กทม. 2 มี.ค.- ตำรวจขอศาลอาญาออกหมายจับ 3 มือเผาทำลายทรัพย์สินราชการ หน้าเรือนจำคลองเปรมแล้ว
เวลา 14.30 น. พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุเผาทำลายทรัพย์สินของทางราชการ ที่หน้าเรือนจำคลองเปรม ถ.งามวงศ์วาน ว่า ขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างการนำพยานหลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดและวัตถุพยานต่างๆ ไปที่ศาลอาญา เพื่อขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ก่อเหตุทั้ง 3 คนแล้ว โดยหนึ่งในนั้นเป็นนักเคลื่อนทางการเมือง ทั้งนี้ หากได้หมายจับ ชุดสืบสวนจะไปนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คน มาดำเนินคดีตามขั้นตอนทันที โดยหากอยู่ในโรงพยาบาลก็จะไปอายัดตัวเช่นกัน ยืนยันว่า คดีดังกล่าวตำรวจมีพยานหลักฐานที่ชัดเจน ทั้งภาพจากกล้องวงจรปิดในช่วงก่อนเกิดเหตุ ขณะก่อเหตุ และหลังจากเกิดเหตุแล้ว รวมถึงเส้นทางที่หลบหนี
ส่วนความคืบหน้าการดำเนินคดีกับผู้ที่ก่อเหตุความรุนแรง บริเวณ ถ.วิภาวดีรังสิต และที่ สน.ดินแดง เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตำรวจอยู่ระหว่างการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด วัตถุพยานในที่เกิดเหตุ และสอบปากคำพยานแวดล้อมในที่เกิดเหตุทั้งหมด เพื่อพิสูจน์ทราบตัวบุคคลที่ก่อเหตุความรุนแรงทั้ง 2 จุด ขณะนี้พบว่ามีกลุ่มบุคคลที่อยู่ในข่ายต้องตรวจพิสูจน์ตัวบุคคลจำนวนหนึ่ง เชื่อว่าเป็นกลุ่มคนเดิมที่เคยชุมนุมมาแล้ว เพียงแต่เปลี่ยนชื่อกลุ่มเท่านั้น ทั้งนี้ หากสามารถระบุตัวตนได้อย่างชัดเจน พนักงานสอบสวนจะนำพยานหลักฐานทั้งหมดไปขอศาลออกหมายจับทันที และจะแจ้งข้อหา ทั้ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ และความผิดตามกฎหมายอาญา เรื่องการก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง ใช้อาวุธทำร้ายเจ้าพนักงาน คาดต้องใช้เวลาในการตรวจสอบระบุตัวบุคคลอีกสักระยะ
สำหรับเรื่องของแกนนำการชุมนุมในวันดังกล่าว ถึงแม้ผู้ชุมนุมจะอ้างว่าไม่มีแกนนำ แต่จากการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่พบว่า มีการนัดหมายปลุกระดมและสั่งการให้ผู้ชุมนุมเข้าร่วมการชุมนุม ปลุกเร้า ยุยงให้ก่อเหตุในลักษณะต่างๆ ซึ่งอาจเข้าข่ายลักษณะการเป็นแกนนำการชุมนุมได้ ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างการตรวจสอบพฤติการณ์ว่าเข้าข่ายความผิดใด และบุคคลเหล่านั้นมีใครบ้าง
ส่วนกรณีที่บางกลุ่มพยายามสร้างข่าวลวง หรือข่าวปลอม อ้างว่าตำรวจใช้แก๊สน้ำตา แต่ความเป็นจริง คือ กลุ่มผู้ชุมนุมใช้เครื่องพ่นควัน หลังจากนี้จะส่งเรื่องให้ตำรวจกองบังคับการปราบปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ดำเนินการต่อไป
เช่นเดียวกับกรณีที่มีชายยืนปัสสาวะบนตู้คอนเทนเนอร์ โดยด้านล่างเป็นเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน หากเปรียบเทียบกับประเทศอื่น เจ้าหน้าที่คงไม่อดทนอดกลั้นขนาดนี้ ต่อไปจะต้องมีการพิสูจน์ทราบว่าเป็นใคร ซึ่งเจ้าหน้าที่มีภาพชัดเจนแล้ว ชายคนดังกล่าวจะมีความผิดในข้อหาการดูถูกเยียดหยามเจ้าหน้าที่.-สำนักข่าวไทย