3 ก.ย. – ป.ป.ท. ร่วมกับ บก.ปปป. และ ป.ป.ช. จับกุมนายกเทศมนตรีแห่งหนึ่งใน จ.สกลนคร พร้อมพวก เรียกรับเงินจากพนักงานจ้างเหมาฯ เพื่อแลกกับการต่อสัญญาจ้าง
สำนักงาน ป.ป.ท. ภายใต้การอำนวยการของ นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. มอบหมายให้ พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. รักษาราชการแทน รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. นายจิรวัฒน์ สุภาพ ผอ.ปปท. เขต 4 พร้อมด้วยนายสวัสดิ์ นาสมฝัน นักสืบสวนสอบสวนชำนาญการพิเศษ และเจ้าหน้าที่ ปปท. เขต 4 ร่วมกับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. และสำนักงาน ป.ป.ช. บูรณาการบังคับใช้กฎหมายเข้าจับกุมนายกเทศมนตรีแห่งหนึ่งใน จ.สกลนคร และพลเรือน 1 ราย ข้อหาเรียกรับเงินจากพนักงานจ้างเหมาฯ เพื่อแลกกับการต่อสัญญาจ้าง
สืบเนื่องจาก ปปท.เขต 4 (ส่วนหน้า) ได้รับแจ้งจาก ผู้เสียหายที่เป็นพนักงานจ้างเหมาของเทศบาลตำบลฯ ว่านายกเทศมนตรี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามกฎหมาย มีพฤติกรรมเรียกรับเงินจากพนักงานจ้างเหมาฯ เพื่อแลกกับการต่อสัญญาจ้าง ซึ่งหากผู้ใดไม่จ่ายเงินจะไม่ทำการต่อสัญญาให้ โดยมีพฤติการณ์กล่าวคือ นายกเทศมนตรี ผู้ต้องหาที่ 1 ได้เรียกประชุมลูกจ้างเหมาบริการ จำนวนประมาณ 50-60 คน โดยมีการเก็บอุปกรณ์การสื่อสารทั้งหมด จากนั้นได้ประชุมบอกทุกคนว่าเทศบาลไม่มีงบประมาณเพียงพอในการจ้างลูกจ้าง จึงจะขอลดอัตราการจ้างลูกจ้างลง และแจ้งว่าถ้าใครต้องการที่จะต่อสัญญาจ้างให้เข้ามาพบตนเพื่อพูดคุยเป็นการส่วนตัว ต่อมากลุ่มผู้เสียหายที่เป็นพนักงานจ้างเหมาได้ขึ้นไปพบ ผู้ต้องหาที่ 1 ที่ห้องทำงานทีละคน เพื่อพูดคุยเรื่องการต่อสัญญาจ้าง จากนั้นผู้ต้องหาที่ 1 ได้แจ้งว่า ถ้าพนักงานลูกจ้างคนใดอยากต่อสัญญาทำงานต่อต้องจ่ายเงินค่าต่อสัญญาจ้างให้กับผู้ต้องหาที่ 1 คนละ 25,000 บาท ต่อมาผู้เสียหาย จึงได้เข้าร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่ ปปท. เขต 4 (ส่วนหน้า) หลังจากแจ้งข้อมูลให้ทราบแล้ว ผู้เสียหายได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ โดยในวันที่มีการจ่ายเงิน ผู้เสียหาย ได้เข้าไปพูดคุยเจราจากับ ผู้ต้องหาที่ 1 ที่ห้องทำงาน เพื่อขอแบ่งจ่ายเป็น 2 ครั้ง ๆ แรกขอจ่าย 15,000 บาท แต่ผู้ต้องหาที่ 1 ได้บอกให้ ผู้เสียหายนำเงินดังกล่าวไปจ่ายไว้กับผู้ต้องหาที่ 2 ที่ร้านค้าของผู้ต้องหาที่ 2 จากนั้นผู้เสียหายจึงเดินทางไปหา ผู้ต้องหาที่ 2 เมื่อไปถึงได้มอบเงินสดจำนวน 15,000 บาท ให้กับผู้ต้องหาที่ 2 รับไป ต่อมาในการจ่ายครั้งที่ 2 ผู้เสียหาย ได้ไปพบผู้ต้องหาที่ 1 เพื่อนำเงินส่วนที่เหลืออีกจำนวน 10,000 บาท ไปจ่าย แต่ผู้ต้องหาที่ 1 บอกว่าให้ไปจ่ายไว้กับผู้ต้องหาที่ 2 ที่ร้านค้าเช่นเดิม
จากการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานร่วมกันระหว่างสำนักงาน ป.ป.ท., บก.ปปป. และ ป.ป.ช. พบข้อมูลว่าในการเรียกรับเงินค่าต่อสัญญาจ้าง ผู้ต้องหาพยายามใช้วิธีการหลีกเลี่ยง โดยผู้ต้องหาได้เขียนข้อความลงในแผ่นป้ายแทนการพูด มีข้อความว่าเป็น ตัวเลข 25,000 บาท และเมื่อผู้เสียหาย นำเงินตามที่มีการเรียกรับไปมอบให้กับ ผู้ต้องหาที่ 1 ที่ห้องทำงาน ผู้ต้องหากลับแจ้งให้ผู้เสียหายนำเงินไปจ่ายกับผู้ต้องหาที่ 2 ให้รับเงินแทนซึ่งเป็นเพื่อนกัน และพบว่ามีผู้เสียหายจำนวนหลายรายได้จ่ายเงินค่าต่อสัญญาจ้างไปแล้ว
จากการรับแจ้งเรื่องร้องเรียนของ ปปท. เขต 4 ส่วนหน้า และการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีตามกฎหมายทำให้มีการสืบสวนเชื่อมโยงการกระทำความผิดของ ผู้ต้องหาที่ 1 พนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปปป. จึงรวบรวมพยานหลักฐาน และขออนุมัติต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 ออกหมายจับผู้ต้องหา จำนวน 2 ราย กระทั่งวันนี้ (3 ก.ย.) ป.ป.ท. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ บก.ปปป. และ ป.ป.ช. วางแผนเข้าจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป. -119-สำนักข่าวไทย