เร่งขยายผลเครือข่ายนายทุนจีนสวมบัตร ปชช.

กรุงเทพฯ 11 พ.ย.- ตำรวจสืบสวนขยายผลเครือข่ายนายทุนจีนรายใหญ่ ผู้ต้องหาคดีสวมบัตรประชาชน เชื่อขนย้ายทรัพย์สินก่อนเข้าไปตรวจค้น และยังให้ที่มาของการสร้างบ้านขนาดใหญ่ไม่ได้ เร่งตรวจสอบเส้นทางการเงินทั้งหมด


พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เปิดเผยถึงความคืบหน้าการตรวจค้นภายในบ้านพักขนาดใหญ่พื้นที่กว้างเกือบ 5 ไร่ ในอำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี เมื่อวานนี้ และพบนายเซา เซียนโป อายุ 33 ปี สัญชาติจีน เป็นเจ้าของบ้าน รวมทั้งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีสวมบัตรประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ และหลบหนีมาอยู่ในย่านกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

การตรวจค้นเป็นการขยายผลจากการที่จับตัวนายเซา ได้ที่อาคารบีบีดี ถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งเป็นที่ทำการของสมาคมการค้าแห่งหนึ่ง และนายเซา ยอมรับว่าเป็นที่ปรึกษาของสมาคมฯ ภายในบ้านพบว่ามีพื้นที่กว้างใหญ่ และมีช่องทางลับที่สามารถออกไปด้านนอกได้ แต่ไม่พบทรัพย์สินมากนัก เชื่อว่าผู้ต้องหาน่าจะมีการเคลื่อนย้ายทรัพย์ออกจากบ้านไปก่อนหน้านี้แล้ว มีเพียงรถยนต์หรู 2 คัน ที่ยึดไว้ตรวจสอบ


จากการสอบสวนผู้ต้องหา เบื้องต้นพบว่าเคยทำธุรกิจนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศเข้ามาในไทย เปิดทำธุรกิจถูกต้อง แต่กำลังตรวจสอบเรื่องการนำเข้าว่ามีการเสียภาษี หรือกระทำอย่างอื่นที่ผิดกฎหมายด้วยหรือไม่ ขณะเดียวกันยังพบว่าเคยเปิดธุรกิจขายอาวุธเมื่อเดือนสิงหาคม ด้วยทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท แต่ปิดตัวไปเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา เชื่อว่ายังไม่มีการซื้อขายสินค้า แต่ก็ต้องตรวจสอบเพิ่มเติมอีก

ส่วนที่สมาคมฯ พบปืนจำลอง คาดเป็นสินค้าที่เตรียมผลิต เช่นเดียวกับโมเดลรถไฟฟ้าที่ผู้ต้องหาสร้างไว้บริเวณหน้าบ้าน ก็อ้างว่ามีไว้เพราะความชอบส่วนตัว ไม่ได้เกี่ยวข้องกับธุรกิจอะไร

ขณะที่ความเกี่ยวข้องกับสมาคมฯ จากการตรวจสอบไม่พบว่ามีรายชื่อยู่ในคณะกรรมการ ซึ่งทางสมาคมฯ และผู้ต้องหาก็ยอมรับว่าเป็นเพียงที่ปรึกษาของสมาคม ส่วนผู้ต้องหาจะมีส่วนทำให้สมาคมฯ ได้รับความเสียหายหรือไม่ สมาคมฯ ต้องดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษเอง แต่เบื้องต้นยังไม่มีการแจ้งความให้ดำเนินคดี และเคยพบว่าใช้บ้านหลังนี้ประชุมของทางสมาคมด้วย


ส่วนการตรวจสอบเบื้องต้น ยังไม่พบความเชื่อมโยงกับนายทุนจีนที่กระทำความผิดกฎหมาย ทั้งการเปิดสถานบันเทิงผิดกฎหมายจินหลิง ยานยานนาวา และที่พัทยา จังหวัดชลบุรี รวมทั้งกลุ่มคนจีนที่จับตัวคนจีนมาตัดนิ้วเรียกค่าไถ่ในจังหวัดชลบุรี แต่กำลังตรวจสอบเส้นทางการเงินทั้งหมด หากพบความเชื่อมโยงก็จะสามารถแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มได้ รวมทั้งผู้ต้องหาต้องชี้แจงถึงที่มาของสิ่งปลูกสร้าง และทรัพย์สินที่ตำรวจยึดไว้ตรวจสอบด้วย

อย่างไรก็ตาม การจับเครือข่ายคนจีน ที่เข้ามาอยู่ในไทยอย่างผิดกฎหมาย ขณะนี้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองกำลังตรวจสอบเพิ่มเติมถึงผู้ต้องหาที่ยังหลบหนี โดยการทำงานของไทยมีตำรวจจีน 3 ชุด มาร่วมประสานข้อมูลหมายจับของจีนมาร่วมกันทำงาน อีกทั้งจะมีการแถลงสรุปภาพรวมการจับกุมผู้ต้องหาต่างชาติรายสำคัญก่อนการประชุมอาเซียน 2022 ในวันอาทิตย์ที่ 13 พฤศจิกายนนี้ เวลา 10.30 น..-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

กระบะชนต้นไม้

สังเวย 7 ศพ กระบะหักหลบรถรับ-ส่งนักเรียน พุ่งชนต้นไม้

รถกระบะเสียหลักจะชนรถตู้รับ-ส่งนักเรียน คนขับตัดสินใจหักหลบ ทำให้รถพุ่งชนต้นไม้ เสียชีวิต 7 ราย ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 4 คน

สลด! รถทัวร์พาผู้โดยสารกลับจากเที่ยวเบตง ชนต้นไม้ ดับ 8 ราย

รถทัวร์พาผู้โดยสารกลับจากเที่ยว อ.เบตง จ.ยะลา เสียหลักไถลลงร่องกลางถนนชนต้นไม้บนถนนสาย 41 อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี เบื้องต้นเสียชีวิต 8 ราย บาดเจ็บจำนวนมาก

ตักบาตรปีใหม่

ปชช.ร่วมตักบาตรวันปีใหม่ 2568 เพื่อความเป็นสิริมงคล

ประชาชนร่วมกิจกรรมตักบาตร​ รับปีใหม่ 2568 เนืองแน่น​ “สุดาวรรณ” เผยตัวเลขสวดมนต์ข้ามปี กว่า 12 ล้านคน พร้อมเชิญชวนสักการะพระเขี้ยวแก้ว ถึง 14 ก.พ.นี้

ข่าวแนะนำ

ผบก.น.3 เผยมี 26 คนจีนเข้าคอร์สตำรวจอาสา กว่าครึ่งจ่ายเงินจริง

ผบก.น.3 เผยมีคนจีน 26 คน เข้าคอร์สตำรวจอาสา กว่าครึ่งจ่ายเงินจริง กำลังไล่สอบเส้นเงินเข้ากระเป๋าใคร ส่วนตำรวจที่ไปอบรมน่าจะได้เงินค่าจ้างจริง

ดีเอสไอประชุมนัดแรกร่วม ตร.นครบาล 1 คดี “นพ.บุญ”

ดีเอสไอรับคดี “นพ.บุญ” กับพวกเป็นคดีพิเศษ เปิดประชุมนัดแรกร่วมตำรวจนครบาล 1 แย้มรู้พิกัด “หมอบุญ” ที่หลบหนีแต่ยังไม่ขอเปิดเผย

คนร้ายวางระเบิดตำรวจตั้งด่าน เจ็บ 6 นาย

คนร้ายวางระเบิดตำรวจขณะตั้งด่าน อ.สายบุรี จ.ปัตตานี บาดเจ็บ 6 นาย เด็ก 3 ขวบ เจ็บ 1 ราย เชื่อสร้างสถานการณ์ ก่อนครบรอบ 21 ปี ไฟใต้