กรุงเทพฯ 17 ส.ค. – นายกสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ภาคใต้เผย จำเป็นต้องปรับขึ้นราคาไข่ไก่เนื่องจากต้นทุนสูงขึ้น เฉลี่ยทั้งปียังมีแนวโน้มขาดทุน ที่ ย้ำไม่ใช่การฉวยโอกาสเอาเปรียบผู้บริโภค ผ่านมาร่วมมือกับภาครัฐตรึงราคามาตลอดรวมถึงไม่ต้องกังวล ไข่ไก่มีเพียงพอ ไม่ขาดตลาดแน่นอน
นายสุเทพ สุวรรณรัตน์ นายกสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ภาคใต้กล่าวว่า จำเป็นต้องปรับเพิ่มราคาไข่ไก่หน้าฟาร์ม ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเกษตรกรประสบปัญหาต้นทุนการผลิตสูงขึ้นต่อเนื่อง ทั้งจากโควิด-19 และล่าสุดปัญหาสงครามรัสเซีย – ยูเครนที่ทำให้ราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์เพิ่มขึ้นมาก โดยต้นทุนอาหารสัตว์คิดเป็น 70% ของต้นทุนการผลิตไข่ นอกจากนี้ยังซ้ำเติมด้วยค่าน้ำมัน ค่าไฟฟ้า ค่าพันธุ์สัตว์ที่ปรับสูงขึ้น ดังนั้นต้นทุนการผลิตทั้งทางตรงและทางอ้อมปรับขึ้นหมด
แม้ราคาไข่ไก่จะสูงบางช่วง แต่บางช่วงราคาตกต่ำ เป็นเช่นนี้ทุกปี สำหรับปี 2565 ตั้งแต่เดือนมกราคม-สิงหาคมราคาเฉลี่ยที่หน้าฟาร์มอยู่ที่ประมาณ 3.20 บาทต่อฟอง แต่ต้นทุนที่ล่าสุดคณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์กำลังจะคำนวนใหม่ภายในเดือนนี้ จะปรับสูงขึ้นอีก โดยอาจสูงขึ้นกว่าราคาเฉลี่ยที่ขายได้ทั้งปีด้วยซ้ำไปดังนั้นเกษตรกรยังมีแนวโน้มขาดทุน
สำหรับการปรับขึ้นราคาไข่ไก่นั้น เกษตรกรมีความจำเป็นเพื่อความอยู่รอดของกิจการ มิใช่เพื่อฉวยโอกาสทำกำไรบนความเดือดร้อนของผู้บริโภค โดยเฉพาะผู้เลี้ยงไก่ไข่รายย่อยที่มีสายป่านสั้น หากไม่สามารถปรับราคาตามต้นทุนได้อาจหายไปจากวงจรการผลิตทั้งหมด ทำให้ในระยะยาวอาจเหลือแต่ผู้ผลิตขนาดใหญ่ อีกทั้งที่ผ่านมาให้ความร่วมมือกับภาครัฐ ทั้งการตรึงราคาบรรเทาความเดือดร้อนผู้บริโภค และเข้าร่วมมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาไข่ไก่มาโดยตลอด
พร้อมกันนี้ขอย้ำว่า ไข่ไก่ในประเทศยังมีเพียงพอสำหรับบริโภคในประเทศอย่างแน่นอน แม้จะมีมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาด้วยการปลดแม่ไก่ยืนกรงเร็วขึ้นและการส่งออกไข่ไก่ดังที่ดำเนินการมาก่อนหน้านี้ โดยหากมีแนวโน้มที่ไข่ไก่จะขาดตลาด สามารถยืดอายุการเลี้ยงไก่ไข่เพื่อเพิ่มผลผลิตได้.-สำนักข่าวไทย