ศบค.ต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 1 เดือน

ทำเนียบรัฐบาล 22 ก.ค.-ที่ประชุม ศบค.ต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ อีก 1 เดือน ยืนยันเพื่อควบคุมโรค ไม่ได้ห้ามชุมนุม พร้อมอนุญาตต่างชาติบางกลุ่ม -แรงงานต่างด้าวเข้าไทยได้ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่ต้องปฏิบัติตามมาตรการ ให้เกิดสมดุลด้านสาธารณสุข


นพ.ทวีศิลป์  วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงผลการประชุมศบค.ชุดใหญ่ ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะ ผอ.ศบค.เป็นประธานประชุม ว่า สถานการณ์โควิด-19 วันนี้ มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 6 ราย รวมผู้ป่วยสะสมเป็น 3,261 ราย หายป่วยแล้ว 3,105 ราย รักษาตัวอยู่ 98 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้ผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 58 รายเช่นเดิม โดยผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็นผู้ที่เดินทางมาจากอียิปต์ 4 ราย ทั้งหมดเป็นนักศึกษาชายไทย กลับถึงไทยวันที่ 8 กรกฎาคมที่ผ่านมา เข้าพักในสถานกักกันตัวที่รัฐจัดให้ที่จังหวัดชลบุรี ตรวจพบเชื้อวันที่ 21 กรกฎาคม

โฆษกศบค. กล่าวว่า 1 รายมาจากสหรัฐอเมริกา เป็นหญิงไทย อายุ 36 ปี อาชีพพนักงานบริษัท เดินทางถึงไทย 10 กรกฎาคม เข้าพักในสถานกักกันตัวที่รัฐจัดให้ที่กรุงเทพมหานคร ตรวจพบเชื้อ 20 กรกฎาคม แต่ไม่มีอาการ และอีก 1 รายมาจากเยอรมัน เป็นหญิงไทยอายุ 57 ปี อาชีพแม่บ้าน เดินทางถึงไทย 16 กรกฎาคม เข้าพักในสถานกักกันตัวที่รัฐจัดให้ที่กรุงเทพมหานคร  ตรวจพบเชื้อวันที่ 20 กรกฎาคม ไม่มีอาการ


นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สถานการณ์โลก มีผู้ติดเชื้อ 15,093,712 ราย เสียชีวิต 619,467 ราย โดยสหรัฐฯ ติดเชื้อมากเป็นอันดับหนึ่ง  4,028,569 ราย เสียชีวิต 1,997,033 ราย ส่วนไทยอยู่อันดับที่ 103 

“ที่ประชุมศบค.เห็นชอบให้ต่ออายุพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานฉุกเฉิน ที่จะหมดอายุวันที่ 31 กรกฎาคมนี้ออกไปอีก 1 เดือน เนื่องจากสถานการณ์ทั่วโลกยังคงระบาดอย่างรุนแรง อีกทั้งมีคนไทยจากต่างประเทศและชาวต่างชาติที่ได้รับการผ่อนผันเดินทางเข้ามาในไทยอย่างต่อเนื่อง และจะอนุญาตชาวต่างชาติเข้ามาในไทยเพิ่มเติม จึงจำเป็นต้องมีอำนาจตามกฎหมายเชิงป้องกันการแก้ไขปัญหาที่มีประสิทธิภาพ อาทิ ควบคุมการเดินทางเข้าออกราชอาณาจักรในทุกช่องทาง การจัดทำระบบติดตามตัว การกักตัว การเฝ้าระวังบุคคลต้องสงสัย และมาตรการควบคุมโรคที่สามารถบังคับใช้ได้อย่างครอบคลุม อีกทั้งจำเป็นต้องมีระบบการบริหารจัดการในลักษณะรวมศูนย์ที่ปฏิบัติงานได้อย่างรวดเร็ว เป็นเอกภาพ มีประสิทธิภาพและบูรณาการตำรวจ ทหาร พลเรือนได้ ซึ่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการเตรียมความพร้อมช่วงเปลี่ยนผ่านไปสู่วิถีชีวิตใหม่ จนกว่าจะมีกฎหมายฉบับอื่นมารองรับในอนาคต” โฆษกศบค. กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ที่ประชุมศบค.เห็นชอบหลักการอนุญาตให้แรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติคือ ลาว เมียนมา กัมพูชาเดินทางเข้าไทย เนื่องจากขณะนี้มีความต้องการใช้แรงงานจำนวนมากในกิจการเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานและอุตสาหกรรมอาหาร  โดยมีกลุ่มที่มีใบอนุญาตการทำงานและวีซ่าต้องการกลับเข้ามาทำงาน จำนวน 69,235 คน และกลุ่มแรงงานที่ไม่มีใบอนุญาตทำงานและไม่มีวีซ่า แต่ต้องการเข้ามาจำนวน 42,168 คน รวมทั้งหมดกว่า 1 แสนคน ซึ่งได้หารือกันว่าจะกักกันตัวในสถานที่ที่หน่วยงานหรือองค์กรจัดพื้นที่ขึ้นหรือ Organizational Quarantine เพื่อควบคุมป้องกันโรคและลดค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบการ โดยให้กระทรวงแรงงานรับไปดำเนินการต่อไป 


“ศบค.อนุมัติหลักการอนุญาตให้ชาวต่างชาติเข้ามาจัดแสดงสินค้าในไทย ซึ่งมีกลุ่มชาวต่างชาติต้องการเข้ามาจำนวนมาก และจะเป็นการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ โดยต้องมีแนวทางควบคุมดูแลอย่างเข้มงวด อาทิ ตรวจหาเชื้อก่อนเดินทาง  มีกำหนดการอยู่ในไทยอย่างชัดเจน ทำประกันสุขภาพ และการร่วมงานแสดงสินค้าต้องจัดพื้นที่การเจรจาของชาวต่างชาติออกจากพื้นที่เจรจาชาวไทย นอกจากนี้ ยังอนุญาตให้ชาวต่างชาติเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในไทย โดยต้องมีข้อปฏิบัติการป้องกันการแพร่ระบาด อาทิ มีใบรับรองแพทย์ ประกันสุขภาพและต้องมีเจ้าหน้าที่ติดตามคณะตลอดเวลา”  โฆษกศบค. กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ส่วนกลุ่มต่างชาติ Medical and wellness program plus ที่เข้ามารับการรักษาในไทยและพักอยู่ในโรงพยาบาลแล้ว 14 วัน สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวต่อในประเทศไทยได้ ส่วนผู้ที่ถือบัตรสมาชิกพิเศษประเทศไทย หรือ ไทยแลนด์ อีลิท การ์ดที่มีทั้งหมดกว่า 10,000 ราย จะนำร่องให้เข้าไทย 200 ราย โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะดำเนินการต่อไป อย่างไรก็ตาม มาตรการผ่อนคลายต่าง ๆที่ ศบค.อนุมัติหลักการในวันนี้(22 ก.ค.) จะเริ่มบังคับใช้ได้ภายหลังจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางแนวทางข้อปฏิบัติต่าง ๆ เสร็จ แล้ว

“นายกรัฐมนตรีในฐานะผอ.ศบค. ให้กำลังใจประชาชนและบุคคลากรทางการแพทย์ให้อดทน อย่าท้อถอย โดยให้ยึดหลักการคือการจัดสมดุลให้ได้ระหว่างด้านสาธารณสุขกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ อีกทั้งต้องติดตามการดำเนินการตามสถานการณ์ความเป็นจริงและสื่อสารกับประชาชน”  โฆษกศบค. กล่าว

ด้านพล.อ. สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 กล่าวว่า จากการหารือฝ่ายความมั่นคงและเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันว่าต้องการมีกฎหมายพิเศษใช้ควบคุมโรคอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากสถานการณ์โลกยังมีผู้ติดเชื้อเฉลี่ยวันละ 2 แสนคน 

เลขาธิการสมช. กล่าวว่า ขณะนี้ไทยเริ่มเปิดประเทศมากขึ้น อาทิ การรับแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานและอนุญาตให้ต่างชาติ เข้ามาจัดประชุมและถ่ายทำภาพยนตร์ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยด้านสาธารณสุขด้วย โดยเฉพาะการต้องกักตัว 14 วัน ที่ต้องใช้กฎหมายพิเศษมาดูแล และเพื่อให้เกิดความสบายใจการต่ออายุออกปีอีก  1 เดือน จะไม่บังคับใช้ข้อกำหนดตามมาตรา 9 ทั้ง 6 ข้อ 

“ศบค.ไม่ได้ต่ออายุพ.ร.ก.ฉุกเฉินเพื่อห้ามการชุมนุม แต่แสดงเจตนาบริสุทธิ์ เพื่อใช้ควบคุมโรคเพียงอย่างเดียวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าจะอนุญาตให้ชุมนุมได้โดยอิสระ การชุมนุมต้องปฏิบัติตามกฎหมาย และต้องขออนุญาตตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) วันอังคารหน้า(28 ก.ค.) ส่วนผู้ที่เคยถูกดำเนินคดีตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ต้องขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำอยากให้ทำความเข้าใจว่าเหตุผลที่ต่ออายุพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพื่อความจำเป็นในการควบคุมโรคเท่านั้น” พล.อ. สมศักดิ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตร.เร่งขยายผลปมอธิการบดี ม.ดัง ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น

สน.บางซื่อ 12 ก.ย. – อธิการบดีมหาวิทยาลัยชื่อดัง กลายเป็นเหยื่อมิจฉาชีพออนไลน์ ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น สูญเงินกว่า 38 ล้านบาท ตำรวจนครบาลเร่งสอบสวน อายัดเงินทันกว่า 3 ล้านบาท ขยายผลโยงบัญชีม้ากว่า 20 บัญชี จากกรณีอธิการบดีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ถูกเครือข่ายมิจฉาชีพหลอกลงทุน เสียหายกว่า 38 ล้านบาท พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 และ พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางมาร่วมสอบปากคำผู้เสียหายด้วยตัวเอง ที่สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ ช่วงเที่ยงที่ผ่านมา พล.ต.ต.พัลลภ เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าว พนักงานธนาคารได้ตรวจพบความผิดปกติการถอนเงินจากบัญชีผู้เสียหาย แล้วโอนเงินไปยังบัญชีอื่น 3 บัญชี ซึ่งเป็นบัญชีนิติบุคคล หรือบริษัท เป็นจำนวนเงินกว่า 1 ล้าน 9 แสนบาท จึงได้อายัดไว้ก่อนและติดต่อจากศูนย์ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบไปยังผู้เสียหาย ก่อนทราบว่าผู้เสียหายได้เอาเงินไปลงทุนเทรดหุ้น พร้อมให้ผู้เสียหายตรวจสอบว่า เงินที่โอนไปลงทุนนั้นสามารถถอนออกจากบัญชีในระบบบริษัทได้หรือไม่ ปรากฏว่าผู้เสียหายไม่สามารถถอนเงินได้ เจ้าหน้าที่จึงแน่ใจว่าถูกเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง […]

“เฉลิมชัย” ไขก๊อกหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว

พรรคประชาธิปัตย์ 12 ก.ย.-“เฉลิมชัย” ไขก๊อกจากหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว ด้าน “ชัยชนะ” ยันไม่มีขัดแย้ง ในพรรครักกันดี ไม่มีแพแตก นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ยื่นหนังสือลาออกจากหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ว่า ตนก็เพิ่งทราบข่าว โดยไม่ได้มีการบอกกล่าวล่วงหน้ามาก่อน แต่ยืนยันว่าในพรรคไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งอะไร รักกันดี ทุกคนแต่การตัดสินใจลาออกครั้งนี้เป็นอย่างไรต้องไปถามนายเฉลิมชัยเอง แต่ยืนยันว่า หัวหน้าพรรคกรรมการบริหารพรรค ทุกคนมีความรักใคร่กันดี และตนเชื่อว่านายเฉลิมชัยก็เป็นคนหนึ่งที่รักพรรคประชาธิปัตย์ และทำงานให้กับพรรคมาโดยตลอด ซึ่งตนก็รู้สึกเสียดายและใจหายซึ่งที่ผ่านมานายเฉลิมชัย ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณหรือบอกอะไร สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ จะดำเนินการอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า ก็ต้องดำเนินการตามข้อบังคับพรรคและตามกฎหมาย โดยต้องเรียกประชุมวิสามัญ เพื่อนเลือก หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคใหม่เมื่อถามว่าบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องทำหน้าที่กันต่อไป ส่วนกรรมการบริหารพรรคก็มาเลือกคัดสรรกันใหม่ และหลังจากนี้ต้องรอดูว่าใครจะเข้ามาบริหารพรรค และกำหนดนโยบายทิศทางพรรคอย่างไร แต่ตนก็เป็นสมาชิกพรรคคนหนึ่งที่ยังยืนหยัด อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อถามว่าการที่นายเฉลิมชัย ลาออกตอนนี้ เป็นสัญญาณอะไรหรือไม่เนื่องจาก มีไทม์ไลน์ จะยุบสภา ภายใน สี่ เดือน จะไปสังกัดพรรคอื่นหรือไม่ ได้ชัยชนะกล่าวว่าอย่ามองเช่นนั้น เพราะตนเชื่อว่านายเฉลิมชัย […]

“รมต.สุชาติ​” ตั้งสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน-​สีกา

ทำเนียบ 12 ก.ย.- “รมต.สุชาติ​” ตั้งคณะกรรมการสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน​-​สีกา​ หลังถูกร้องสะพัดว่อนโซเชียล​ คาด​ไม่เกิน​ 1 สัปดาห์รู้ผล​ ย้ำให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย นายสุชาติ​ ตันเจริญ​ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเปิดเผยว่า​ มีข้อร้องเรียน ถึงพฤติกรรมของเจ้าอาวาส วัดโสธรวรารามวรวิหาร เกี่ยวกับการประพฤติปฏิบัติไม่ถูกต้อง เข้าข่ายกระทำความผิดพระธรรมวินัย อีกทั้งยังมีข้อมูลเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ โดยการร้องเรียนเป็นเรื่องทรัพย์สินและเรื่องสีกา ซึ่งเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ เป็นเจ้าคณะจังหวัด และเป็นพระสังฆาธิการด้วย ดังนั้นจึงต้องให้ความเป็นธรรม ทั้งกับผู้ร้องและประชาชน รวมถึงตัวเจ้าอาวาสด้วย เพราะหากไม่เป็นความจริงจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ตนจึงได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นประธาน​ ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบหาข้อเท็จจริงให้ปรากฏ​ โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูง​ รวมถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ​ และให้ผู้ตรวจของสำนักนายกรัฐมนตรีเข้าไปเป็นคณะกรรมการด้วย เพราะไม่ทราบว่าในโลกออนไลน์พูดเพื่อความสนุกสนานหรือไม่ แต่ยอมรับว่าตนก็ได้ยินเรื่องนี้มานาน มีเค้าโครง​ ยืนยันว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และให้ผู้ร้องสบายใจ​ แต่หากเจ้าอาวาสทำผิดก็ต้องแบบว่าไปตามระเบียบกฎหมาย และต้องแจ้งให้สำนักงานพระพุทธศาสนาดำเนินการต่อไป เมื่อถามว่าวางกรอบระยะเวลาการตรวจสอบไว้เท่าใด นายสุชาติ​ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้วาง แต่คาดว่าไม่น่าจะเกิน 1 สัปดาห์ เพราะจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นพื้นที่ของตน ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้ และตนก็เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ประชาชนเลือกมาเป็นผู้แทน […]

นายกฯ โต้ข่าวเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา เชื่อปชช.เข้าใจ

เมืองทองธานี 12 ก.ย.- นายกฯ โต้ข่าว เปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา บอก ขอเป็นรัฐบาลอย่างเป็นทางการก่อน ชี้ ขั้นตอนยังมีอีกเยอะ เชื่อประชาชนเข้าใจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสความชัดเจนในการเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ทำไมข่าวออกไปอย่างนั้นก็ไม่รู้ ไปบิดเบือน เท่าที่ตนดู พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ก็ยังไม่ได้พูดอะไรชัดเจนขนาดนั้น ต้องคำนึงถึงประชาชนคนไทยเป็นหลักก่อนอยู่แล้ว เมื่อถามถึง กระแสการต่อต้านการเปิดด่าน นายกรัฐมนตรีระบุ ขอให้ตนเข้าไปรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้เรายังไม่สามารถให้นโยบายอะไรได้ และการกระทำต่างๆ ยังถือว่าอยู่ภายใต้รัฐบาลปัจจุบันอยู่ ยังไม่ใช่รัฐบาลของตน เมื่อถามต่อว่า ท่าทีของ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาค 2 และ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ที่คัดค้านการเปิดด่าน เพราะอาจจะเป็นการส่งเสริมบ่อนการพนันและสแกมเมอร์ นายอนุทิน กล่าวว่า เท่าที่ตนทราบไม่ได้อยู่ดี ๆ จะไปเปิดด่านได้เลย เพราะต้องมีการบรรลุข้อตกลงอะไรอีกเยอะแยะ เมื่อปฏิบัติ ซึ่งต้องรอคณะรัฐบาลของตนเข้าปฏิบัติที่อย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้ตนยังไม่สามารถไปสั่งการหรือให้นโยบายอะไรได้ เมื่อถามว่า […]

ข่าวแนะนำ

จับตาเวทีหารือปราบสแกมเมอร์

15 ก.ย. – พรุ่งนี้ (16 ก.ย.) ต้องเกาะติดการประชุมความร่วมมือไทย-กัมพูชา วางแนวทางปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและสแกมเมอร์ ที่ จ.สระแก้ว ต่อยอดการประชุม GBC ที่เกาะกง เมื่อ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ยืนยันปิดด่านชายแดนกัมพูชาเป็นหนึ่งในยุทธวิธี

เชียงใหม่ 15 ก.ย. – แม่ทัพภาค 2 บรรยายพิเศษที่เชียงใหม่ ปลุกพลังรักชาติของคนไทย ยืนยันปิดด่านชายแดนกัมพูชาเป็นหนึ่งในยุทธวิธี พร้อมให้ข้อมูลแนวหน้าและคำแนะนำกับรัฐบาล ช่วงบ่ายวันนี้ (15 ก.ย.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 พร้อม พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ร่วมบรรยายพิเศษ บอกเล่า “เรื่องจริงจากชายแดน” ที่หอประชุมทีปังกรรัศมีโชติ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ศูนย์แม่ริม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ มีนักเรียน นักศึกษา ประชาชนชาวเชียงใหม่ และนักศึกษาวิชาทหาร กว่า 2,000 คน รอให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น โดยแม่ทัพภาคที่ 2 ได้พูดคุยกับคุณยายที่มารอต้อนรับ พร้อมสวมกอดคุณยายอย่างเป็นกันเอง และยังมอบลายเซ็นลงบนรูปถ่ายของตนที่คุณยายเตรียมมาด้วย พล.ท.บุญสิน ได้กล่าวสดุดีเหล่าทหารกล้าที่เสียสละเพื่อแผ่นดินไทย แสดงความเสียใจต่อประชาชนผู้สูญเสีย พร้อมประณามการกระทำของทหารกัมพูชาที่โจมตีเข้ามาด้วยอาวุธหนักโดยไม่เลือกเป้าหมาย พร้อมเน้นย้ำกับน้องๆ เยาวชนคนรุ่นใหม่ที่มาร่วมฟังบรรยายในวันนี้ว่าขอให้ยึดมั่นใน 3 สถาบันหลักของชาติ มีความรักชาติหวงแหนในผืนแผนดินไทย จงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และช่วยกันทำนุบำรุงศาสนา ร่วมแรงร่วมใจสามัคคีกันเป็นพลังให้ประเทศไทยก้าวผ่านหลากหลายความท้าทายในสถานการณ์ปัจจุบันไปให้ได้ ส่วนการเปิดด่านชายแดน […]

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

“อนุทิน” ย้ำนำรายชื่อ ครม.ทูลเกล้าฯ ภายในสัปดาห์นี้

สภาอุตสาหกรรมฯ 15 ก.ย.-“อนุทิน” ย้ำนำรายชื่อ ครม.ทูลเกล้าฯ ภายในสัปดาห์นี้ ปัดตอบใครขาดคุณสมบัติบ้าง แต่ยืนยันนิ่งและครบแล้ว เผยหลังถวายสัตย์ฯ พร้อมแถลงนโยบายต่อสภาทันที เพื่อเดินหน้าทำงานโดยเร็ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าในการเตรียมร่างคำแถลงนโยบายต่อรัฐสภา จำเป็นจะต้องเชิญพรรคร่วมรัฐบาลหารือด้วยหรือไม่ ว่า ตอนนี้ได้มีการยกร่างคำแถลงขึ้นมาแล้ว และได้ส่งเนื้อหาในส่วนของกระทรวงที่แต่ละคนรับผิดชอบ ให้พรรคร่วมรัฐบาลพิจารณา เพื่อนำไปสู่การแก้ไขเพิ่มเติม หรือตัดอะไรที่อาจจะเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของรัฐมนตรีที่กำกับดูแลกระทรวงนั้นๆ เพื่อให้เกิดความมั่นใจกับเขามากที่สุด จะได้เข้ามาทำงานได้ ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า สไตล์คนละพรรคแต่พวกเดียวกันใช่หรือไม่ นายอนุทิน หัวเราะ แต่ไม่ได้ตอบคำถาม เมื่อถามถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบประวัติของคณะรัฐมนตรี ขณะนี้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้รายงานกลับมาแล้วใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ใกล้แล้ว เรียกได้ว่ารายชื่อ 100% แล้ว เหลือเพียงการตรวจสอบประวัติ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติก่อนนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย โดยยืนยันว่าจะต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายภายในสัปดาห์นี้ ส่วนขั้นตอนการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา นายอนุทิน กล่าวว่า เมื่อนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายแล้วก็สุดแล้วแต่ท่าน แต่ทันทีที่โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมลงมาก็จะต้องรอการเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ จากนั้นก็จะเร่งแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ถึงจะสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมร่างแถลงนโยบายต่อสภาไว้แล้ว ทันทีเมื่อพร้อมก็สามารถให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรนัดหมายวันประชุมได้ทันที ขณะเดียวกัน นายอนุทิน ยังยืนยันด้วยว่า ขณะนี้รายชื่อคณะรัฐมนตรีครบและนิ่งแล้ว ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า […]