กรุงเทพฯ 8 ส.ค. – ระทึก! ไฟไหม้บ้าน 3 ชั้น 2 คูหา ย่านสุขสวัสดิ์ เขตราษฎร์บูรณะ เจ้าหน้าที่ดับทันก่อนลุกลามบ้านข้างเคียง ไม่มีผู้บาดเจ็บ-เสียชีวิต
วันที่ 8 สิงหาคม 2566 เวลา 02.00 น. ร.ต.อ.ประยูร วิทยา รอง สว.สอบสวน สน.ราษฎร์บูรณะ รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน ภายในซอยทวงสิทธิ์ ข้างซอยสุขสวัสดิ์ 58 จึงเร่งจัดกำลัง พร้อมประสานเจ้าหน้าที่สถานีดับเพลิงและกู้ภัยราษฎร์บูรณะ อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู และอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) เขตราษฎร์บูรณะ รุดตรวจสอบที่เกิดเหตุ
เมื่อถึงที่เกิดเหตุ พบแสงเพลิงและกลุ่มควันเกิดขึ้นที่บ้านหลังหนึ่ง ลักษณะเป็นอาคารที่พักอาศัย สูง 3 ชั้น 2 คูหา พบแสงเพลิงและกลุ่มควันเกิดขึ้นบริเวณชั้นล่างสุดของตัวบ้านจนทั่วบริเวณ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและอาสาสมัครจึงเร่งระงับเหตุ ใช้เวลากว่า 40 นาที เพลิงจึงสงบ จากนั้นได้เข้าตรวจสอบภายในอาคารอย่างละเอียด ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว
สอบถามนายบุญมาก อายุ 76 ปี ซึ่งพักอาศัยอยู่ด้านหลังบ้านที่เกิดเหตุ บอกว่า หลานตนลุกมาเข้าห้องน้ำ ได้กลิ่นเหม็นไหม้ จึงมาบอกตน ถึงได้รู้ว่าไฟไหม้ ปกติก็มีคนอยู่ แต่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ เขาออกไปข้างนอก 2 วันแล้ว
ด้าน น.ส.ศุภร อายุ 25 ปี ซึ่งอยู่ติดกับบ้านที่เกิดเหตุ บอกว่า ตอนเกิดเหตุตนหลับอยู่ ได้ยินเสียงเหมือนพลุระเบิด และมีเสียงเหมือนอะไรแตก ก่อนจะมีเสียงตะโกนว่า ไฟไหม้ๆ ตนจึงรีบขึ้นไปเรียกคนในบ้านให้รีบออกมา ก็เห็นไฟไหม้บ้านข้างๆ รู้ว่าเจ้าของบ้านไม่อยู่ 2 วันแล้ว ออกไปข้างนอก ยังไม่เห็นกลับเข้ามา ปกติก็มีคนพักอยู่ เป็นบ้านพัก 2 คูหา ตนอยู่คูหาที่ 3 ติดกัน
ส่วนนายอัมรินทร์ กงสำโรง อายุ 22 ปี อาสา รหัส ธน 32-18 ซึ่งมาถึงที่เกิดเหตุคนแรก บอกว่า ตนได้รับแจ้งว่ามีเหตุเพลิงไหม้ จึงรีบมาตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที เมื่อมาถึงพบแสงเพลิงจำนวนมากภายในตัวบ้านและหน้าบ้านชั้น 1 ประตูบ้านยังไม่เปิด เพื่อนบ้านจึงช่วยกันเปิด และดำเนินการดับไฟได้ ซึ่งอาสาก็ทยอยกันมาช่วยดับไฟได้ทัน ไม่ลุกลามไปยังบ้านข้างเคียง เสียหายภายในตัวบ้านและหน้าบ้านแค่ชั้น 1
ความเสียหายเบื้องต้นพบว่า ทรัพย์สินบริเวณชั้นล่าง ซึ่งเป็นตู้โชว์กล้องโบราณและฟิล์ม เป็นของสะสม ได้รับความเสียหายทั้งหมด หน้าบ้านพบรถจักรยานยนต์เสียหายทั้งคัน พื้นที่ได้รับความเสียหาย 32 ตารางเมตร ขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปสาเหตุของเพลิงไหม้ ต้องรอให้เจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง จึงจะสรุปสาเหตุและดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป. – สำนักข่าวไทย