กรุงเทพฯ16ส.ค.-ก.พลังงานเล็งตรึงราคาLPGถึงสิ้นปี.ช่วยประชาชนหลังผลกระทบโควิด-19ลากยาวหารือปตท.อุดหนุนNGV.แท็กซี่โอดขึ้นแรงวันนี้เกือบ1บาท/กก.
นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่าจากสถานการณ์การระบาดโควิดระลอก3กระทบต่อเศรษฐกิจยาวนานในขณะนี้กระทรวงพลังงานหารือเบื้องต้นจะขยายกรอบการตรึงราคาแอลพีจีเพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพไปจนถึงสิ้นปี64จากที่ขณะนี้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) มีมติให้ขยายเวลาตรึงราคา LPG ไว้เท่าเดิมที่ 318 บาทต่อขนาดถังละ15 กิโลกรัม ไปจนถึงสิ้นเดือน.ก.ย. 64.ในขณะที่คงต้องขยายกรอบวงเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอุดหนุนราคาเป็น2.2หมื่นล้านบาทจากขณะนี้กรอบอุดหนุนอยู่ที่1.8หมื่นล้านบาท
“ราคาแอลพีจีตลาดโลกสูงกว่าคาดล่าสุด671เหรียญสหรัฐ/ล้านบีทียูหรือประมาณ381บาทต่อถัง15กก.ในขณะที่เราตรึงราคาที่318บาทต่อถังเท่านั้นเงินจึงอุดหนุนเพิ่มกว่าคาดประกอบกับหลังจากปลายปีหน้าหนาวราคาก๊าซก็จะสูงดังนั้นจึงต้องขยายวงเงินอุดหนุนโดยคาดราคาเดือนก.ย.อาจอยู่ที่657เหรียญต่อตันซึ่งจากเหตุผลของโควิดถือว่าเป็นวิกฤตพลังงานอยู่ภายใต้กรอบของกฏหมายกองทุนน้ำมันฯที่อุดหนุนได้”นายวัฒนพงษ์กล่าว
ส่วนราคาก๊าซNGVที่วันนีั(16ส.ค.)ทาง.บมจ.ปตท.ประกาศขยับราคาขึ้น0.93บาท/กก.ราคาขายปลีกเขตกทม.อยู่ที่15.48บาท/กก.นั้น.ยอมรับว่าเป็นราคาผันแปรตามราคาต้นทุนก๊าซที่ขยับขึ้นตามราคาน้ำมันตลาดโลกที่ขยับขึ้น.อย่างไรก็ตามยอมรับว่ากระทบต่อผู้ใช้เอ็นจีวีซึ่งทางกระทรวงพลังงานได้หารือกับปตท.ถึงความเดือดร้อนว่าจะช่วยเหลือผู้ใช้ได้หรือไม่โดยได้แจ้งว่าทางสมาคมแท็กซี่ได้ขอลดราคาเหลือ10บาท/กก.นอกจากนี้จากการสำรวจคนขับแท็กซี่พบว่าต้นทุนหลักที่กระทบไม่ใช่ราคาเชื้อเพลิงแต่เป็นค่าเช่าแท็กซี่ซึ่งทาง.สนพ.ก็ได้ส่งความคิดเห็นเหล่านี้ไปให้กรมการขนส่งทางบกว่าจะเข้ามาช่วยเหลือได้อย่างไร
ผู้อำนวยการสนพ.ได้ประเมินราคาน้ำมันดิบดูไยครึ่งหลังของปี64ว่าจะอยู่ประมาณ66-68เหรียญต่อบาร์เรล.แม้เศรษฐกิจฝั่งยุโรปและสหรัฐจะดีขึ้นแต่ฝั่งเอเชียยังกระทบหนักจากโควิด-19สายพันธุ์เดลต้า.ในขณะที่โอเปกพลัสเพิ่มกำลังผลิต.. ส่วยราคาแอลเอ็นจีพบว่าขณะนี้ราคาตลาดจรอยู่ที่16.6เหรียญต่อล้านบีทียูสูงกว่าราคาPool(อ่าวไทย-เมียนมาร์-แอลเอ็นจีสัญญาระยะยาว)ที่อยูที่7เหรียญ/ล้านบีทียูซึ่งจะส่งผลต่อการนำเข้าของชิปเปอร์รายใหม่4.8แสนตันในปีนี้หรือไม่ก็คงขึ้นอยู่กับการพิจารณาของผู้นำเข้าแต่ละราย
นายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู รองผู้อำนวยการ.สนพ.กล่าวว่าในปีนี้ฝนตกปริมาณสูงทำให้มีการซื้อไฟฟ้าจาก.สปป.ลาวมีสัดส่วนที่สูงขึ้นส่งผลดีต่อต้นทุนค่าไฟฟ้าเอฟทีซึ่งคาดทั้งปีนี้จะซื้อไฟฟ้าสูงกว่าปีที่แล้วร้อยละ15.ส่วนแผนพลังงานชาติฉบับใหม่จะซื้อไฟฟ้าจากสปป.ลาวเพิ่มเติมจากแผนปัจจุบันที่9,000 MW หรือไม่คงต้องหารือต่อไป.ซึ่งล่าสุดสปป.ลาวเสนอขายเป็น10,200 MW ขณะที่ปัจจุบัน มีสัญญาแล้วราว 6,000 MW
ส่วนการสำรวจการผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้เอง(ไอพีเอส)พบว่ามีประมาณ10,000MWเป็นเอสพีพีขายตรงและการผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้เองโดยตรงอย่างละครึ่งซึ่งส่วนนี้ก็จะมีผลต่อแผนไฟฟ้าในอนาคตรวมถึงการปรับเปลี่ยนนโยบายเรื่องการอุดหนุนค่าไฟฟ้าอย่างไรด้วย.-สำนักข่าวไทย