
มหกรรมนครศรีฯดีจังฮู้ พลิกเสี่ยงเป็นพลังบวก
ชูมหกรรมนครศรีฯดีจังฮู้ “Forum Youth for Change เยาวชนเปลี่ยนได้”ยกระดับกิจกรรมเด็กเยาวชนสร้างสรรค์ พลิกเสี่ยงเปลี่ยนเป็นพลังบวก
ชูมหกรรมนครศรีฯดีจังฮู้ “Forum Youth for Change เยาวชนเปลี่ยนได้”ยกระดับกิจกรรมเด็กเยาวชนสร้างสรรค์ พลิกเสี่ยงเปลี่ยนเป็นพลังบวก
กรุงเทพฯ 30 ก.ย.-ผอ.รร.ดัง เผยทำความเข้าใจกันแล้วระหว่างครูและลูกศิษย์ในคลิป รวมทั้งผู้ปกครอง ทุกคนที่เข้าใจว่าเป็นการตักเตือนตามปกติ และย้ำครูว่าในช่วงนี้ให้หลีกเลี่ยงสิ่งที่ อ่อนไหวทางสังคม เพราะอาจกระทบกระเทือนจิตใจเด็กได้ ดร.วิสิทธิ์ ใจเถิง ผู้อำนวยการโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย กรณีมีการโพสต์และแชร์กันว่ามีครูทำโทษนักเรียนและว่ากล่าวตักเตือนด้วยถ้อยคำไม่เหมาะสม ว่า เหตุดังกล่าวเป็นเรื่องที่ครูฝ่ายปกครอง ประจำชั้นเรียนนั้น มีอายุมากแล้วและสอนเด็กมาหลายรุ่น สั่งสอนเด็กให้รู้ว่าสิ่งใดควรไม่ควร ส่วนการตีเด็กด้วยไม้บรรทัดที่เห็นในคลิปเป็นการตกแต่งคลิป ให้มีเสียงและเกิดความรุนแรงเพราะไม้บรรทัดที่ใช้เรียกว่าไม้บรรทัดเจลลี่ซึ่งมีความอ่อนนุ่ม ส่วนที่มีการไปโพสต์เพิ่มเติมว่าให้เด็กกราบเท้าขอโทษนั้น ก็ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ตนจึงอยากให้สังคมพิจารณาทำความเข้าใจด้วย สำหรับนักเรียนผู้ที่โพสต์คลิปนี้ ยอมรับว่าต้องการโพสต์เล่นๆในกลุ่มเพื่อน สะท้อนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโรงเรียนแห่งหนึ่งที่ครูทำร้ายนักเรียน ไม่ได้มีเจตนาร้าย หรือโกรธครูแต่อย่างใด และครูก็ไม่ได้ทำด้วยอารมณ์ ด้านผู้ปกครองของเด็กในคลิปก็มาทำความเข้าไจกับโรงเรียนแล้วว่าไม่ใช่เป็นไปตามที่โพสต์กัน ขณะที่เด็กทั้งชั้นเรียนก็ร่วมกันขอโทษครูแล้ว และทุกห้องเรียนมีกลุ่ม LINE สื่อสารกันเข้าใจหมดแล้ว ซึ่งโรงเรียนได้ดำเนินการตามระเบียบตั้งคณะกรรมการสอบสวนและเชิญทุกฝ่ายมาพูดคุยกับเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ส่วนครูคนดังกล่าวยอมรับว่าอาจมีการใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสมไปบ้างซึ่งตนได้ตักเตือนว่ากล่าวไปแล้วและรับว่าไม่ทำอีก และว่าในใจจริงแล้วอยากให้เด็กรู้จักผิดชอบชั่วดีรู้ว่าสิ่งใดควรไม่ควร ผอ.รร.บดินทรเดชา ยังให้ความเห็นกรณีเด็กและผู้ใหญ่มีความคิดเห็นแตกต่างกันในประเด็นสังคมและการเมือง ว่า อันตรายและน่าเป็นห่วงสังคมไทยมาก เพราะมีผู้ปกครองหลายคนแสดงความเห็นว่าในครอบครัวก็มีลักษณะเช่นนี้เหมือนกัน และว่าในส่วนของโรงเรียนนั้น มีการเปิดเวทีให้เด็กแสดงความคิดเห็นอยู่ตลอดเวลา หรือ “บดินทรฟอรั่ม” และส่งต่อให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการรับทราบด้วย ทั้งเรื่องการปรับการเรียนการสอน ลดการบ้าน ระเบียบวินัยต่างๆ แต่ถ้าเป็นบุคคลภายนอกนั้น ทางโรงเรียนคงไม่อนุญาตเพราะห่วงเรื่องความปลอดภัยของเด็กเช่นเดียวกับความเห็นของผู้ปกครองส่วนใหญ่ […]
เชิญชวนผู้สนใจเข้าร่วมประกวดหนังสั้น “สะพานสู่ภาษาจีน” ปี 2020 เพื่อแสดงถึงความสัมพันธ์ “จีนไทยดั่งญาติมิตร” บอกเล่าเรื่องราวมิตรภาพอันงดงามของประชาชนชาวไทยและชาวจีน
นักเรียน-ครูโรงเรียนดังแต่งดำ ผูกโบชมพูขับไล่ ผอ. แต่งตั้งไม่เป็นธรรม ส่อทุจริต เรียกร้องนายกฯ -รมว.ศึกษา ร่วมถกขีดเส้นเย็นวันนี้
สถาบันมะเร็งฯ 30 ก.ย.-สถาบันมะเร็งฯ ตรวจสอบข้อเท็จจริง หลังมีข่าวปรากฏในสื่อต่างๆ เรื่อง “การสัมผัสสารกันบูดในปลาทูนึ่งทำให้เป็นมะเร็งที่มือ” พบว่าข้อมูลนี้ไม่เป็นความจริง นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า สารกันบูดเป็นสาร ที่ช่วยยืดอายุการเก็บรักษาโดยการทำลายหรือยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ที่เป็นสาเหตุการเน่าเสียของอาหาร ตัวอย่างของสารกันบูด เช่น กรดเบนโซอิก กรดซอร์บิก พาราเบนส์ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์และซัลไฟต์ เป็นต้น สารกันบูดที่อนุญาตให้ใช้จะผ่านการประเมินความปลอดภัยและมีการกำหนดปริมาณที่บริโภคได้ต่อวัน นอกจากนี้ยังมีการสุ่มตรวจหรือสำรวจปริมาณการตกค้างของสารเหล่านี้ให้อยู่ในค่าไม่เกินมาตรฐาน จากกรณีที่เป็นข่าวว่าการสัมผัสสารกันบูดในปลาทูทำให้เป็นมะเร็งที่มือนั้น จากการตรวจสอบข้อมูล พบว่า ยังไม่มีหลักฐานหรือข้อมูลวิชาการที่บ่งชี้ว่าการสัมผัสสารกันบูดส่งผลให้เกิดมะเร็งผิวหนัง นพ.จินดา โรจนเมธินทร์ ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวเสริมว่า กระบวนการผลิตปลาทูนึ่ง ถือเป็นการถนอมอาหารอยู่แล้วซึ่งจะช่วยรักษาคุณภาพปลาทูไว้ทำให้สามารถเก็บไว้ได้ในระยะหนึ่งโดยไม่จำเป็นต้องใส่สารกันบูด อย่างไรก็ตาม หากมีแผลที่มือควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสสารเคมีต่างๆ เพราะจะทำให้การหายของแผลช้าลง เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ควรเลือกซื้อปลาทูนึ่งจากแหล่งผลิตที่น่าเชื่อถือ และก่อนรับประทานควรนำมาผ่านความร้อนทุกครั้ง.-สำนักข่าวไทย
“นพ.ธนรักษ์” เผยประเด็นการกลายพันธุ์ของเชื้อโควิด-19 ยังไม่มีหลักฐานว่าเชื้อกลายพันธุ์มีการแพร่เร็วกว่า หรือรุนแรงกว่าแต่อย่างใด ส่วนวัคซีนอีก 6 เดือน จะรู้ว่าทำการทดลองในระยะสามได้ผลอย่างไร
สธ.30ก.ย.- รองอธิบดีกรมควบคุมโรค แจงประเด็นกักตัว 14 วัน เหมาะสมที่สุดในขณะนี้ นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงการกักตัวผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เดินทางมาจากต่างประเทศว่าควรจะเป็น 14 วัน ลดลงเหลือ 7 วันหรือเพิ่มมากขึ้น ว่าแม้บางประเทศจะลดเวลากักตัวลงเหลือไม่เกิน 7 วัน นั่นเป็นเหตุผลทางเศรษฐกิจ แต่ในลักษณะของการติดเชื้อโควิด-19 โดยเฉลี่ยแล้ว ระยะที่มีเชื้อเพิ่มจำนวนมากที่สุดคือ 1-17 วัน และเป็นเปอร์เซ็นต์น้อยมาก ที่จะพบเชื้ออยู่นาน ซึ่งเคยพบเชื้ออยู่นานมากถึง 83 วัน ในผู้ป่วยบางรายเท่านั้น ส่วนการตรวจเจอเชื้อได้ใหม่อีกครั้งหนึ่ง ขอย้ำว่านั่นไม่ใช่การติดเชื้อใหม่ กล่าวคือปริมาณเชื้อจะเยอะที่สุดในสัปดาห์ที่ 1-2 ของการเริ่มมีอาการ ซึ่งคือประมาณไม่เกิน 17 วัน ส่วนการตรวจเจอเชื้อหลังจาก 15 วันแล้วโอกาสที่พบจะเป็นซากเชื้อ หรือเชื้อที่ตายแล้วเป็นส่วนมากเพราะฉะนั้นสถานการณ์ของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกประมาณ 34 ล้านคนโอกาสจะตรวจพบผู้ติดเชื้อ ที่บางคนอาจบอกว่าติดเชื้อซ้ำ ถึงยังตอบไม่ได้ว่าเป็นการติดเชื้อโควิด-19 ใหม่ หรือติดมาสักระยะหนึ่งแล้ว วิธีที่จะรู้ได้คือตรวจหาระดับภูมิคุ้มกันหรือแอนติบอดี “จึงเป็นเหตุผลที่ว่าการกักตัว 14 […]
สธ.30 ก.ย.-รองอธิบดีกรมควบคุมโรค เผยยังตอบยากว่าโควิด-19ของไทยจะมีการระบาดระลอก2 หรือไม่ แต่ให้ดูตัวอย่างประเทศที่มีและจัดการได้ดี ก็ไม่จำเป็นต้องมีผู้ป่วยมากเช่น นิวซีแลนด์และเวียดนาม ดังนั้นช่วงนี้ขอให้ทุกภาคส่วนเข้มมาตรการ องกันการลักลอบเข้าประเทศ โดยเฉพาะ 10 จังหวัดชายชายแดน ไทย-เมียนมา นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขแถลงสถานการณ์ไวรัสโคโรนา 2019 ประจำวันที่ 30 กันยายน ว่า วันนี้ไทยมีผู้ป่วยผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 5ราย มาจากซูดาน 1ราย อินเดีย3ราย คูเวต 1ราย ทุกรายอยู่ในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ ยอดผู้ป่วยสะสม 3,564ราย นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า สถานการณ์ในเมียนมาที่มีความรุนแรงเพิ่มขึ้นถ้ายังควบคุมไม่ได้จะมีผลกระทบกับประเทศไทย โดยเฉพาะมีผู้ที่พยายามเข้าเมืองผิดกฎหมายในเมียนมาเข้าออกในไทยอยู่ เนืองๆ โดยเฉพาะ 10จังหวัด เขตติดต่อชายแดน อยากให้เตรียมความพร้อม ซักซ้อมรับมือทุกภาคส่วน ทั้งรัฐและเอกชน และอย่าประมาท แม้ในจุดที่มีสถานการณ์แพร่ระบาด ในเมียนมา ยังอยู่ห่างชายแดนพอสมควร “เราต้องช่วยกันสอดส่อง งด นำแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายเข้าประเทศ อย่างเด็ดขาด ฝ่ายความมั่นคง ควรร่วมมือตรวจจับ กับภาคเอกชน ร่วมมือโรงงานสถานประกอบการ […]
ทีมผู้บริหารเครือโรงเรียนสารสาสน์ แถลงขอโทษที่ทำให้ผู้ปกครองผิดหวัง เสียใจและยอมรับผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ขอแก้ตัว แต่ขอโอกาสแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาด เพื่อระบบการศึกษาที่ดีในอนาคต
ศธ.30 ก.ย.-กระทรวงศึกษาฯ ทำบันทึกข้อตกลงร่วมกับทางโรงเรียนสารสาสน์ฯ รับผิดชอบเยียวยา ผู้ปกครองเเละนักเรียนที่กระทบจากเหตุการณ์ครูทำร้ายนักเรียน รร.ยืนยันคืนค่าเทอมนี้ เเละรับผิดชอบทางการเเพทย์ตามจำนวนที่จ่ายจริง พร้อมจัดมาตรการป้องกันเหตุซ้ำ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เรียกนายพิสุทธิ์ ยงค์กมล ลูกชายของผู้ก่อตั้้งโรงเรียนในเครือสารสาสน์ พร้อมผู้บริหารของโรงเรียนในเครือฯ เข้าชี้เเจงแนวทางการเเก้ปัญหาเรื่องครูทำร้ายนักเรียน ก่อนทำข้อตกลงเป็นหนังสือแจงรายละเอียด ภายหลังการหารือนานกว่า 4 ชั่วโมง รมช.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ล่าสุดได้ทำหนังสือข้อตกลงหลังผู้ปกครองทำข้อเสนอมายังกระทรวงศึกษาธิการ โดยทางโรงเรียนยืนยันความรับผิดชอบ เเบ่งเป็น 2 กรณีใหญ่ แบ่งเป็น กรณีเเรกทางฝ่ายผู้ปกครองในห้องเรียนของบุตรหลานที่ถูกกระทำและยังประสงค์จะให้บุตรหลานเรียนที่โรงเรียนต่อนั้น ทางโรงเรียน 1.พร้อมคืนค่าธรรมเนียมในทุกกรณี ของปีการศึกษา 2563 โรงเรียนเร่งติดตั้งกล้องวงจรปิดเเละมีจอมอนิเตอร์ ในโรงอาหาร เพื่อให้ผู้ปกครองสังเกตการณ์ และหลังจากนั้นจะทำเป็นออนไลน์ให้ดูกล้องได้ ทำป้ายชื่อ รูปภาพ และตำเเหน่ง ใบอนุญาต ประกอบวิชาชีพครู ทุกคน ติดหน้าห้องเรียนทุกห้องเเละเผยเเพร่ในเว็บไซต์ของโรงเรียน โรงเรียนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ทั้วร่างก่ยและจิตใจของนักเรียนที่ถูกกระทำและได้รับผลกระทบเต็มจำนวนที่จ่ายจริง จัดนักจิตวิทยาประจำโรงเรียนเพื่อเยียวยาและฟื้นฟูจิตใจให้กับนักเรียนที่ได้รับผลกระทบ และประเมินพร้อมส่งให้ผู้ปกครองทราบทุกภาคเรียน อนุญาตให้ผู้ปกครอง เข้าตรวจสอบสุขอนามัยของนักเรียนในโรงเรียน เเต่ต้องไม่รบกวนการเรียนการสอนเเละการใช้ชีวิตของนักเรียน จัดอาหารกลางวันตามหลักโภชนาการ โดยเเจ้งรายการอาหารให้ผู้ปกครองทราบล่วงหน้า1 สัปดาห์ เเละเพิ่มเวลากินอาหารจากเดิม30 นาทีเป็น40 […]
สวพ.FM91 และ JS100 รายงานการจราจร เช้าวันพุธ (30 ก.ย.) ถนนรัตนาธิเบศร์ขาเข้า ไปแยกแคราย ติดขัดมาก ท้ายแถวสะสมอยู่ที่กลางสะพานพระนั่งเกล้า
กรมอุตุฯ ระบุไทยยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ทะเลอันดามันตอนบนคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 60%