“ทนายตั้ม” พาผู้เสียหายแจ้งความอดีตรองนายกฯ

กทม. 12 ม.ค. – ฟ้องกันนัว! อัยการเร่งตำรวจสอบหาหลักฐานเพิ่ม อดีตรองนายกฯ ฟ้องสาวคนสนิท คดีฉ้อโกง ด้านทนายตั้ม พาผู้เสียหายแจ้งดำเนินคดีอดีตรองนายกฯ ข้อหาแจ้งความเท็จ กลั่นแกล้งให้ได้รับโทษทางอาญา และให้การเท็จ


จากกรณีอดีตรองนายกรัฐมนตรี ส่งทนายเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ 4 ผู้ต้องหา ประกอบด้วย หญิงสาวที่ตกเป็นข่าว สามีของหญิงสาว บิดาและมารดาของหญิงสาว เมื่อวันที่ 22 พ.ย.65 ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง เรียกคืนสินสอดและทรัพย์ที่ไปสู่ขอรวมกว่า 19 ล้านบาท ซึ่งพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานและแจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 1-3 เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.65 แต่บิดาหญิงสาวไม่มารับทราบข้อกล่าวหา พนักงานสอบสวนจึงขอหมายจับ โดยศาลอาญาอนุมัติออกหมายจับเมื่อ 5 ม.ค.66 และวันที่ 10 ม.ค. พนักงานสอบสวนได้นัดผู้ต้องหาที่ 1-3 เพื่อนำตัวส่งฟ้องอัยการตลิ่งชัน ส่วนผู้ต้องหาที่ 4 ยังหลบหนี

วันนี้ ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ พาผู้เสียหายซึ่งเป็นอดีตสามีของหญิงสาวคนสนิทอดีตรองนายกฯ เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.บางยี่ขัน เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับอดีตรองนายกรัฐมนตรี ในข้อหาแจ้งความเท็จ กลั่นแกล้งให้ได้รับโทษทางอาญา และให้การเท็จ


นายษิทรา กล่าวว่า ข้อหาที่อดีตรองนายกฯ แจ้งความดำเนินคดีกับผู้เสียหาย ไม่เป็นความจริง เป็นการแต่งเติมข้อเท็จจริงเพื่อให้เข้ากับข้อกฎหมาย ให้สามารถเรียกเงินหรือทรัพย์สินคืนจากฝ่ายหญิงได้ เช่น การไปสู่ขอหรือการหมั้นหมาย ก็ไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น รวมถึงการให้ทรัพย์สินเป็นเงินเพื่อไปซื้อคอนโดก็ไม่เป็นความจริง จากการตรวจสอบพบว่าการซื้อคอนโดดังกล่าว ฝ่ายหญิงซื้อตั้งแต่ปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงก่อนจะรู้จักกับอดีตรองนายกฯ คนดังกล่าว ซึ่งทั้งคู่รู้จักกันเมื่อปี 2565 ทั้งนี้ ส่วนตัวเชื่อว่าอดีตรองนายกฯ ได้ให้ทรัพย์หรือเงินให้กับฝ่ายหญิงบ้างในฐานะชู้รัก แต่เชื่อว่าไม่ได้มากถึง 19 ล้านบาท ตามที่มีข่าวออกมา

นอกจากนี้ยังสืบทราบข้อมูลว่าอดีตรองนายกฯ ได้ใช้เล่ห์กล โดยการไปจดทะเบียนหย่ากับภรรยาล่วงหน้า 1 ชม. ก่อนการแถลงข่าวของตน คือวันที่ 9มกราคม ที่ว่าการอำเภอสามพราน จ.นครปฐม เวลา 08.53 น. เรื่องดังกล่าวหากอดีรองนายกฯ ยอมรับว่าทำผิดพลาดไปแล้ว ออกมารับผิดชอบอย่างลูกผู้ชายคดีก็คงจบไปแล้ว แต่กลับมาโยนให้คนอื่นโดนคดีฉ้อโกงอีก ยืนยันว่ากรณีดังกล่าวไม่ได้เป็นขบวนการตบทรัพย์ หากมีจริงต้องมีการเจรจาต่อรองเรียกทรัพย์สินอื่นก่อนนำเรื่องมาเปิดเผย

ส่วนกระแสข่าวว่าอดีตรองนายกฯ คบผู้หญิงคนนี้มา10 ปี มีการให้เงินไปทำศัลยกรรม เลี้ยงดูมานาน ก็ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และก่อนหน้านี้หญิงดังกล่าวไม่ได้มีอาชีพเป็นแคดดี้


ส่วนที่มีหลายฝ่ายตั้งสงสัยว่า การที่ฝ่ายหญิงถ่ายรูปกับอดีตรองนายกฯ ไว้นั้นมีเจตนาต้องการแบล็กเมลหรือไม่ ทนายตั้ม มองว่าไม่น่าจะใช่ เพราะจากข้อมูลพบว่าเป็นการถ่ายรูปให้กันทั้งสองฝ่าย เพราะอดีตรองนายกฯ ก็ถ่ายรูปในลักษณะดังกล่าวเอาไว้ด้วยเช่นกัน

ส่วนอดีตสามี มีการฟ้องชู้ เรียกเงิน 25 ล้านบาทนั้น เป็นเพียงการพูดลอยๆ ซึ่งยอมรับมีการฟ้องเรียกค่าเสียหายไปจริง แต่ไม่ถึง 25 ล้านบาท พร้อมระบุว่าตนเองมีหลักฐานว่าอดีตรองนายกฯ รู้ว่าฝ่ายหญิงมีสามีอยู่แล้ว และทั้งสองก็รู้เห็นเป็นใจกันตลอด ส่วนอดีตสามีของฝ่ายหญิงยืนยันว่าไม่รู้ และทันทีที่รู้ก็ได้ขออย่าทันที ส่วนภาพและคลิปหลักฐานสามีของฝ่ายหญิงได้แอบเข้ารหัสและนำออกมา เนื่องจากฝ่ายหญิงมีพิรุธและจะหวงโทรศัพท์ มีการตั้งรหัสจากแต่ก่อนไม่ตั้ง จนพบว่ามีการคบชู้จริง

ทนายตั้มยอมรับขณะนี้ยังรู้สึกกังวลเรื่องอิทธิพล เนื่องจากอดีตรองนายกรัฐมนตรีเป็นคนมีชื่อเสียง มีพรรคพวก มีเงิน และเกรงว่าอาจมีการช่วยเหลือกันในทางคดี ทำให้ส่งผลต่อรูปคดีในอนาคตได้

อัยการสั่งสอบเพิ่มอดีตรองนายกฯ
ส่วนความคืบหน้าคดีอดีตรองนายกรัฐมนตรี แจ้งข้อหาฉ้อโกงกับกับอดีตสาวคนสนิท และครอบครัวรวม 4 คน นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองอธิบดีอัยการสำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน (สคช.) ในฐานะรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า คดีนี้เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สน.บางยี่ขัน ได้ยื่นคำร้องผัดฟ้องผู้ต้องหาครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 ธ.ค.65 /ครั้งที่ 2 วันที่ 22ธ.ค.65 / ครั้งที่ 3 วันที่ 28 ธ.ค.65 / ครั้งที่ 4 วันที่ 3 ม.ค.66 และครั้งที่ 5 วันที่ 9 ม.ค.66 ซึ่งเป็นการฝากขังครั้งสุดท้าย และจะครบกำหนดวันสุดท้ายในวันที่ 15 ม.ค.นี้ โดยพนักงานสอบสวน สน.บางยี่ขัน สรุปสำนวนส่งให้อัยการคดีอาญาตลิ่งชัน 2 พิจารณาเมื่วันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งพนักงานอัยการต้องพิจารณาสั่งคดีภายในวันที่ 15 ม.ค.นี้

อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นเมื่อพนักงานอัยการตรวจคำให้การและพยานหลักฐานในสำนวนแล้ว พบว่าคำให้การของอดีตรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้เสียหายยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ รวมทั้งหนึ่งในผู้ต้องหาได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมเข้ามาให้อัยการพิจารณาด้วย ดังนั้นพนักงานอัยการจึงมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวน สน.บางยี่ขัน สอบสวนเพิ่มเติมทั้งสองกรณี หากอัยการจะยื่นฟ้องคดีก็จะต้องขออนุญาตฟ้องจากอัยการสูงสุดตามกฎหมายก่อน. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“วัดพระบาทน้ำพุ” แจงเงินวัด เข้าแล้วออกไปไหน

ลพบุรี 8 ส.ค. – หลังจากมีกระแสข่าวเกี่ยวกับวัดพระบาทน้ำพุ ก็มีเสียงสะท้อนออกมาหลายแง่มุม ขณะที่บางส่วนตั้งคำถามเกี่ยวกับเงินวัดที่มีการเปิดรับบริจาค และการดูแลผู้ป่วยเอชไอวี ว่ายังมีความจำเป็นหรือไม่.-สำนักข่าวไทย

บุกจับเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.-กำนัน ทุจริตที่ดินเอื้อนายทุน

สระบุรี 8 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” นำกำลังบุกจับเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.สระบุรี-กำนัน ร่วมกันทุจริตออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก. 600-700 ไร่ เอื้อประโยชน์นายทุนสร้างบ้านพักหรู พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายฯ รมว.เกษตรและสหกรณ์ นำกำลังเข้าจับกุมนายวิชยุตม์ อายุ 42 ปี นายช่างสำรวจชำนาญงาน ขณะกำลังนั่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ในห้องทำงาน ที่สำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดสระบุรี และนายสิปปกร อายุ 57 ปี กำนัน ต.หนองย่างเสือ อ.หมวกเหล็ก ตามหมายจับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเจ้าหน้าที่รัฐร่วมกันปฏิบัติหรือเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเจ้าพนักงานแต่กลับร่วมกันกระทำการรับรองเอกสารอันเป็นเท็จ หลังพบใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนเข้าบุกรุกหรือครอบครองที่ป่าไม้ในพื้นที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้มีการตรวจสอบพบคาเฟ่ รีสอร์ตหรูแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ก่อสร้างบุกรุกผืนป่า จึงเร่งขยายตรวจสอบที่ไปที่มาของการเข้าครอบครองที่ดินดังกล่าว กระทั่งพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้กับนายทุน ด้วยการออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก.4-01 เพื่อใช้อ้างสิทธิเข้าครอบครอง […]

ยิงกำนันเล้น

ออกหมายจับ “ไอ้ ด.” มือปืนขาเป๋ ยิงถล่มกำนันเล้น ตร.ไล่ล่ากระชั้นชิด

ตรัง 8 ส.ค. – ออกหมายจับ ไอ้ ด. มือปืนขาเป๋ ยิง M16 ถล่มดับกำนันเล้น จ.ตรัง เผยปมสังหารจากคนเคยช่วยเหลือกลับขัดแย้ง-ขู่ฆ่า ผู้การตรังเผยแกะรอยเบาะแสไล่ล่าเป็นประโยชน์ ติดตามตัวแบบหายใจรดต้นคอ ลั่นต้องจับให้ได้ ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดตรังเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 ว่า จากกรณีคนร้ายชายในชุดดำสวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า ใช้อาวุธสงคราม M16 ยิงถล่มนายบัณฑิต รองพล หรือ กำนันเล้น อายุ 57 ปี กำนันตำบลนาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอห้วยยอด จนเสียชีวิต กระสุนเจาะประตูรถฝั่งคนขับพรุน 15 นัด ปลอกกระสุนขนาด 5.56 ตกกระจายเกลื่อน เหตุเกิดช่วงเวลาประมาณ 01.00 น. วันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา บริเวณหน้าบ้านของนายบัณฑิต พื้นที่หมู่ 9 ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งเป็นช่วงระหว่างที่นายบัณฑิตเดินทางกลับจากงานเลี้ยงงานแต่งงาน […]

“บุ๋ม ปนัดดา” พร้อมชน “มาลี”

กรุงเทพฯ 8 ส.ค. – ฮือฮาและเป็นที่พูดถึงอย่างมาก สำหรับการแต่งตั้ง “ดร.บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” นั่งโฆษก ศบ.ทก.จิตอาสา ด้าน “บุ๋ม” เปิดใจ เป็นคนชัดเจน ตรงไปตรงมา พร้อมชน “มาลี” ลั่นไม่กลัวเฟคนิวส์.-สำนักข่าวไทย