ว่าข้อมูลของผู้เสียหายให้มานั้นตรงหรือไม่ และหากผู้เสียหายหลงให้ข้อมูลกับ สาย 1 , 2 , 3 ไปมากนั้น ทีมหลังบ้าน จะสามารถ “ดูดเงิน” ออกจากบัญชีของผู้เสียหายได้ โดยการดูดเงินนั้นคือการนำข้อมูลส่วนตัวของผู้เสียหายที่ได้ให้ไว้กับพนักงานสาย 1 , 2 , 3 ไปทำการโอนเงินเองโดยที่ผู้เสียหายไม่รู้ตัว

จุดที่ 3 อาคาร 8 ชั้น ถนน 702 เมืองพระสีหนุ ประเทศกัมพูชา จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 10 คน โดยมีแผนประทุษกรรม โดยจะอ้างว่าเป็นการปล่อยสินเชื่อ แต่หลอกลวง เอาค่าธรรมเนียมต่างๆ จากเหยื่อที่มากู้เงิน โดยกลุ่มคนร้ายกลุ่มนี้ได้หาเหยื่อจากการลงโฆษณาให้กู้เงินหรือสินเชื่อ ออนไลน์โดยมีการอ้างบริษัทหนึ่งในประเทศไทยที่มีความน่าเชื่อถือ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่เหยื่อ ตามสื่อสังคม ออนไลน์ Facebook หรือ google ทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าถึงข้อมูลเท็จเหล่านี้ง่าย โดยการระบบการหลอก สาย 1 จะทำหน้าที่เป็น พนักงานพูดหลอกลวงเหยื่อชักชวนให้กู้เงินออนไลน์ สาย 2 หรือ “กลุ่มเชือด” ทำหน้าที่แจ้งเหยื่อว่าต้องชำระค่า ประกันเงินกู้ ค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายอื่นๆ จึงจะสามารถกู้ยืมเงินกับทางบริษัทฯ ได้และเมื่อเหยื่อหลงเชื่อโอน เงินเข้ามาก็ไม่ได้มีการให้กู้ยืมเงินแต่อย่างใด


จุดที่ 4 ตึกสามชั้น ใกล้ชายแดนไทย-กัมพูชา ตำบลปอยเปต อำเภออูร์ชเรา จังหวัดบันทายมีชัย ประเทศกัมพูชา จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 25 คน โดยมีแผนประทุษกรรม คือพนักงานสาย 1 โทรศัพท์หาผู้เสียหายและหลอกลวงเป็นพนักงานจากบริษัทขนส่งพัสดุ ได้ทำการตรวจสอบพัสดุพบสิ่งผิดกฎหมาย และมีอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ กสทช. ด้วย โดยจะมีการสอบถามข้อมูลต่างๆของผู้เสียหาย ซึ่งจะอ้างว่าเบอร์โทรศัพท์ของผู้เสียหายถูกร้องเรียนจากการกระทำความผิด โดยทั้งสองรูปแบบจะอยู่หมวดของ สาย 1 โดยหน้าที่หลักของสาย 1 นั้นไม่เพียงแต่เริ่มหลอกลวงผู้เสียหายเพียงอย่างเดียว แต่จะหลอกเอาข้อมูลจากผู้เสียหายมาด้วย จากนั้นเมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อการหลอกลวงจากสาย 1 แล้วจะโอนสายให้ผู้เสียหายคุยกับ สาย 2 ซึ่งปลอมเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก “สภ.เมืองภูเก็ต” พูดจาข่มขู่ยัดคดีให้ผู้เสียหายเกิดความกลัว โดยอ้างว่าจากการตรวจสอบข้อมูลของผู้เสียหายมีการรั่วไหลและมีข้อมูลว่าผู้เสียหายมีหารขายบัญชีไปให้กับ “นายสมศักดิ์” ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงิน และอ้างว่าจะต้องให้ผู้เสียหายส่งเงินเข้ามาตรวจสอบที่ บัญชีของฝ่ายตรวจสอบป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน แต่หากผู้เสียหายยังไม่ทำการโอน จะโอนสายต่อไปยังสายที่ 3 ซึ่งเป็นลักษณะตำรวจชั้นผู้ใหญ่ มาข่มขู่เพื่อยัดคดีและข้อหาต่างๆ เพื่อให้เหยื่อเกิดความกลัวขึ้นไปอีก และมักเชือดด้วยการพูดหว่านล้อมว่า สามารถเคลียร์คดีให้กับผู้เสียหายได้ โดยสาย 2 และ สาย 3 จะมุ่งเน้นการหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินเป็นหลัก

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. /ผอ.ศปอส.ตร (PCT) ได้สั่งการให้ ศปอส.ตร. (PCT) รอรับตัวและซักถามปากคำผู้ต้องหาทั้งหมด และจากการขยายผลการจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 94 รายนี้ ทำให้ทราบบุคคลที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้ง 4 แก๊งอีกหลายราย รวมไปถึง “หัวหน้าแก๊งชาวไต้หวัน” ซึ่ง ศปอส.ตร. (PCT) จะขยายผลโดยเพื่อดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทั้งขบวนการ ซึ่งหลังจากเสร็จสิ้นการขยายผล ได้มีพนักงานสอบสวนพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีท้องที่ที่ออกหมายจับผู้ต้องหา มาเพื่อรับตัวผู้ต้องหาตามหมายจับไปดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป ได้แก่ สน.บางเขน 22 ราย สภ.เมืองอุดร 4 ราย สน.พหลโยธิน 18 ราย สภ.เมืองจันทบุรี 10 ราย และ สภ.ท่าใหม่ 25 ราย .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.ตร.รับทราบเหตุปะทะเดือดสงขลา ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ

รัฐสภา 11 ก.ย.- “บิ๊กต่าย” พยักหน้ารับทราบ เหตุปะทะเดือด เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ พื้นที่ จ.สงขลา ระบุขอเข้าประชุมก่อน พลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาประชุมร่วมกับกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ที่อาคารรัฐสภา โดยผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า ได้รับรายงานเรื่องการปะทะเดือด เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ ที่บ้านห้วยเต่า สงขลา แล้วหรือไม่ โดยพลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พยักหน้า แต่ไม่ได้ตอบคำถาม ระบุเพียงว่าขอเข้าประชุมก่อน -สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” ชี้เป้าตลก 3 พยางค์ ส่อโยงเส้นเงินวัดพระบาทน้ำพุ

รัฐสภา 11 ก.ย.- “บิ๊กเต่า” ชี้เป้าตลก 3 พยางค์โผล่วันจับ “ทิดอลงกต” ส่อโยงเส้นเงินวัดพระบาทน้ำพุ พบพิรุธ ยังไม่มารายงานตัว พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวถึงความคืบหน้าคดีทิดอลงกต วัดพระบาทน้ำพุ ที่มีการเปิดเผยออกมาว่า ตลกชื่อ 3 พยางค์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินวัดพระบาทน้ำพุด้วย ว่า มีตลกอีก 1 คนที่ยังเป็นเป้าหมายยังไม่ได้มาแสดงตัวและยังไม่ได้มาให้การ พนักงานสอบสวนจะเรียกมาเอง ซึ่งพบพิรุธเยอะว่าทำอะไรที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายหรือไม่เป็นไปตามวิธีการที่ทำในการเข้าไปช่วยเหลือ ทิดอลงกต ในการขนย้ายสิ่งของ ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญ และไม่เหมือนดาราท่านอื่น ที่เป็นการรับจ้างงาน แต่คนนี้น่าจะเป็นคนที่สนิทส่วนตัว เป็นคนที่เคยถูกดำเนินคดีอยู่ เมื่อถามว่าเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เลยใช่หรือไม่ พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ กล่าวว่าเป็นคนลึกลับซับซ้อน ซึ่งเป็นคนที่เคยโผล่ให้เห็นในวันที่ทิดอลงกตถูกจับ -สำนักข่าวไทย

พ.อ.นพ.ธวัชชัย เล่านาที จนท.สวนสัตว์ ลงจากรถ แล้วถูกสิงโตตะปบรุมขย้ำ

กทม. 10 ก.ย.-พ.อ.นพ.ธวัชชัย เล่านาที สิงโตตะปบเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ จากนั้นสิงโตอีก 5 ตัว รุมขย้ำ โดยที่เจ้าตัวไม่ได้ขัดขืนหรือร้องขอความช่วยเหลือ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตอาจารย์และแพทย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า หรือเป็นที่รู้จักในฐานะหมอที่มาช่วยเหลือในคดีการเสียชีวิตของแตงโม ซึ่งเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า วันนี้ตนมาเที่ยวสวนสัตว์ โดยได้ขับรถเข้าไปในโซนซาฟารี ขณะนั้นมีรถนักท่องเที่ยวหลายคันเข้าชม เมื่อมาถึงบริเวณโซนสิงโต ก็พบว่ามีรถของเจ้าหน้าที่รายหนึ่งซึ่งเป็นรถของสวนสัตว์จอดอยู่คันเดียว ตอนนั้นตนเองก็รู้สึกผิดสังเกต เพราะช่วงเวลาดังกล่าวไม่ใช่ช่วงเวลาให้อาหารสัตว์และเจ้าหน้าที่รายนี้อยู่คนเดียว ได้ลงมายืนข้างล่างของรถ ฝั่งคนขับ โดยเปิดประตูทิ้งไว้ แต่ไม่ได้ทำอะไร แค่ยืนเฉยๆ ลักษณะยืนหันหน้า เข้าหารถ หันหลังให้สัตว์ ซึ่งตนก็รู้สึกแปลกอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีต้นไม้บัง ตนก็เลยไม่เห็นว่าในมือถืออะไร จากนั้นประมาณ 3 นาที ก็มีสิงโตตัวหนึ่งค่อยๆ ย่องมาทางข้างหลังช้าๆ ก่อนจะตะครุบเข้าข้างหลังเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวทันที โดยที่เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวไม่ได้มีท่าที ขัดขืน ดิ้นรนต่อสู้ หรือร้องขอชีวิตแต่อย่างใด หลังจากนั้น สิงโตตัวอื่นๆ ก็ค่อยๆ เดินตามมารุมกัดตามที่ปรากฏในคลิป ตนเองไม่รู้จะต้องทำอย่างไร ทำได้เพียงแต่บีบแตรรถ เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวคันอื่น ที่ช่วยกันบีบแตร ผ่านไปประมาณ 10 […]

สิงโตสวนสัตว์เอกชน ลาก จนท.ไปรุมกัด สาหัส

กทม. 10 ก.ย.-สิงโตในสวนสัตว์เอกชน ทำร้ายเจ้าหน้าที่ ลากไปรุมกัด อาการสาหัส นักท่องเที่ยวบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้ พ.ต.อ.นิรุชพล โยธามาตย์ ผกก.สน.คันนายาว เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (10 ก.ย.68) ได้รับรายงานว่า เกิดเหตุสิงโตทำร้ายเจ้าหน้าที่ ภายในสวนสัตว์ของเอกชน จากการตรวจสอบพบว่า เจ้าหน้าที่ลงไปให้อาหาร โดยไม่ปฏิบัติตามกฎของบริษัท จึงทำให้ถูกสิงโตรุมทำร้าย เบื้องต้นอาการสาหัส นำตัวส่งโรงพยาบาล ประสานพนักงานสอบสวนเชิญตัวเจ้าหน้าที่ของสวนสัตว์มาสอบปากคำ และลงบันทึกประจำวัน โดยยังไม่มีญาติของเจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายมาแจ้งความแต่อย่างใด ทั้งนี้ ในคลิปเป็นเหตุการณ์ที่นักท่องเที่ยวบันทึกไว้ได้ บริเวณส่วนจัดแสดงสิงโต มีรั้วขนาดใหญ่เปิดให้รถเข้า-ออก เป็นพื้นที่เปิด ให้นักท่องเที่ยวขับรถเข้าไปด้านใน มีป้ายกำกับชัดเจนห้ามเปิดกระจกและห้ามลงจากรถ ด้านในจะมีรถของสวนสัตว์จอดดูแลความปลอดภัย และบางช่วงมีการจัดแสดงโชว์ให้อาหารสิงโตที่อยู่ด้านใน.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“พล.ท.บุญสิน” ยันยังไม่ดำเนินการโครงการอบรมโดรนเกษตร

กทม. 12 ก.ย.- “พล.ท.บุญสิน” แจงบริษัทเอกชนมามอบของ-ถ่ายรูป พร้อมเสนอโครงการอบรมโดรนเกษตร ยืนยันยังไม่ดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อวันที่ 12 ก.ย.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีที่มีบริษัทเอกชนเข้ามาถ่ายรูปร่วมกับแม่ทัพภาคที่ 2 โดยมีการนำโครงการ “อบรมการใช้อากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน ให้กับทหารเพื่อเป็นการเพิ่มทักษะ เพื่อใช้ในการเกษตร” วานนี้ (11 ก.ย.) ว่า บริษัทดังกล่าวได้เข้ามาพบเหมือนกับพี่น้องประชาชนและบริษัทต่างๆ ที่เข้ามาพบมอบของ เพียงแต่ว่าทางบริษัทนี้เข้ามานำเสนอโครงการโดรน ตนก็ไม่ได้พูดคุยอะไรมาก เพียงแต่รับฟังไว้ ประมาณ 10 นาที ทางคณะดังกล่าวก็ขอถ่ายภาพ ก่อนเดินทางกลับ “ผมยืนยันว่า ยังไม่ได้มีการดำเนินการทำอะไรเลย ยังไม่ผ่านการตรวจสอบให้รอบคอบ ยืนยันอีกครั้งยังไม่ได้ดำเนินการอะไรทั้งนั้น” พล.ท.บุญสิน กล่าว.-313.-สำนักข่าวไทย

“เฉลิมชัย” ไขก๊อกหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว

พรรคประชาธิปัตย์ 12 ก.ย.-“เฉลิมชัย” ไขก๊อกจากหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว ด้าน “ชัยชนะ” ยันไม่มีขัดแย้ง ในพรรครักกันดี ไม่มีแพแตก นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ยื่นหนังสือลาออกจากหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ว่า ตนก็เพิ่งทราบข่าว โดยไม่ได้มีการบอกกล่าวล่วงหน้ามาก่อน แต่ยืนยันว่าในพรรคไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งอะไร รักกันดี ทุกคนแต่การตัดสินใจลาออกครั้งนี้เป็นอย่างไรต้องไปถามนายเฉลิมชัยเอง แต่ยืนยันว่า หัวหน้าพรรคกรรมการบริหารพรรค ทุกคนมีความรักใคร่กันดี และตนเชื่อว่านายเฉลิมชัยก็เป็นคนหนึ่งที่รักพรรคประชาธิปัตย์ และทำงานให้กับพรรคมาโดยตลอด ซึ่งตนก็รู้สึกเสียดายและใจหายซึ่งที่ผ่านมานายเฉลิมชัย ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณหรือบอกอะไร สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ จะดำเนินการอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า ก็ต้องดำเนินการตามข้อบังคับพรรคและตามกฎหมาย โดยต้องเรียกประชุมวิสามัญ เพื่อนเลือก หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคใหม่เมื่อถามว่าบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องทำหน้าที่กันต่อไป ส่วนกรรมการบริหารพรรคก็มาเลือกคัดสรรกันใหม่ และหลังจากนี้ต้องรอดูว่าใครจะเข้ามาบริหารพรรค และกำหนดนโยบายทิศทางพรรคอย่างไร แต่ตนก็เป็นสมาชิกพรรคคนหนึ่งที่ยังยืนหยัด อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อถามว่าการที่นายเฉลิมชัย ลาออกตอนนี้ เป็นสัญญาณอะไรหรือไม่เนื่องจาก มีไทม์ไลน์ จะยุบสภา ภายใน สี่ เดือน จะไปสังกัดพรรคอื่นหรือไม่ ได้ชัยชนะกล่าวว่าอย่ามองเช่นนั้น เพราะตนเชื่อว่านายเฉลิมชัย […]

ผลักดัน “นางเขื่อน” พร้อมครอบครัว 7 คน กลับกัมพูชา

จันทบุรี 12 ก.ย. – ตม.ศรีสะเกษ ประสาน ตม.จันทบุรี ส่งตัว “นางเขื่อน” พร้อมครอบครัว รวม 7 คน กลับกัมพูชา หลังถูกกล่าวหาเป็นไส้ศึก และถูกชาวบ้านรวมตัวขับไล่ ทั้งยังพบอาศัยอยู่ในไทยอย่างผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดศรีสะเกษ นำตัวนางเขื่อน ชาวกัมพูชา และสมาชิกครอบครัว รวมทั้งหมด 7 คน เดินทางไปที่ด่านผ่านแดนถาวรบ้านแหลม จ.จันทบุรี โดยมีเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจันทบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รอรับตัวอยู่ก่อนแล้ว เพื่อผลักดันกลับประเทศกัมพูชา เนื่องจากที่ผ่านมา นางเขื่อน ถูกชาวบ้านในพื้นที่ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ รวมตัวกันขับไล่ หลังจากถูกกล่าวหาว่าเป็น “ไส้ศึก” คอยส่งข้อมูลเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของทหารไทยให้กับฝ่ายกัมพูชา และยังพบว่าทั้งหมดอาศัยอยู่ในประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย จึงดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายและระเบียบการต่างประเทศ เพื่อส่งตัวกลับภูมิลำเนา. – สำนักข่าวไทย

“ชัชชาติ” ยืนยันไม่ลาออกผู้ว่าฯ กทม. ก่อนครบวาระ

กรุงเทพฯ 12 ก.ย. – “ชัชชาติ” ยืนยันไม่ลาออกผู้ว่าฯ กทม. ก่อนครบวาระ งบปี 69 เน้นเส้นเลือดฝอยคู่เส้นเลือดใหญ่ สถานการณ์น้ำตอนนี้ เตรียมรับน้ำเหนือ-พายุ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมวิสามัญ สมัยแรก (ครั้งที่ 1) ประจำปีพุทธศักราช 2568 ณ ห้องประชุมสภากรุงเทพมหานคร อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ดินแดง ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า วันนี้เป็นการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 วาระที่สองและวาระที่สาม ซึ่งจะมีการพิจารณาเรื่องนี้อย่างเข้มข้น เนื่องจากกว่า 30 วันที่ผ่านมา น่าจะได้ข้อสรุปว่าจะเพิ่มหรือลดงบประมาณอย่างไร ในจุดไหนบ้าง โดยผ่านกระบวนการพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบที่สุด เพื่อประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องประชาชน สำหรับงบประมาณส่วนใหญ่ได้ตามที่ตั้งเสนอของบฯ ไว้ โดยจะเน้นงบประมาณลงพื้นที่เขตมากขึ้น เช่น การก่อสร้างและปรับปรุงถนน การก่อสร้างฝายถนน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายเส้นเลือดฝอย รวมถึงงบประมาณที่จะพัฒนาเส้นเลือดใหญ่ เช่น ก่อสร้างโรงพยาบาลแห่งใหม่ การติดตั้งเซ็นเซอร์วัดการสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวที่จะติดตั้งบนอาคารสูงของโรงพยาบาลแห่งใหม่ ก็ได้ตามที่เสนอของบประมาณไว้ […]