กรุงเทพฯ 25 ก.พ. – ธปท.เผยเศรษฐกิจไทยในเดือนมกราคม 2564 ได้รับผลกระทบชัดเจนขึ้นจากการระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่ ทำให้การฟื้นตัวไม่ทั่วถึงมากขึ้น อย่างไรก็ดี ผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวมไม่รุนแรงเท่าการระบาดรอบแรก
น.ส.ชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในเดือนมกราคม 2564 ได้รับผลกระทบชัดเจนขึ้นจากการระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่ ทำให้การฟื้นตัวไม่ทั่วถึงมากขึ้น อย่างไรก็ดี ผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวมไม่รุนแรงเท่าการระบาดรอบแรก โดยเครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนปรับตัวแย่ลง เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน ตามการใช้จ่ายที่ปรับตัวแย่ลงในทุกหมวด โดยเป็นผลจากการระบาดระลอกใหม่ของ COVID-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อปัจจัยสนับสนุนกำลังซื้อภาคครัวเรือน ทั้งการจ้างงาน รายได้ และความเชื่อมั่น ประกอบกับมาตรการควบคุมการระบาดของภาครัฐส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจลดลง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการบังคับใช้มาตรการอย่างเข้มงวด อย่างไรก็ดี ผลกระทบต่อการบริโภคจากการระบาดระลอกใหม่ยังไม่รุนแรงเท่ากับรอบแรก ด้านการผลิตภาคอุตสาหกรรมหดตัวใกล้เคียงกับเดือนก่อน โดยการหดตัวมาจากการผลิตหมวดปิโตรเลียม หมวดอาหารและเครื่องดื่ม และหมวดยานยนต์ เป็นสำคัญ
ขณะเดียวกัน ภาคการท่องเที่ยวยังหดตัวต่อ โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศหดตัวสูงต่อเนื่องจากระยะเดียวกันปีก่อน จากมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศของไทยที่ยังมีอยู่ ประกอบกับการระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่ในประเทศ ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางเข้าไทยยังมีจำนวนไม่มาก แม้ภาครัฐได้ทยอยผ่อนคลายมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศไปบ้างแล้วในช่วงก่อนหน้า
อย่างไรก็ดี การส่งออกสินค้าที่ไม่รวมทองคำขยายตัวดีขึ้นตามทิศทางของอุปสงค์ประเทศคู่ค้า มูลค่าการส่งออกขยายตัวร้อยละ 5.5 โดยเป็นการขยายตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อน ตามการฟื้นตัวของอุปสงค์ประเทศคู่ค้า ส่งผลให้การส่งออกขยายตัวได้ต่อเนื่องในหลายหมวดสินค้า โดยเฉพาะหมวดยานยนต์และชิ้นส่วน หมวดเครื่องใช้ไฟฟ้า และหมวดสินค้าเกษตรแปรรูปที่ขยายตัวเร่งขึ้น ประกอบกับสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ได้รับผลดีจากการฟื้นตัวของวัฏจักรอิเล็กทรอนิกส์โลก ทั้งนี้ การส่งออกที่ฟื้นตัวได้ต่อเนื่องในช่วงที่เกิดการระบาดระลอกใหม่ภายในประเทศ มีส่วนสำคัญที่ทำให้ผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวมไม่รุนแรงเท่าการระบาดรอบแรก
ด้านมูลค่าการนำเข้าสินค้ากลับมาหดตัวร้อยละ 6.9 จากระยะเดียวกันปีก่อน หากไม่รวมการนำเข้าทองคำที่กลับมาขยายตัว มูลค่าการนำเข้าหดตัวสูงขึ้นเป็นร้อยละ 11.1 ตามการนำเข้าที่หดตัวสูงในเกือบทุกหมวดสินค้าสำคัญจากผลของฐานสูงในปีก่อน อย่างไรก็ดี หลังขจัดปัจจัยฤดูกาล การนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนในเกือบทุกหมวด
ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐขยายตัวต่อเนื่อง โดยรายจ่ายประจำกลับมาขยายตัวตามการเบิกจ่ายเพื่อซื้อสินค้าและบริการ สำหรับรายจ่ายลงทุนขยายตัวชะลอลงตามการเบิกจ่ายของรัฐบาลกลาง ขณะที่การเบิกจ่ายลงทุนของรัฐวิสาหกิจกลับมาขยายตัวได้ ทั้งนี้ เครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนขยายตัวชะลอลงตามความเชื่อมั่นภาคธุรกิจที่ลดลง
ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบมากขึ้น จากราคาอาหารสดที่ปรับลดลง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ด้านตลาดแรงงานปรับตัวแย่ลงจากผลของการระบาดระลอกใหม่ ส่วนหนึ่งสะท้อนจากจำนวนผู้ขอรับสิทธิว่างงานใหม่ในระบบประกันสังคมที่สูงขึ้น สำหรับดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลเล็กน้อยใกล้เคียงกับเดือนก่อน โดยดุลการค้าเกินดุลลดลงจากการนำเข้าทองคำที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ดุลบริการ รายได้ และเงินโอนขาดดุลลดลงจากเดือนก่อน. – สำนักข่าวไทย