191 รวบแก๊งค้ายารายใหญ่ สลับทะเบียนรถตบตา

กทม. 24 ต.ค.- ตำรวจ 191 รวบขบวนการค้ายารายใหญ่ เช่าบ้านหรูพักยาเสพติดส่งลูกค้า ตบตาเจ้าหน้าที่ด้วยวิธีการสลับทะเบียนรถแบบใช้รีโมทควบคุม เพื่อหลบหนีการติดตาม


11.30 น. พลตำรวจตรีโชคชัย นามวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงผลงานของตำรวจปฏิบัติการพิเศษ 191 ที่สามารถสืบสวนและติดตามจับกุมขบวนการค้ายาไอซ์​รายใหญ่ในพื้นที่ภาคกลาง หลังขยายผลจากการจับกุมผู้ค้ายารายย่อย เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ว่า รับซื้อยาเสพติดมาจากกลุ่มของนายกิตติศักดิ์ กับพวกรวม 3 คน ซึ่งใช้รถยนต์ฟอร์จูนเนอร์​เป็นพาหนะ

หลังได้ข้อมูลตำรวจปฏิบัติการพิเศษ 191 ได้นำประวัติของผู้ต้องหาในคดียาเสพติดมาตรวจสอบ พร้อมให้ผู้ต้องหาหรือผู้ค้ายารายย่อยชี้ตัว และติดตามความเคลื่อนไหวของนายกิตติศักดิ์ มาโดยตลอดจนทราบว่านายกิตติศักดิ์กับพวก ซึ่งประกอบด้วยนายแชมป์และนายแจ็ค ได้เช่าบ้านหรูในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี ถึง 2 หลัง โดยหลังแรกผู้ต้องหา ใช้ในลักษณะเป็นที่อยู่อาศัยและสถานที่ทำงาน ส่วนอีกหลังมีลักษณะผิดปกติ คล้ายเป็นจุดพักยา ตำรวจจึงเข้าทำการตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งภายในหมู่บ้านย่านบางใหญ่ ตำบลเสาธงหิน อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี โดยในระหว่างที่เข้าตรวจค้นพบว่าทั้ง 3 คนกำลังวางแผนส่งยาให้กับผู้ค้ารายย่อยอยู่ จากการตรวจค้นภายในบ้านพักหลังดังกล่าว พบอาวุธปืนสงคราม 1 กระบอก ปืนยาว 1 กระบอก และปืนสั้นอีก 1 กระบอก


สอบสวนนายกิตติศักดิ์และเพื่อนอีก 2 คน รับสารภาพใช้เป็นจุดบัญชาการรับคำสั่งส่งยาจากนายทุนและเป็นสถานที่วางแผนการส่งยาให้กับลูกค้า ส่วนบ้านอีกหลัง ย่านถนนประชาอุทิศ ตำบลบางแม่นาง ในอำเภอเดียวกัน ใช้เป็นคลังเก็บยาเสพติด ก่อนนำตำรวจเข้าทำการตรวจค้นบ้านอีกหลัง พบเฮโรอีนถึง 120 แท่ง ยาไอซ์น้ำหนัก 162 กิโลกรัม รวมถึงวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 2 เขตตามีน อีก 97 กิโลกรัม

นายกิตติศักดิ์ ยังยอมรับว่ายาดังกล่าวรับมาจากพื้นที่ภาคเหนือ ก่อนถูกลำเลียงส่งให้กับตน โดยพวกตนได้รับค่าจ้างเดือนละ 200,000 บาท และทำมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม จนถึงปัจจุบัน รับยามาแล้วถึง 4 ครั้ง ส่วนการส่งยาให้กับผู้ค้ามีการส่งอย่างต่อเนื่อง

สำหรับกระบวนการค้ายารายนี้ได้ใช้รถยนต์ฟอร์จูนเนอร์ เป็นยานพาหนะในการขนส่งยาและมีการตบตาเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยวิธีการ สลับทะเบียนรถโดยใช้รีโมทคอนโทรลในการควบคุม กลับเปลี่ยนป้ายทะเบียน เพื่อหลบหนีการติดตามของเจ้าหน้าที่ตำรวจ


โดนตำรวจชุดจับกุมยอมรับว่าวิธีการใช้เทคโนโลยีรีโมท พลิกกลับปรับเปลี่ยนป้ายทะเบียนรถ เริ่มถูกนำมาใช้มากขึ้นในหมู่ของผู้ก่อคดีอาชญากรรม โดยเฉพาะขบวนการค้ายาเสพติด เมื่อสอบถามผู้ต้องหายอมรับว่าสั่งซื้อระบบพลิกกลับเปลี่ยนป้ายทะเบียนมาจากเว็บไซต์สินค้าออนไลน์ ในราคา 30,000 บาท ก่อนนำมาติดตั้งกันเอง .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รถทัวร์โดยสารชนท้ายเทรลเลอร์ เสียชีวิต-บาดเจ็บจำนวนมาก

รถทัวร์โดยสารชนท้ายรถบรรทุกเทรลเลอร์ บนถนนสาย 304 จังหวัดปราจีนบุรี ทำให้ไฟลุกไหม้รถทัวร์โดยสาร เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจำนวนมาก

ชาวบ้านยอมรับค่าเยียวยาหลังละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดิน

ชาวบ้านยอมรับการเยียวยา บ้านละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดินใน จ.ระยอง หลังถมที่สูงมิดหลังคาของเพื่อนบ้าน และรับปากจะเร่งแก้ไขให้ทันหน้าฝนที่จะถึงนี้ แต่ชาวบ้านยังหวั่นใจ หากแก้ไขไม่ทันก็ยังจะเดือดร้อน น้ำจะไหลลงมาบ้านที่อยู่ต่ำกว่า

“พีช” หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายแล้ว

“นายกเบี้ยว” พร้อมลูกชาย หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายก่อนแล้ว จึงฝากจดหมายขอโทษไว้ ด้าน “กัน จอมพลัง” ยอมถอย ให้สองฝ่ายพูดคุย แต่ต้องเป็นรูปธรรม

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยเหนือ-กลาง อากาศร้อนจัดบางพื้นที่

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคกลาง อากาศร้อนจัดบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศร้อนถึงร้อนจัด ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง กรุงเทพฯ-ปริมณฑล อากาศร้อนโดยทั่วไป โดยมีฝนฟ้าคะนอง 10%

รวบทันควัน คนร้ายบุกเดี่ยวชิงเงินธนาคาร

จับแล้ว คนร้ายบุกเดี่ยวชิงทรัพย์ธนาคารกลางเมืองเชียงใหม่ ได้เงินสดกว่า 40,000 บาท ก่อนวิ่งหลบหนี ล่าสุดจนมุมตำรวจรวบตัวได้ที่ศาลาริมทางข้างถนน

โป๊ปฟรังซิส สิ้นพระชนม์แล้ว ขณะพระชนมายุ 88 พรรษา

สำนักวาติกัน แถลงผ่านทางโทรทัศน์ของสำนักวาติกันว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกันสิ้นพระชนม์แล้วในวันนี้