นนทบุรี 8 ก.ย.-รัฐมนตรีพาณิชย์มอบรางวัล “สมาคมการค้าดีเด่น ปี 2564” ชู เอกชนเป็นแม่ทัพสำคัญทางเศรษฐกิจ ประกาศแผนรับมือ 4 ด้านฝ่าโควิดและสถานการณ์โลก
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยพร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ร่วมงานสัมมนา Together is Power 2021 และมอบโล่รางวัลให้กับสมาคมการค้าดีเด่น ปี 2564 ที่กระทรวงพาณิชย์ พร้อมเป็นประธานและกล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ นโยบายการส่งเสริมการส่งออกและการบริโภคภายในประเทศ และการแก้ปัญหาสินค้าเกษตรล้นตลาด ราคาต่ำ เพื่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของประเทศ และเปิดงานสัมมนา Together is Power 2021 และมอบโล่รางวัลให้กับสมาคมการค้าดีเด่น ปี 2564
อย่างไรก็ตาม งานนี้ถือว่ามีความสำคัญยิ่ง คือ ประเด็นที่ 1 โควิดยังจะต้องอยู่กับประเทศไทยและกับโลกอีกนาน สิ่งที่ต้องคิดและต้องทำคือ จะนำเศรษฐกิจฝ่าวิกฤตโควิดไปสู่ความสำเร็จร่วมกันได้อย่างไร ตนยังยืนยันเน้นย้ำการทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับภาคเอกชน จะต้องยึดหลักรัฐหนุนเอกชนนำ เพราะเอกชนคือทัพหน้าในการทำรายได้เข้าประเทศ ถ้าเป็นทีมฟุตบอลเอกชนต้องเป็นกองหน้า เพราะต้องทำหน้าที่ยิงประตูทำคะแนนที่เป็นรูปธรรม รัฐบาลเป็นแบ็คสนับสนุนการทำหน้าที่ของภาคเอกชน ต้องจับมือร่วมกันอย่างเข้มแข็งแน่นแฟ้น จึงเป็นที่มาของหลักคิดการตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์ หรือ กรอ.พาณิชย์ สามารถทำตัวเลขให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนที่สุดคือการส่งออก เศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเป็นผลทางบวก แต่ถ้าขาดความร่วมมือร่วมใจระหว่างรัฐกระทรวงพาณิชย์กับเอกชน อุปสรรคต่างๆจะไม่คลี่คลาย การจับมือร่วมกันอย่างเข้มแข็ง เข้มข้น และถึงลูกถึงคนจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่เราจะต้องเดินหน้าร่วมกันต่อไป
ประเด็นที่ 2 ทีมเซลล์แมนจังหวัดกับทีมเซลล์แมนประเทศต้องเดินหน้าต่อไปให้เข้มแข็งเข้มข้นและปรากฏเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้นต่อไปทีมเซลล์แมนจังหวัดประกอบด้วยพาณิชย์จังหวัด หอการค้าจังหวัด Biz club จังหวัด Micro SMEsของจังหวัด YEC ของจังหวัดสภาอุตสาหกรรมจังหวัด เกษตรจังหวัด ตัวแทนเกษตรกร SMEsทุกฝ่าย จับมือกันระหว่างรัฐกับเอกชนขับเคลื่อนในระดับจังหวัด จึงมีความสำคัญและทรงพลังอย่างยิ่งที่จะนำ 77 ทีม มาบวกกันและเป็น กรอ.พาณิชย์ระดับประเทศ ทำตัวเลขยิงประตูให้ประเทศ ซึ่งมีการจับมือ ตื่นตัวในการทำหน้าที่ พืชผลเกษตรราคาตก ทีมเซลล์แมนจังหวัด ขวนขวายและไปถึงขั้นข้ามจังหวัดค้าขายระหว่างกันตามนโยบาย มังคุดใต้ล้นอีสานช่วยซื้อ ลำไยเหนือราคาตกจับมือกับทีมเซลล์แมนจังหวัดภาคใต้ ภาคตะวันออกช่วยกันแก้ปัญหา ขณะนี้ทีมเซลล์แมนประเทศ ทูตพาณิชย์ 58 แห่ง เป็นหัวเรือใหญ่จับมือร่วมกับนักธุรกิจที่ไปลงทุนในต่างประเทศทำการค้าส่งออกจับมือกันเป็นทีม ตนให้นโยบายชัดเจนว่าต้องมีเป้าหมาย มีเกณฑ์ เอกชนต้องใช้ทีมเซลล์แมนจังหวัดและทีมเซลล์แมนประเทศให้เข้มข้นขึ้น เป็นนโยบายซึ่งต้องอุดหนุนเป็นแบ็คให้กับภาคเอกชน แต่เซลล์แมนจังหวัดกับเซลล์แมนประเทศต้องจับมือกันทำงานร่วมกันให้เห็นผลเป็นรูปธรรมต่อไป โครงการจับคู่เจรจาธุรกิจระหว่าง SMEs ในจังหวัด ทีมเซลล์แมนจังหวัดกับเซลล์แมนประเทศจึงเกิดขึ้น สามารถวัดผลได้
ประเด็นที่ 3 จากนี้ไปภาคเอกชนไทยต้องเร่งปรับตัวให้ทันสถานการณ์โลก ซึ่งที่ผ่านมาทันอยู่แล้ว แต่เตรียมการรองรับมาตรการกีดกันทางการค้าที่จะเข้มข้นหนักข้อขึ้นเป็นลำดับ เพราะภายหลังประเทศพัฒนาแล้วใช้มาตรการทางภาษีกีดกันสินค้าจากประเทศกำลังพัฒนาประสบความสำเร็จหลังจากการรวมตัวกันในระบบพหุภาคีหรือในระบบทวิภาคีในรูป FTA หรือ WTO ทำให้กำแพงภาษีทลายลงภาษีเป็นศูนย์ มาตรการทางภาษีจึงลดความสำคัญลง มาตรการใหม่จึงเกิดขึ้นคือมาตรการที่มิใช่ภาษีมาเป็นกำแพงกั้นสินค้าที่ไปจากประเทศคู่แข่งหรือประเทศอื่นๆ เราต้องจับตาสิ่งเหล่านี้ใกล้ชิดและกำแพงที่มิใช่ภาษีจะถูกคิดค้นขึ้นมาทั้งที่กำลังทำและในอนาคตไม่ว่าจะเป็นเรื่องมาตรการสิ่งแวดล้อม มาตรการแรงงาน มาตราการสิทธิมนุษยชน สุขอนามัย ล่าสุดภาษีคาร์บอน เพื่อเป้าหมายกีดกันทางการค้าหรือปกป้องการค้าของประเทศ โดยอียูเริ่มแล้วในอีก 2 ปี จะคิดภาษีคาร์บอน 5 สินค้า 1.เหล็ก 2.อะลูมิเนียม 3.ซีเมนต์ 4.ไฟฟ้า 5.ปุ๋ย ขอให้เอกชนทั้งหลายเตรียมการ
นอกจากนี้ อีกปัจจัยในเรื่องความมั่นคง การเอาปัจจัยเศรษฐกิจมาผูกมัดติดกับปัจจัยทางการเมืองและกลายเป็นปัจจัยปกป้องกีดกันทางการค้า ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ เราจะอยู่ตรงไหนคือสิ่งที่เราต้องคิด ทุกคนตอบตรงกันว่าเราต้องผนึกกำลังกับอาเซียน จับมือกับอีก 9 ประเทศ จับมือ ระหว่างอาเซียนด้วยกัน ซึ่งเราก็ต้องแข่งกันแต่ความสมดุลอยู่ตรงไหน รัฐต้องคิด เอกชนก็ต้องคิด จับมือให้เข้มข้นเข้มแข็งแข่งกันระหว่างบริษัทแต่ระหว่างกลุ่มประเทศต้องจับมือกัน เราต้องขายบริการด้วย บริการที่มีศักยภาพเช่น ดิจิตอลคอนเทนท์ ประเทศไทยไม่แพ้ใครแต่ขอให้เราส่งเสริม เด็กรุ่นใหม่ไทยเก่งเยอะ อนิเมชั่น ภาพยนตร์ เราต้องช่วยกันหนุน เอกชนต้องกล้าทำกล้านำ รัฐเป็นแบ็ค กระทรวงพาณิชย์ เข้าไปช่วยคิดช่วยทำ ต้องไม่เน้นการแข่งขันเรื่องราคาอย่างเดียวต้องเน้นคุณภาพ
ประเด็นที่ 4 อยากย้ำให้ภาคเอกชนเร่งศึกษาหาประโยชน์จาก FTA และการทำสัญญาการค้าระบบพหุภาคี โดยเฉพาะ RCEP กำลังจะมีผลบังคับใช้ ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนให้สัตยาบันประเทศไทย มีกำหนดการชัดเจนแล้วว่าจะให้สัตยาบันไม่ช้ากว่าเดือนพฤศจิกายนปีนี้ หวังว่าจะบังคับใช้ได้ต้นปีหน้า เราต้องรีบศึกษาข้อตกลงว่ามีอะไรบ้างจะเป็นอุปสรรคกับธุรกิจของเรา จะได้เปรียบเรื่องอะไรบ้างโดยเฉพาะอีคอมเมิร์ซจะแทรกในทุกข้อตกลง สิ่งที่อยากเรียนความคืบหน้าที่เอกชนเรียกร้องมานาน กองทุนFTAต้องตั้งขึ้นเพื่อเยียวยา เพราะบางคนได้บางคนเสีย เพื่อช่วยเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบในประเทศ ไม่กี่วันนี้เราได้ลงนามถึงกระทรวงการคลังเรื่องการจัดตั้งกองทุนหลังจากผ่านแล้วจะเข้า ครม.จะได้มีกองทุน FTA ที่เราเรียกร้องมานานโดยเฉพาะภาคเอกชน
” ขอแสดงความยินดีกับทุกสมาคมที่ได้รับรางวัลสมาคมการค้าดีเด่น 27 สมาคม 57 รางวัล หวังว่าท่านจะปฏิบัติภาระกิจลุล่วงเป็นต้นแบบให้กับสมาคมที่ยังไม่ได้รับรางวัลมาพัฒนาตนเองต่อไป หวังว่าท่านจะเป็นแม่ทัพสำคัญอีกคนหนึ่งของประเทศที่จะทำคะแนนทางเศรษฐกิจให้กับประเทศต่อไป ” นายจุรินทร์ กล่าว .-สำนักข่าวไทย