กรุงเทพฯ 3 ส.ค.-ธ.ก.ส. โอนเงินค่าสินไหมทดแทนแก่เกษตรกรในโครงการประกันภัยข้าวนาปีและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต 2564 จำนวนกว่า 1.5 พันล้านบาท ช่วยบรรเทาความเสียหายและลดความเสี่ยงด้านการผลิตแก่เกษตรกรกว่า 1.1 แสนราย พื้นที่การเกษตรกว่า 1.2 ล้านไร่
นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. มุ่งสนับสนุนเกษตรกรในการสร้างภูมิคุ้มกันและบริหารจัดการความเสี่ยงด้านการผลิต โดยใช้การประกันภัยพืชผลเป็นเครื่องมือคุ้มครองความเสียหายจากกรณีเกิดภัยธรรมชาติ ได้แก่ ภัยน้ำท่วม/ฝนตกหนัก ภัยแล้ง/ฝนแล้ง/ฝนทิ้งช่วงลมพายุ/พายุไต้ฝุ่น ภัยอากาศหนาว/น้ำค้างแข็ง ลูกเห็บ ไฟไหม้ ช้างป่า และศัตรูพืช/โรคระบาด ประกอบด้วยโครงการประกันภัยข้าวนาปี วงเงินคุ้มครอง จำนวน 1,260 บาทต่อไร่ ยกเว้นกรณีเกิดภัยศัตรูพืช/โรคระบาดคุ้มครอง630 บาทต่อไร่ โครงการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ วงเงินคุ้มครอง จำนวน 1,500 บาทต่อไร่ กรณีเกิดภัยศัตรูพืช/โรคระบาดคุ้มครอง 750 บาทต่อไร่ และมีเป้าหมายในการทำประกันภัยบนพื้นที่การเกษตรทั่วประเทศกว่า 46 ล้านไร่
สำหรับโครงการประกันภัยข้าวนาปีและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต 2564 ใกล้สิ้นสุดระยะเวลาการรับประกันภัยโดย ณ 30 มิถุนายน 2565 ธ.ก.ส. ได้จ่ายค่าสินไหมทดแทนประกันภัยข้าวนาปีไปแล้ว จำนวน 19 ครั้ง เป็นเงินกว่า1,531 ล้านบาท พื้นที่เสียหาย 1.2 ล้านไร่ และประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จำนวน 10 ครั้ง เป็นเงิน 34.7 ล้านบาทพื้นที่เสียหาย 23,141 ไร่ โดยมีเกษตรกรได้รับประโยชน์รวมกว่า 113,668 ราย
ในการดำเนินงาน เมื่อเกษตรกรผู้ทำประกันภัยได้รับความเสียหาย จะแจ้งความเสียหายที่สำนักงานเกษตรอำเภอในพื้นที่ จากนั้นสำนักงานเกษตรอำเภอทำการส่งข้อมูลไปยังสมาคมประกันวินาศภัย เพื่อประเมินข้อมูลความเสียหายเมื่อตรวจสอบครบถ้วนแล้ว สมาคมฯ จะพิจารณาจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามเงื่อนไขภายใน 15 วัน ผ่านระบบ ธ.ก.ส. จากนั้น ธ.ก.ส. จะดำเนินการโอนเงินค่าสินไหมทดแทน เข้าบัญชีเงินฝากของเกษตรกรโดยตรง
นายธนารัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปีการผลิต 2564 มีเกษตรกรให้ความสนใจทำประกันภัยข้าวนาปี จำนวน 3.7 ล้านรายพื้นที่การเกษตรกว่า 43 ล้านไร่ และประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จำนวน 99,339 ราย พื้นที่การเกษตรกว่า 1.6 ล้านไร่ซึ่งช่วยสร้างภูมิคุ้มกันในการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านการผลิตได้เป็นอย่างดี โอกาสนี้ ธ.ก.ส. ขอเชิญชวนเกษตรกรเข้าร่วมโครงการดังกล่าวในปีการผลิต 2565 ที่จะช่วยลดความเสี่ยงด้านการผลิตในสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงด้านภูมิอากาศโลกที่มีแนวโน้มรุนแรงและมีความถี่มากขึ้น.-สำนักข่าวไทย