16 ก.ค. – สตช.ใช้ยาแรง เปิดศูนย์ปราบพระกระทำผิด เยียวยาพระพุทธศาสนา เตรียมขยายผล ตรวจสอบพระทั่วประเทศ พร้อมตำหนิสำนักพุทธฯ ทำงานล้มเหลว หมกเม็ดซุกใต้โต้ะ ช่วยเหลือพระทำผิด ทำศาสนาเสื่อม ส่วนกรณีสีกากอล์ฟ เร่งขยายเส้นเงินเตรียมเอาผิดยักยอกเงินวัดเพิ่มเติม
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นประธานการประชุมวางแนวทางและหลักการจัดตั้ง “ศูนย์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และส่งเสริมพระธรรมวินัย” ใช้เวลาประชุมกว่า 2 ชั่วโมง ก่อนออกมาเปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า ศูนย์ฯ ดังกล่าวเพิ่งจัดตั้งขึ้น เพื่อรับเรื่องร้องเรียนกรณีพระสงฆ์กระทำผิดพระธรรมวินัย โดยมีทั้งหมายเลขโทรศัพท์และเพจเฟซบุ๊กสำหรับรับเรื่องร้องเรียน ซึ่งปัจจุบันมีข้อมูลร้องเรียนเข้ามาเป็นจำนวนมาก และในอนาคตจะมีการขยายคู่สายเป็น 10 สาย เพื่อรองรับการแจ้งข้อมูลได้เพิ่มขึ้น
ภารกิจหลักของศูนย์ฯ คือการเป็นศูนย์กลางในการรับแจ้งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดวินัยสงฆ์ การทุจริตของสงฆ์ รวมถึงข้อมูลอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการธำรงไว้ซึ่งพระธรรมวินัย แม้จะยังไม่มีข้อสรุปชัดเจนว่าจะมีการจัดตั้งศูนย์ถาวรหรือไม่ แต่เชื่อว่าการดำเนินการนี้จะเป็นส่วนสำคัญในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในวงการสงฆ์อย่างจริงจัง

ส่วนแนวทางการทำงานจะเป็นการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) โดยยอมรับว่าที่ผ่านมาการทำงานร่วมกับสำนักพุทธฯ มักจะไม่ราบรื่น ล่าช้า เนื่องจากสำนักพุทธฯ มีแนวโน้มที่อาจจะปกปิดปัญหา ขาดความเข้มงวดกวดขัน จึงทำให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายจำเป็นต้องมีการบูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างจริงจัง
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า ในส่วนของข้อมูลที่ตำรวจส่งให้สำนักพุทธฯ เกี่ยวกับความไม่เหมาะสมของพระสงฆ์ มักจะไม่ได้รับการพิจารณาอย่างจริงจัง ทำให้ตำรวจมองว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำงานร่วมกันได้ หากปราศจากความจริงใจในการทำงาน โดยเชื่อว่าการเข้ามาของตำรวจและหน่วยงานภายนอกจะสร้างแรงกระเพื่อมให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เน้นย้ำว่า “ไม่อยากปล่อยไว้ให้กลายเป็นมะเร็งร้ายจนทำให้พระพุทธศาสนาเสื่อม” และยืนยันว่าการดำเนินการครั้งนี้จะไม่มีการอ่อนข้อใดๆ ทั้งสิ้น โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับพระสงฆ์ที่ควรจะต้องละซึ่งกิเลส ในส่วนของอำนาจหน้าที่ ตำรวจทำงานเพื่อความมั่นคงของประเทศชาติและสถาบันพระพุทธศาสนา แต่ไม่มีอำนาจในการไล่พระให้สึก โดยจะทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลและส่งต่อให้สำนักพุทธฯ พิจารณาเป็นรายบุคคล ซึ่งการตัดสินใจขั้นสุดท้ายขึ้นอยู่กับสำนักพุทธฯ อีกทั้งยังขอความร่วมมือให้สำนักพุทธฯ รวบรวมข้อมูลเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลักของพระสงฆ์ทั้งกว่า 3 แสนรูป เพื่อนำมาตรวจสอบประวัติว่าเคยมีการกระทำความผิดหรือไม่
ส่วนกรณีที่มีคนของสำนักพุทธฯ เข้าไปเป็นมัคทายกวัดและมีส่วนช่วยเหลือพระที่ประพฤติไม่เหมาะสม ระบุว่า ทางตำรวจจะนำเข้าหารือในที่ประชุมวันพรุ่งนี้เพื่อรายงานให้ผู้ใหญ่ในสำนักพุทธฯ รับทราบและแก้ไขปัญหา
หลังจากนี้ตำรวจจะรื้อคดีที่เกี่ยวข้องกับพระสงฆ์ที่เคยถูกสำนักพุทธฯ ถูกปัดตกไป และกองซุกอยู่ใต้โต๊ะขึ้นมาปัดฝุ่นใหม่ทั้งหมด ทั้งนี้ ภายหลังจากเปิดศูนย์ก็ได้รับเรื่องร้องเรียนว่ามีพระผู้ใหญ่หลายรูปที่มีพฤติการณ์ในลักษณะดังกล่าว แต่ไม่เกี่ยวข้องกับกรณีสีกากอล์ฟ ซึ่งหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะขอเวลาในการตรวจสอบก่อน
สำหรับกรณีที่มีความพยายามของเจ้าหน้าที่บางคน บอกว่าการกระทำของเจ้าอาวาสวัดประยุรรวงศาวาส ยังไม่ถึงขั้นปาราชิกนั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่มีทั้งดีและไม่ดี แต่ทางตำรวจยืนยันมีหลักฐานว่าพระกระทำพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ทั้งมีการมอบของขวัญที่เกินกว่าฐานะพระและฆราวาส รวมถึงเส้นทางการเงินที่เชื่อมโยงกับสีกา นอกจากนี้ยังมีพยานบุคคล ซึ่งเป็นคนใกล้ชิดของสีกากอล์ฟ (อดีตสามี) ให้การยืนยันว่าพระรูปนี้ ส่งเงินบรรจุในกล่อง และถังสังฆทานผ่านพัสดุไปรษณีย์มาให้สีกากอล์ฟใช้ เงินดังกล่าวมีลักษณะเหมือนเงินทำบุญจากตู้บริจาค แต่ไม่มีการนับและระบุจำนวนที่แน่ชัด
ส่วนเรื่องความคืบหน้าคดีกับสีกากอล์ฟ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการขยายผลสืบเส้นทางการเงิน พร้อมวอนให้พระที่ตกเป็นข่าว ทั้งที่ลาสิกขาไปแล้วและยังไม่ลาสิกขา ให้มาพบตำรวจเพื่อให้ข้อมูลโดยเฉพาะ ทิดอาชญ์ พี่เชื่อว่าน่าจะตกเป็นผู้เสียหายอย่างชัดเจนว่าถูกแบล็คเมล์
ขณะที่ทิดบุญเลิศ ที่เมื่อช่วงเย็นวานนี้เข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. โดยข้อมูลที่ทางตำรวจได้รับถือเป็นเคสที่น่าสงสาร เนื่องจากทิดบุญเลิศได้พยายามหนีการเสพสังวาสจากสีกากอล์ฟหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็พลาดเพราะสีกากอล์ฟนำเด็กมาเป็นเหยื่อล่อ และหลังจากเสพสังวาสไปแล้ว ทิดบุญเลิศ ก็เกิดสำนึกว่าศีลขาด รักษาศีลไม่ครบ จึงยุติการบวชพระให้กับพระใหม่ ทั้งยังโดนสีกาหลอกว่าเด็กป่วย ไม่สบาย และยืมเงินเพื่อนำไปรักษาเด็กเป็นจำนวนเงินหลักแสนบาท ซึ่งภายหลังจากการให้เงินไปแล้วคิดบุญเลิศได้ไปตรวจสอบที่โรงพยาบาล แต่กลับไม่พบประวัติการรักษา
ขณะที่ วันนี้เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะลงพื้นที่วัดมหาธาตุ พิษณุโลก และที่วิทยาลัยสงฆ์แห่งหนึ่ง เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม. -414-สำนักข่าวไทย