ธอส.โชว์ไตรมาสแรกปี 65 ปล่อยสินเชื่อใหม่ 6.2 หมื่นล้าน

กรุงเทพฯ 12 เม.ย. – ธอส.โชว์ผลการดำเนินงานไตรมาสแรกปี 65 ปล่อยสินเชื่อใหม่ให้คนไทยมีบ้านได้ 62,408 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.21%


ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เผยผลการดำเนินงานไตรมาสแรกปี 2565 ปล่อยสินเชื่อใหม่สร้างโอกาสให้คนไทยมีบ้านตามนโยบายรัฐบาลได้ถึง 62,408 ล้านบาท 50,024 บัญชี เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 33.21% ทำให้ ณ สิ้นไตรมาสที่ 1/2565 เทียบกับ ณ สิ้นปี 2564 ธนาคารมียอดสินเชื่อคงค้างรวมทั้งสิ้น 1.489 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.10% สินทรัพย์รวม 1.54 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.25% เงินฝากรวม 1.31 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.79% หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน 57,510 ล้านบาท คิดเป็น 3.86% ของยอดสินเชื่อรวม ลดลง 0.14% ด้วยปัจจัยบวกจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล การผ่อนคลายมาตรการ LTV ของธนาคารแห่งประเทศไทย กำลังซื้อของประชาชนที่เริ่มฟื้นกลับมา และอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำ จูงใจให้ลูกค้าขอสินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย คาดถึงสิ้นปี 2565 ยอดปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ไม่ต่ำกว่า 270,000 ล้านบาท

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ของปี 2565 ว่า หลังจากเศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกของปี 2565 เริ่มฟื้นตัวดีขึ้นจากไตรมาสที่ 4 ของปี 2564 ภายใต้ปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ทั้งการแพร่ระบาดของ COVID-19 ราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้น แต่ ธอส. ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่มีพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” ยังคงมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนนโยบายรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการช่วยเหลือประชาชนให้ได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง และเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ โดย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565 ธอส. สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ จำนวน 62,408 ล้านบาท 50,024 บัญชี เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 33.21% เป็นสินเชื่อปล่อยใหม่วงเงินกู้ไม่เกิน 2.5 ล้านบาท สำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง คิดเป็นสัดส่วน 74.47% ของจำนวนลูกค้าใหม่ทั้งหมด ทำให้ ณ สิ้นไตรมาสที่ 1/2565 เทียบกับ ณ สิ้นปี 2564 ธนาคารมีสินเชื่อคงค้างรวมทั้งสิ้น 1.489 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.10% สินทรัพย์รวม 1.54 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.25% เงินฝากรวม 1.31 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.79% หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน 57,510 ล้านบาท คิดเป็น 3.86% ของยอดสินเชื่อรวม ลดลงจากสิ้นปี 2564 ที่มี NPL อยู่ที่ 4.00% มีการตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ เพื่อเตรียมพร้อมรองรับผลกระทบจาก COVID-19 ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตที่ 115,659 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนต่อ NPL 201.17% และยังคงมีกำไรสุทธิ 3,492 ล้านบาท ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ยังอยู่ที่ระดับแข็งแกร่ง โดย ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 อยู่ที่ 15.28% สูงกว่าที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดที่ 8.5%


“นับเป็นครั้งแรกของธนาคารที่สามารถปล่อยสินเชื่อในไตรมาสที่ 1 ได้สูงถึง 62,408 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านที่อยู่อาศัยของรัฐบาล ทั้งการลดค่าจดทะเบียนการโอนและจดจำนอง การผ่อนคลายมาตรการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (LTV) ของธนาคารแห่งประเทศไทย ความต้องการของประชาชนที่ต้องการขอสินเชื่อก่อนที่อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มจะปรับสูงขึ้นในอนาคต รวมถึงการจัดทำผลิตภัณฑ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำของ ธอส. ขณะที่โครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 อัตราดอกเบี้ย 1.99% ต่อปี นาน 4 ปีแรก ล่าสุด ณ วันที่ 10 เมษายน 2565 มียอดอนุมัติสินเชื่อ 10,837 ล้านบาท และคาดว่า ณ สิ้นปี 2565 ธนาคารจะสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ไม่ต่ำกว่า 270,000 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ธนาคารกำหนด” นายฉัตรชัย กล่าว

ขณะเดียวกัน ธนาคารยังติดตามและให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้จาก COVID-19 อย่างต่อเนื่อง โดยพบว่าส่วนใหญ่มีความแข็งแรงทางรายได้และกลับมาชำระได้ตามปกติ เห็นได้จากจำนวนลูกค้าที่ครบกำหนดความช่วยเหลือตามมาตรการของธนาคาร เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2564 จำนวน 122,764 บัญชี เงินต้นคงเหลือ 127,494 ล้านบาท แบ่งเป็นลูกค้าที่ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้ามาตรการปรับปรุงโครงสร้างหนี้อย่างยั่งยืน ตามนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อขยายการให้ความช่วยเหลือต่ออีกอย่างน้อยถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2565 เป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น 85,175 บัญชี เงินต้นคงเหลือ 87,074 ล้านบาทนั้น พบว่ามีลูกค้าที่ชำระเงินงวดได้ตามเงื่อนไขของมาตรการ หรือชำระบางส่วน คิดเป็นสัดส่วน 94.40% ส่วนลูกค้าที่ออกจากมาตรการอีกจำนวน 37,589 บัญชี เงินต้นคงเหลือ 40,420 ล้านบาท กลับมาชำระเงินงวดตามปกติ หรือชำระบางส่วน คิดเป็นสัดส่วน 93.98%

ด้านการปรับกระบวนการให้บริการลูกค้าด้วย Digital Services ตามแผนยุทธศาสตร์ของธนาคารในปี 2565 ล่าสุด ธอส. เตรียมเปิดให้ลูกค้าแจ้งความประสงค์ขอยื่นกู้จากที่ไหนก็ได้ผ่าน Mobile Application : GHB ALL (ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนาเป็น Mobile Application : GHB ALL GEN) ด้วยเมนู “สินเชื่อ Express Loan” เพียงกรอกข้อมูลที่ธนาคารใช้ประกอบการพิจารณาวงเงินสินเชื่อไม่กี่ขั้นตอน และเดินทางมาที่ธนาคารเพื่อลงนามสัญญาเงินกู้เพียงครั้งเดียว โดยจะเริ่มให้บริการลูกค้าอย่างเป็นทางการ ภายในเดือนเมษายน 2565 นอกจากนี้ ในช่วงไตรมาส 1 ของปี 2565 ลูกค้าในพื้นที่กรุงเทพฯ สามารถเลือกลงนามสัญญาเงินกู้นอกสถานที่ทำการของธนาคารด้วยโครงการใหม่ คือ “GHB Smart Rider” การลงนามสัญญาเงินกู้ที่บ้าน ที่ทำงาน ร้านอาหาร ร้านกาแฟ หรือที่สำนักงานที่ดิน โดยไม่ต้องเดินทางมาที่ธนาคาร ขณะที่ภายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2565 ลูกค้ากลุ่มสวัสดิการที่ทำนิติกรรม ณ สำนักงานที่ดิน และจดทะเบียนจำนองกับธนาคารเรียบร้อยแล้ว สามารถนำโฉนดที่ดินตัวจริงกลับบ้านได้ทันที จากเดิมที่ลูกค้าจะได้รับเป็นสำเนาโฉนดที่ดิน จนกว่าจะปิดบัญชีเงินกู้แล้วเท่านั้น ทั้งนี้ ด้วยบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า ทำให้ ณ ไตรมาสที่ 1 ของปี 2565 ธนาคารมีจำนวนการทำธุรกรรมผ่าน Mobile Application : GHB ALL คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 70.02% ของจำนวนธุรกรรมทั้งหมด และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นไม่ต่ำกว่า 80% ได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ภายในสิ้นปี 2565. – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง นายก อบจ.อุบลฯ เดือด ส่งท้ายปี

ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือเป็นสนามเลือกตั้งท้องถิ่นขนาดใหญ่ส่งท้ายปีนี้ การแข่งขันดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครต่างเร่งหาเสียงกันอย่างเต็มที่ โดยมีผู้สมัคร 4 คน ลงชิงชัย ไปติดตามบรรยากาศโค้งสุดท้ายว่าใครจะเป็นผู้คว้าชัย

ทอ.ส่ง F-16 ขึ้นบินป้องน่านฟ้า หลังมีอากาศยานไม่ทราบฝ่าย เหนือชายแดนไทย-เมียนมา

กองทัพอากาศส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 ขึ้นบิน เพื่อพิสูจน์ฝ่ายและสกัดกั้นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก

อุตุฯ เผยอีสาน-เหนือ อากาศหนาว กทม.อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย

กรมอุตุฯ เผยภาคอีสาน ภาคเหนือ มีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็น

lightened Christmas tree in front of U.S. Capitol

รู้จัก “ชัตดาวน์” ของสหรัฐและผลกระทบ

วอชิงตัน 20 ธ.ค.- หน่วยงานจำนวนมากของรัฐบาลสหรัฐเสี่ยงต้องปิดทำการชั่วคราว หรือที่เรียกว่า กัฟเวิร์นเมนต์ ชัตดาวน์ (government shutdown) หลังผ่านพ้นเที่ยงคืนวันนี้ (20 ธันวาคม) ตามเวลาสหรัฐ หากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ทันเวลา หลังจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณฉบับใหม่เมื่อวานนี้ สาเหตุที่เสี่ยงชัตดาวน์ ปกติแล้วรัฐสภาสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะต้องจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานรัฐบาลกลางทั้งหมด 438 แห่งก่อนวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี แต่ที่ผ่านมาสมาชิกรัฐสภามักทำไม่ได้ตามกำหนดเวลา และมักผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ต่อไปในระหว่างที่สมาชิกรัฐสภาหารือกันเพื่อผ่านร่างงบประมาณจริง ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุเมื่อเข้าสู่เช้าวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตเตรียมร่างกฎหมายที่จะขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 14 มีนาคม 2568 แต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันลงมติไม่เห็นด้วย และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณที่เสนอใหม่ ดังนั้นหากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ก่อนที่ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุ ก็จะเกิดการชัตดาวน์ เพดานหนี้ที่ทรัมป์ต้องการให้แก้ นายทรัมป์ยังต้องการให้สมาชิกรัฐสภาแก้ปัญหาเรื่องการกำหนดเพดานหนี้ประเทศให้รัฐบาลสามารถกู้ยืมได้มากขึ้น ก่อนที่เขาจะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม 2568 รัฐสภาสหรัฐเป็นผู้กำหนดเพดานหนี้สาธารณะที่อนุญาตให้รัฐบาลก่อหนี้ แต่เนื่องจากรัฐบาลมักใช้จ่ายมากกว่ารายได้ที่ได้จากการจัดเก็บภาษี สมาชิกรัฐสภาจึงต้องคอยแก้ปัญหานี้เป็นครั้งคราว รัฐสภาสหรัฐกำหนดเพดานหนี้สาธารณะครั้งแรกในปี 2482 โดยกำหนดไว้ที่ 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.55 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน) และนับจากนั้นเป็นต้นมาได้ขยายเพดานหนี้แล้วทั้งหมด 103 […]

ข่าวแนะนำ

ฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ส่งสุขรับปีใหม่

ส่งความสุขรับปีใหม่ กับฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ศิลปินลูกทุ่งเกือบ 100 ชีวิต ร่วมโชว์จัดเต็ม

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลฯ “กานต์” ส่อเข้าป้าย

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี “กานต์” หมายเลข 1 จากเพื่อไทย ส่อเข้าป้าย ด้าน ปชน. แถลงยอมรับยังไม่เป็นที่ไว้วางใจ ส่วนอุตรดิตถ์ “ชัยศิริ” อดีตนายก อบจ. ส่อเข้าวิน

เด้ง ตร.จราจร ปมคลิปรับเงินแลกไม่เขียนใบสั่ง

ผบก.ภ.จว.นนทบุรี สั่งย้าย “รอง สว.จร.สภ.รัตนาธิเบศร์” เซ่นคลิปรับเงินแลกไม่ออกใบสั่ง พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงภายใน 3 วัน ด้านเจ้าตัวอ้างไม่เห็นเงินที่วางบนโต๊ะในตู้ควบคุมสัญญาณไฟจราจร