กรุงเทพฯ 30 ก.ค. – กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ จัดงาน “TILOG – LOGISTIX 2025” เสริมแกร่งซัพพลายเชนโลจิสติกส์ ยกระดับการขนส่งสินค้าและการส่งออกให้ธุรกิจไทย ดึง 25 ประเทศร่วมงาน
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ร่วมกับ อาร์เอ็กซ์ เทรดเด็กซ์ (RX Tradex) เตรียมจัดงาน TILOG – LOGISTIX 2025 งานแสดงสินค้าด้านเทคโนโลยีการจัดการคลังสินค้าและโหลดสินค้า การบรรจุและลำเลียงสินค้า โลจิสติกส์ไอที, IoT, หุ่นยนต์, AI, อี-โลจิสติกส์ และการให้บริการด้านโลจิสติกส์ที่ครบวงจรที่สุดแห่งปี ระหว่างวันที่ 20 – 22 สิงหาคม 2568 ณ ฮอลล์ 98 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค จัดขึ้นภายใต้แนวคิดหลัก “Resilient Supply Chain: Overcoming Global Challenges” หรือ “พิชิตทุกสิ่งท้าทายด้วยความแกร่งแห่งซัพพลายเชน” เพื่อตอกย้ำศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ในภูมิภาคอาเซียน ยกระดับการขนส่งสินค้าและการส่งออกของไทยให้แกร่งพร้อมรับมือความท้าทายจากทั้งในและนอกประเทศได้อย่างยั่งยืน โดยดึงผู้ประกอบการกว่า 150 บริษัท นำเสนอสินค้าและบริการกว่า 415 แบรนด์ จาก 25 ประเทศ เข้าจัดแสดงนวัตกรรมเทคโนโลยีและบริการด้านโลจิสติกส์ พร้อมกิจกรรมเสริมองค์ความรู้ สัมมนาวิชาการ พร้อมกิจกรรมจับคู่ธุรกิจด้วยระบบ AI ที่สร้างมูลค่าการเจรจากว่า 1,000 ล้านบาท คาดผู้เข้าร่วมงานกว่า 7,500 ราย
นางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า ในปี 2567 ที่ผ่านมา ตลาดโลจิสติกส์ของไทยมีมูลค่าสูงถึง 1.3 ล้านล้านบาท และคาดว่าในช่วงปี 2568–2576 จะเติบโตเฉลี่ย ร้อยละ 3.97 ต่อปี DITP ตระหนักถึงบทบาทของโลจิสติกส์ในการสร้างความได้เปรียบทางการค้า จึงได้จัดงานแสดงสินค้าโลจิสติกส์อย่างต่อเนื่อง เพื่อแสดงศักยภาพของผู้ประกอบการไทยต่อสายตานานาชาติ และผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของอาเซียน ทั้งนี้ ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ณ เดือนมิถุนายน 2568 ประเทศไทยมีผู้ประกอบธุรกิจโลจิสติกส์ในรูปแบบนิติบุคคลกว่า 36,608 ราย และจากรายงานดัชนีประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์ (LPI) ปี 2566 โดยธนาคารโลก ไทยอยู่ในอันดับที่ 34 ของโลก และอันดับที่ 3 ในอาเซียน รองจากสิงคโปร์และมาเลเซีย สะท้อนถึงศักยภาพในการแข่งขันบนเวทีการค้าโลกที่เติบโตอย่างมั่นคง
นายณัฐภูมิ เปาวรัตน์ นายกสมาคมธุรกิจคลังสินค้า ไซโล และห้องเย็น กล่าวว่า เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในการพลิกโฉมอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ ที่ชัดเจนคือ การเข้าสู่ระบบ Smart Logistics ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและระบบอัตโนมัติ เช่น การใช้ IoT เพื่อติดตามสินค้าแบบเรียลไทม์ ควบคุมอุณหภูมิในคลังหรือรถขนส่ง การใช้ Big Data และ AI เพื่อวิเคราะห์ข้อมูล วางแผนเส้นทาง บริหารพื้นที่จัดเก็บ และพยากรณ์ความต้องการได้แม่นยำยิ่งขึ้น รวมถึงการใช้หุ่นยนต์และระบบคลังสินค้าอัตโนมัติที่ ขณะเดียวกัน Blockchain ยังช่วยเพิ่มความโปร่งใส และลดความซับซ้อนในซัพพลายเชน ทั้งหมดนี้คือนวัตกรรมที่จะช่วยผู้ประกอบการไทยลดต้นทุน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และตอบสนองลูกค้าได้ดีขึ้นในยุคดิจิทัล
นายคงฤทธิ์ จันทริก ผู้อำนวยการบริหาร สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (TNSC) เผยความเปลี่ยนแปลงของตลาดโลกเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ทั้งจากแรงกดดันด้านสิ่งแวดล้อม ภาษีการค้า ความคาดหวังของผู้บริโภค และกฎระเบียบใหม่ๆ ที่ประเทศคู่ค้ากำหนดขึ้น ซึ่งผู้ส่งออกไทยต้องปรับตัวอย่างมากและเร่งด่วน โดยเฉพาะในด้านโลจิสติกส์ ซึ่งเป็นหนึ่งในต้นทุนหลักของการส่งออก. -516-สำนักข่าวไทย