นนทบุรี 11 ก.ค.-กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เผยผลการจัดกิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจไทย-ซาอุดีอาระเบีย เจรจาจับคู่รวม 352 คู่ เกิดยอดตกลงซื้อขายกว่า 11,630 ล้านบาท ระบุอาหาร ก่อสร้าง การดูแลสุขภาพ ค้าปลีก ขนส่ง อัญมณีและเครื่องประดับสุดฮอต เตรียมลุยจัดกิจกรรมกระตุ้นความต้องการสินค้าไทยต่อ ทั้งโปรโมตในห้าง เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม จากนั้น “จุรินทร์” จะนำทีมรัฐและเอกชนไปเจรจาการค้าอีกครั้งช่วงปลายสิงหาคมหรือต้นกันยายนนี้
นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยถึงผลการจัดกิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจ Thai–Saudi Business Matching ที่กรมฯ ได้ดำเนินการร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ตามนโยบายของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ได้มอบหมายให้หาโอกาสในการส่งออกสินค้าไทยไปยังประเทศต่าง ๆ ว่า กรมฯ ได้รับรายงานผลการเจรจาเบื้องต้นแล้ว ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมาย โดยเอกชนซาอุดีอาระเบียจากหอการค้ามณฑลริยาด ที่เข้าร่วมกิจกรรมจำนวน 70 บริษัท ได้มีการเจรจาจับคู่เจรจากับนักธุรกิจไทยกว่า 352 คู่ สามารถสามารถสร้างมูลค่าการซื้อขายทันทีประมาณ 130 ล้านบาท และมูลค่าคาดการณ์ภายในหนึ่งปี อีกกว่า 11,500 ล้านบาท
สำหรับกลุ่มสินค้าและบริการที่ได้รับความสนใจและตกลงซื้อขาย ได้แก่ อาหารและเครื่องดื่ม ก่อสร้าง การดูแลสุขภาพ ค้าปลีก การขนส่ง และอัญมณีและเครื่องประดับ ตามลำดับ โดยคาดว่า หลังจากตกลงซื้อขายกันในครั้งนี้แล้ว จะมียอดการสั่งซื้อเพิ่มขึ้นตามมาอีกในอนาคต เพราะเท่าที่ได้รับรายงานจากการจัดกิจกรรม สินค้าไทยได้รับการชื่นชมว่าเป็นสินค้าดี มีคุณภาพ มีมาตรฐาน และเชื่อว่าจะเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคชาวซาอุดีอาระเบีย
นายภูสิตกล่าวว่า นอกเหนือจากการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ กรมฯ มีแผนจัดกิจกรรมขยายตลาดซาอุดีอาระเบียเพิ่มเติมอีก โดยจะร่วมกับซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำในซาอุดีอาระเบีย ได้แก่ Manuel และ LULU จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าไทย เช่น ข้าว อาหารฮาลาล และผลไม้ เป็นต้น เพื่อให้สินค้าไทยเป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น และจะเร่งประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์สินค้าอาหาร สินค้าฮาลาล สินค้าอุตสาหกรรม สินค้าความงาม ผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม
นอกจากนี้ จะเชิญผู้ซื้อ ผู้นำเข้าจากซาอุดีอาระเบียเข้าร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติในประเทศไทยซึ่งรวมถึงการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในรูปแบบปกติ หรือในรูปแบบไฮบริดและออนไลน์ เช่น งานแสดงสินค้าและบริการด้านโลจิสติกส์ (TILOG VE/TILOG-LOGISTIX) ระหว่างวันที่ 24-26 สิงหาคม 2565 งานแสดงสินค้าเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น (Bangkok RHVAC 2022) และงานแสดงสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 2565 (Bangkok E&E 2022) ระหว่างวันที่ 7-10 กันยายน 2565 และงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ (Bangkok Gems & Jewelry Fair) ระหว่างวันที่ 7-11 กันยายน 2565
ขณะเดียวกัน ได้เตรียมการนำคณะผู้แทนการค้าภาครัฐและภาคเอกชน นำทีมโดยนายจุรินทร์เป็นหัวหน้าคณะ เดินทางไปเยือนซาอุดีอาระเบีย ในช่วงปลายเดือนสิงหาคม หรือต้นเดือนกันยายน 2565 เพื่อขยายโอกาสทางการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย-ซาอุดีอาระเบีย
สำหรับซาอุดีอาระเบียเป็นคู่ค้าอันดับที่ 17 ของไทย และเป็นคู่อันลำดับที่ 2 ของไทยในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยในปี 2565 ไทยและซาอุดีอาระเบียมีมูลค่าการค้าระหว่างกัน 232,757.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.75% โดยเป็นการส่งออก มูลค่า 51,934.34 ล้านบาท ลดลง 0.94% นำเข้า 182,822.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51.72% และในช่วง 5 เดือนปี 2565 (ม.ค.-พ.ค.) การค้าไทย-ซาอุดีอาระเบียมีมูลค่า 122,235.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.56% เป็นการส่งออก มูลค่า 25,697.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.30% และนำเข้ามูลค่า 96,537.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54.31%
สำหรับสินค้าที่ไทยส่งออกไปซาอุดีอาระเบีย 5 อันดับแรกในช่วง 5 เดือนปี 2565 ได้แก่ รถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ ผลิตภัณฑ์ยาง อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล และนำเข้าจากซาอุดีอาระเบีย 5 อันดับแรก ได้แก่ น้ำมันดีบ เคมีภัณฑ์ ปุ๋ยและยากำจัดศัตรูพืชและสัตว์ น้ำมันสำเร็จรูป และสินแร่โลหะอื่น ๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์
ทั้งนี้ผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ www.ditp.go.th หรือสายด่วนการค้าระหว่างประเทศ โทร.1169 .-สำนักข่าวไทย