แจงกฎกระทรวงกำกับดูแลสหกรณ์ช่วยป้องกันทุจริต

กรุงเทพฯ 21 ก.ค.- อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ยืนยันกฎกระทรวงเกษตรฯ ว่าด้วยการกำกับดูแลสหกรณ์ช่วยเสริมความเข้มแข็งและป้องกันทุจริต รักษาผลประโยชน์สมาชิกสหกรณ์ พร้อมป้องกันสมาชิกสร้างหนี้สินล้นพ้นตัว


นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์กล่าวถึงกรณีสันบิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ชะลอการพิจารณาร่างกฎกระทรวงการบริหารจัดการและการกำกับดูแลทางการเงินของสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน พ.ศ… ว่า ร่างกฎกระทรวงดังกล่าวสืบเนื่องจากคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. 2562 ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอและส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ เสนอร่างกฎกระทรวง 5 ฉบับ ต่อมาในการหารือร่วมกัน กฤษฎีกาได้พิจารณาและรวมเหลือเพียงฉบับเดียว และแก้ไขชื่อร่างกฎกระทรวงเป็น ร่างกฎกระทรวงการบริหารจัดการและกำกับดูแลทางการเงินของสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน พ.ศ… ทั้งนี้ขบวนการหารือทั้งหมดในชั้นกฤษฎีกาได้มีการประชุมหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่น้อยกว่า 10 ครั้ง ร่วมกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย

“กฎกระทรวงที่เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาในขณะนี้ เป็นร่างที่ประธานสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย ประธานชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย จำกัด ประธานชุมนุมสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนแห่งประเทศไทย จำกัด ได้รับรู้รับทราบมาโดยตลอด โดยมีการประชุมร่วมกรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ สำนักงานเศรษฐกิจการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยไม่น้อยกว่า 10 ครั้ง และในการประชุมเมื่อ 26 มีนาคม 2564 การหารือได้เห็นพ้องต้องกันทุกประเด็นแล้ว จึงได้นำร่างกฎกระทรวงเสนอต่อคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้ ร่างดังกล่าวกำหนดให้มีผลบังคับใช้แบบผ่อนคลาย บางเกณฑ์ 5 ปี บางเกณฑ์ 10 ปี เพื่อให้ระยะเวลาสหกรณ์ปรับตัว” อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์กล่าว


สำหรับสาระสำคัญและเหตุผลในการกำหนดร่างกฎกระทรวงการบริหารจัดการและการกำกับดูแลทางการเงินของสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน พ.ศ… มีดังนี้ 

1. การนับเงินฝากที่ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์ฯ เป็นสินทรัพย์สภาพคล่อง 

1.1 การกำหนดให้เงินฝากหรือตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกโดยชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์ฯ นับเป็นสินทรัพย์สภาพคล่องได้ร้อยละ 50 เพราะว่าในระบบเงินฝากระหว่างสหกรณ์นั้นมีการเชื่อมโยงกันเป็นเครือข่าย หากเกิดปัญหาสภาพคล่องในสหกรณ์บางแห่งย่อมกระทบต่อสหกรณ์แห่งอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องโดยปริยายเนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมการเงินเดียวกัน 


1. 2 การกำหนดให้เงินฝากหรือตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกโดยชุมชุนสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ นับเป็นสินทรัพย์สภาพคล่องได้ร้อยละ 100 เนื่องจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนที่มีสภาพคล่องส่วนเกินจะนำเงินมากฝากชุมนุมสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯเป็นหลัก โดยมีจำนวนเงินฝากต่อแห่งมีปริมาณไม่สูง และชุมนุมฯ ไม่ได้นำเงินไปลงทุนแต่ละนำไปให้สมาชิกกู้ยืมเป็นหลัก จึงมีความเสี่ยงต่ำ 1.3 ผ่อนปรนการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ใหม่ไว้ 5 ปี   

2. การไม่นำค่าหุ้นมาพิจารณาก่อนประมาณการค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญนั้น เนื่องจากเงินค่าหุ้นเป็นทุนของสหกรณ์ จึงไม่สามารถนำมาใช้เป็นหลักประกันการชำระหนี้ได้ เมื่อไม่สามารถใช้เป็นหลักประกันได้ จึงมาสามารถนำมาหักจากจำนวนหนี้ในการประมาณการค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อสมาชิกพ้นสภาพ ก็สามารถนำค่าหุ้นของสมาชิกรายดังกล่าวมาหักชำระหนี้ได้

3. หลักเกณฑ์และอัตราการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน เนื่องจากสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนเป็นสถาบันการเงิน มีวัตถุประสงค์เช่นเดียวกัน ดังนั้น วิธีปฏิบัติทางบัญชีควรเป็นอย่างเดียวกันซึ่งจะส่งผลต่อการดำเนินกิจการของสหกรณ์นั้น ๆ ในอนาคต หากไม่ได้รับการชำระหนี้ตามกำหนด ก็จะไม่กระทบต่อผลการดำเนินการหรือกำไรในอนาคต เนื่องจากได้ตัดเป็นค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญในปีปัจจุบันไว้แล้ว ซึ่งเป็นหลักความระมัดระวังให้เพียงพอต่อความเสียหายทางเงินที่เกิดขึ้น และจะเป็นผลดีในการส่งเสริมเสถียรภาพและความมั่นคงในการบริหารจัดการของสหกรณ์ในระยะยาวต่อไป ทั้งนี้กฎกระทรวงดังกล่าวได้กำหนดบทเฉพาะกาลเพื่อให้สหกรณ์มีเวลาปรับตัว 10 ปี  

4. การไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้สามัญของสมาชิก เนื่องจากการดำเนินธุรกิจของสหกรณ์ เกิดจากการดำเนินกิจกรรมระหว่างสมาชิกของสหกรณ์เป็นหลัก การกำหนดให้ผู้ค้ำประกันต้องเป็นสมาชิกของสหกรณ์นั้น เนื่องจากสหกรณ์จะทราบศักยภาพของสมาชิกผู้ค้ำประกัน ซึ่งเป็นผลดีต่อการควบคุมกิจการภายในของสหกรณ์ ดังนั้นข้อเสนอให้เพิ่มบุคคลภายนอกและบุคคลในครอบครัวเป็นผู้ค้ำประกัน จึงอาจเกิดความเสี่ยงต่อศักยภาพและการติดตามการชำระหนี้ของผู้ค้ำประกัน 

5. การกำหนดเพดานอัตราดอกเบี้ยเงินรับฝากของสหกรณ์ เพื่อคุ้มครองปริมาณเงินฝากในระบบสหกรณ์ให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับภาวะตลาดการเงิน และเป็นประโยชน์ต่อสมาชิกผู้กู้ เนื่องจากต้นทุนเงินให้กู้ลดลงส่งผลให้ดอกเบี้ยเงินกู้ลดลง  

6. การนำข้อมูลเครดิตมาประกอบการพิจารณาให้เงินกู้เนื่องจากเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อผู้ให้กู้ในการพิจารณาให้สินเชื่อได้อย่างเหมาะสม สอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ รวมถึงความเหมาะสมในการกำหนดวงเงินให้กู้แก่สมาชิก ทั้งนี้ในการอนุมัติเงินกู้ ยังอยู่ในดุลยพินิจของผู้มีอำนาจให้กู้ 

7. การไม่อนุญาตให้นำเงินฌาปนกิจสงเคราะห์มาเป็นหลักประกันเงินกู้สามัญของสมาชิก เนื่องจากหลักประกันด้วยทรัพย์สินนั้น เป็นการเอาทรัพย์สินของตนวางไว้เพื่อเป็นหลักประกันชำระหนี้ จึงต้องมีอยู่ขณะทำสัญญากู้ด้วย เมื่อเงินประกันชีวิตหรือเงินฌาปนกิจสงเคราะห์ เป็นเงินที่ได้รับเนื่องจากเสียชีวิตจึงเกิดสิทธิ์เมื่อเกิดเหตุการณ์ตามเงื่อนไข ดังนั้น จึงไม่อาจนำมาเป็นหลักประกันได้

ทั้งนี้ กระบวนการมีส่วนร่วมของกระบวนการสหกรณ์ต่อร่างกฎกระทรวงนั้น กรมได้มีการดำเนินการหารือด้วยกันหลายครั้งต่อเนื่อง ทั้งก่อนยกร่างและภายหลังที่ ครม.เห็นชอบในหลักการ อาทิ การประชุมรับฟังความเห็นก่อนยกร่างฯ ในวันที่ 2 พ.ค. 62 การเปิดรับฟังทางเว็บไซต์ของ กสส.ระหว่างวันที่ 3-31 พ.ค. 62 และการเปิดประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 14-15 พ.ค. 62 และ 5 ก.พ. 63 กรมส่งเสริมสหกรณ์จัดประชุมหารือร่างกฎกระทรวง 5 ฉบับระหว่างขบวนการสหกรณ์ และจากนั้น คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงตามมาตรา 89/2 เมื่อ 6 ต.ค. 63 สำหรับภายหลังที่ ครม.เห็นชอบหลักการ ได้มีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ประธานสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย ประธานชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย ประธานชุมนุมสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนแห่งประเทศไทย สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย คณะกรรมการกฤษฎีกา จำนวน 8 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2563 ประกอบด้วย ครั้งที่ 1 วันที่ 9 พ.ย. ครั้งที่ 2 วันที่ 17 พ.ย. ครั้งที่ 3 วันที่ 24 พ.ย. ครั้งที่ 4 วันที่ 1 ธ.ค. ครั้งที่ 5 วันที่ 14 ธ.ค. ครั้ง 6 วันที่ 15 ธ.ค. 2563 และครั้งที่ 7 วันที่ 14 ม.ค. 64 ครั้งที่ 8 วันที่ 26 มี.ค. 64 และเมื่อ 26 มี.ค. 64 ที่ประชุมได้เห็นพ้องต้องกันในทุกประเด็น จากนั้น กสส.ได้หารือกับขบวนการสหกรณ์อีกครั้งวันที่ 9 มิ.ย. 64 นอกจากนั้น ยังได้มีการหารือร่วมกันทุกฝ่ายต่อเนื่องอีก 4 ครั้งผ่านการประชุมสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เพื่อพิจารณาข้อสังเกตเพิ่มเติมที่ได้รับจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีระหว่างวันที่ 19 และ 26 ต.ค. และในวันที่ 11 และ 18 พ.ย. 64 .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศบ.ทก. เผย GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย จ่อชง สมช.-ครม.นัดพิเศษ

ทำเนียบ 6 ส.ค.- ศบ.ทก. เผยข่าวดี ที่ประชุม GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย พร้อมเตรียมเสนอให้ สมช. – ครม. นัดพิเศษ พิจารณาเย็นนี้ ก่อน รมช.กห. เดินทางร่วมลงนามพรุ่งนี้ ด้าน กต. เตรียมประชุมทูตทั่วโลก เพื่อชี้แจงสถานการณ์ให้นานาชาติเข้าใจ หลังพาองค์การระหว่างประเทศเยี่ยม 18 เชลยศึก ขณะที่ผ่อนปรนให้โดรนเพื่อการเกษตรบินได้หลัง 15 ส.ค.นี้ พลเรือตรีสุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทบ.) และนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมกับนางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงการณ์ภายหลังจากการประชุมความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พลเรือตรีสุรสันต์ แถลงว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ในส่วนของความมั่นคงในห้วงที่ผ่านมา สถานการณ์โดยทั่วไปอยู่ในสภาวะปกติ มีการเสริมที่มั่นทางทหารในพื้นที่บางส่วน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่มีการเสริมกำลังทหารแต่อย่างใด ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเช่นเดียวกันก็มีการตรวจพบว่ามีการใช้โดรนเพิ่มมากยิ่งขึ้น ในสถานการณ์ไทยห้ามบินโดรนทั่วประเทศ ซึ่งฝ่ายความมั่นคงยังเข้มงวดในการสกัดกั้น ตรวจตรา ตรวจสอบ รวมทั้งดำเนินการตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องด้วย ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ถึงวันที่ 15 […]

กกพ.จี้ MEA แจงปัญหาไฟดับ

กรุงเทพฯ 6 ส.ค. – สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จี้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) แจ้งปัญหาไฟดับเป็นบริเวณกว้าง ด้านประชาชนแห่คอมเมนต์ผลกระทบและต้องการเห็นการชดเชย จากปัญหาความเดือดร้อนคนกรุงเทพฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา (5 ส.ค.) เวลา 22.12 น. เกิดไฟดับเป็นบริเวณกว้างในพื้นที่ย่านสะพานควาย เขตพญาไท ถ.ประดิพัทธ์ และ ถ.พระรามที่ 6 และ MEA แก้ไขจนจ่ายครบเวลา 23.50 น. ทางสำนักงาน กกพ.แจ้งว่าได้ประสานให้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) รายงานข้อเท็จจริง และแนวทางการแก้ไขและป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก ในขณะที่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบต่างระบุเดือดร้อนจากเหตุไฟดับ ต้องการให้ MEA ชี้แจงสาเหตุที่ชัดเจน บางส่วนก็ชื่นชม แก้ปัญหาได้รวดเร็ว บางส่วนก็ต้องการเห็น การชดเชยจาก MEA เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เศรษฐกิจและมีประชาชนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยไฟดับทั้งอาคาร ดับทั้งไฟสาธารณะ ไฟจราจร สัญญาณอินเทอร์เน็ต ทั้งนี้ MEA ชี้แจงเบื้องต้นสาเหตุเกิดจากความขัดข้องทางเทคนิคของอุปกรณ์ในสถานีไฟฟ้าย่อย ในระหว่างการเตรียมการเพื่อปฏิบัติงานปรับปรุงระบบจ่ายไฟฟ้าตามปกติ, ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายหรือภัยคุกคามทางไซเบอร์ สาเหตุที่แท้จริงของอุปกรณ์ขัดข้องจะชี้แจงต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า […]

ตำรวจเตรียมสอบเชิงลึกชาย BHQ หวั่นเป็นไส้ศึก

บุรีรัมย์ 6 ส.ค.-ตำรวจ สอบปากคำชายชาวกัมพูชา พบมีการใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ อ้างเคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อการคำให้การ เกรงแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับ กรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จังหวัดบุรีรัมย์ จับกุมชายชาวกัมพูชา ได้ที่บ้านพักภรรยาคนไทยและมีเครื่องแบบทหารพร้อมตราสัญลักษณ์ BHQ จากการสอบปากคำ เคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว มาทำงานอยู่ไทย แล้วถูกสวมชื่อ จากการตรวจสอบพบมีการใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ ซึ่งแต่ละชื่อไม่ตรงกัน และอ้างว่าเมื่อก่อนเข้ามาอย่างถูกต้อง แต่ล่าสุดมีการลักลอบเข้ามาผ่านช่องทางธรรมชาติทาง จ.สระแก้ว โดยอ้างว่าจ่ายเงินบุคคลที่พาเข้า 4,000 บาท แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อการคำให้การ เกรงว่าอาจจะแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับคอยส่งข้อมูลความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับความมั่นคงของไทย ไปให้ฝั่งกัมพูชา จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์พบมีรูปถ่ายกายแต่งกายทหารและถือปืน เบื้องต้นทางตำรวจจะดำเนินคดีมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต.-สำนักข่าวไทย

GBC หารือใหม่เช้านี้ หลังเมื่อคืนถกถึงเที่ยงคืน

มาเลเซีย 6 ส.ค.-GBC ประชุมใหม่เช้านี้ หลังเมื่อคืน ฝ่ายกัมพูชา ไม่สามารถตัดสินตกลงใจได้ในบางหัวข้อและต้องส่งกลับไปให้พนมเปญพิจารณาต่อ การหารือภายใต้กรอบ GBC ณ เวลา 07.45 น. วันนี้ (ตามเวลาท้องถิ่น) เมื่อคืน คณะเลขานุการ GBC ของทั้งสองฝ่าย ได้เจรจากันถึงเวลา 00.15 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) แต่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ในบางประเด็นสุดท้าย เนื่องจากฝ่ายเลขานุการ GBC ของฝ่ายกัมพูชา ไม่สามารถตัดสินตกลงใจได้ในบางหัวข้อและต้องส่งกลับไปให้พนมเปญพิจารณาต่อ จึงได้นัดประชุมอีกครั้ง เวลา 08.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) วันนี้ เพื่อหาข้อสรุปสำหรับประเด็นดังกล่าว โดยเมื่อเวลา 07.40 น. รัฐมนตรีช่วยกลาโหม ได้โทรศัพท์มาพูดคุยกับคณะเลขานุการ GBC ของฝ่ายไทยติดตามความคืบหน้าในการเจรจา ให้กำลังใจ และชื่นชมในการทำงานอย่างหนักถึงวินาทีสุดท้ายของทีมไทยแลนด์ ขอให้ประสบความสำเร็จในการเจรจา เพื่อบรรลุผลและปกป้องผลประโยชน์ของไทย.-สำนักข่าวไทย