กรุงเทพฯ 22 มิ.ย.- กอช. ร่วมกับ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) จัดงานพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือโครงการส่งเสริมการออมกับกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) พร้อมส่งเสริมให้เยาวชนได้มีความรู้ในการบริหารจัดการเงินตั้งแต่วัยเรียน จนเข้าสู่วัยทำงานเพื่ออนาคตที่ดี
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ และประธานกรรมการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา กล่าวภายหลังลงนามบันทึกความร่วมมือโครงการส่งเสริมการออมกับกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ระหว่าง กองทุนการออมแห่งชาติ กับ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา โดยมีนางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) และนายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เป็นผู้ลงนามในบันทึกความร่วมมือ โดย กอช. เป็นกองทุนการออมภาคประชาชน เพื่อประชาชนได้มีเงินบำนาญรายเดือนไว้ใช้หลังเกษียณกับ กอช. ซึ่งกองทุนนี้เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ชาติในการขับเคลื่อน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม จึงได้เกิดการบูรณาการทำงานร่วมกันของ ทั้ง 2 หน่วยงาน ในการขับเคลื่อนการทำงาน โดยเฉพาะกลุ่มนักเรียน นิสิต นักศึกษา ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายเดียวกัน กยศ. มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนให้เยาวชน ได้มีทุนทรัพย์ในการศึกษาเล่าเรียนและค่าใช้จ่ายรายเดือนในช่วงขณะเรียน ส่วน กอช. ส่งเสริมให้รู้จักการออม รู้จักการบริหารจัดการเงิน ค่าใช้จ่ายที่จำเป็น ได้วางแผน การเก็บออมตั้งแต่วัยเรียน จนถึงวัยทำงาน เพื่ออนาคตจะได้มีเงินบำนาญที่เพียงพอเป็นหลักประกันในการใช้จ่าย
อย่างไรก็ตาม การออมเงินเพื่อการเกษียณ เป็นสิ่งที่ไกลตัวสำหรับเยาวชน จะต่างกันเพียงใครเริ่มก่อนหรือ รู้ตัวก่อน ถึงความสำคัญของการออม การออมในวัยเรียน “การออมก่อนใช้เงิน” แบ่งเงินออมเพียงเล็กน้อยก่อนนำเงินไปใช้จ่าย เพื่อให้เกิดเงินที่จะนำไปใช้จ่ายน้อยลง และให้มีเงินเก็บบางส่วน พอเข้าสู่วัยทำงาน “การออมถูกที่ บริหารเงินออมให้เป็น ได้เงินมากกว่า” ในปัจจุบันการออมมีรูปแบบให้เลือกสรรมากมายการออมกับ กอช. เป็นการออมขั้นพื้นฐาน จัดตั้งโดยรัฐบาลเพื่อประชาชนได้มีเงินออมอย่างสุขสบายในอนาคต ออมเริ่มต้นเพียง 50 บาท สูงสุด 13,200 บาทต่อปี ให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นแบบขั้นบันไดตามช่วงอายุของสมาชิกสูงสุด 1,200 บาทต่อปี ถ้าเยาวชนมีวินัยการออมอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอในอนาคตจะมีเงินออมรวมล้านกว่าบาท โดย กอช. จ่ายคืนในรูปแบบเงินบำนาญรายเดือน ทั้งนี้ กอช. และ กยศ. ได้ร่วมกันบูรณาการการทำงานในการส่งเสริมให้คนไทยได้รู้จักการบริหารจัดการเงินที่ดี และช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนคนไทยให้ดีขึ้น
นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) กล่าวว่า กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) เป็นกองทุนบำนาญภาคประชาชนมีภารกิจสำคัญในการผลักดันให้ประชาชนที่มีอายุระหว่าง 15 – 60 ปี ไม่มีสวัสดิการจากรัฐบาลได้เข้าถึงการออม ได้ตระหนักถึงการออมเงินไว้ใช้ในอนาคต โดยการบูรณาร่วมกันในการขับเคลื่อนส่งเสริมให้มีความรู้การวางแผนทางการเงิน โดยเฉพาะกลุ่มนักเรียน นิสิต นักศึกษา ได้บริหารจัดการเงินให้เกิดประสิทธิภาพ ตั้งแต่ในวัยเรียน จนเข้าสู่วัยทำงาน โดยเริ่มจากวางแผนรายรับรายจ่าย การจัดการหนี้หรือภาระทางการเงิน เพื่อไม่ให้เกิดเบี้ยปรับ และการออมเงินเก็บไว้ใช้ในอนาคตกับ กอช. รู้จักเก็บเล็กผสมน้อย โดยออมเริ่มต้น 50 บาท เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยตั้งเป้าหมายกำหนดไว้ สร้างวินัยการออมขึ้น สูงสูด 13,200 บาทต่อปี ทุกครั้งที่ส่งเงินออมสะสมกับ กอช. จะได้เงินสมทบเพิ่มให้ตามช่วงอายุ อายุ 15 – 30 ปี รับเงินสมทบเพิ่มจากรัฐร้อยละ 50 ของเงินออม สูงสุดไม่เกิน 600 บาทต่อปี หรือ คิดเป็นดอกเบี้ยเงินฝากประจำประมาณร้อยละ 4 อายุมากกว่า 30 – 50 ปี รับเงินสมทบเพิ่มจากรัฐร้อยละ 80 ของเงินออม สูงสุดไม่เกิน 960 บาทต่อปี หรือคิดเป็นดอกเบี้ยเงินฝากประจำประมาณร้อยละ 7 อายุมากกว่า 50 – 60 ปี รับเงินสมทบเพิ่มจากรัฐร้อยละ 100 ของเงินออม สูงสุดไม่เกิน 1,200 บาทต่อปี หรือคิดเป็นดอกเบี้ยเงินฝากประจำประมาณร้อยละ 9 ซึ่งสมาชิก กอช. สามารถดูบัญชีเงินออมของตนเองได้ที่แอปพลิเคชัน “กอช.” พร้อมเงินสมทบที่รัฐสมทบเพิ่มให้ และเมื่อเข้าสู่วัยทำงานเงินออมสะสมนำไปลดหย่อนภาษีเพิ่มได้ด้วย
นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) กล่าวว่า กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการศึกษาด้วยการให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ใน 4 ลักษณะ ได้แก่ นักเรียน นักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์/ศึกษาในสาขา ที่เป็นความต้องการหลัก ซึ่งมี ความชัดเจนของการผลิตกำลังคน และมีความจำเป็นต่อการพัฒนาประเทศ/ศึกษาในสาขาวิชาขาดแคลนหรือสาขาวิชาที่มุ่งส่งเสริมเป็นพิเศษ/และเรียนดีเพื่อสร้างความเป็นเลิศ ปัจจุบัน มีนักเรียน นักศึกษา ที่ได้รับโอกาส ทางการศึกษาจากกองทุน ตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ระดับอาชีวศึกษา จนถึงระดับปริญญาตรี ตั้งแต่ปีการศึกษา 2539 – 2563 จำนวน 5.9 ล้านราย โดยกองทุนมีนักเรียน นักศึกษาผู้กู้ยืมในแต่ละปีประมาณ 600,000 ราย ซึ่งกองทุนได้กำหนดคุณสมบัติให้ผู้กู้ยืมทุกคนทำกิจกรรมจิตสาธารณะ 36 ชั่วโมงต่อปีการศึกษา เพื่อสนับสนุนให้ผู้กู้ยืมได้มีโอกาสทำกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ต่างๆ รวมถึงการสร้างวินัยทางการเงินให้กับผู้กู้ยืม โดยกองทุนหวังว่าเมื่อผู้กู้ยืมจบการศึกษาไปแล้วจะเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพ นอกจากจะสามารถมีเงินออมเพื่อพึ่งพาตนเองได้แล้ว ยังมีจิตสำนึกช่วยเหลือผู้อื่นและตอบแทนสังคมส่วนรวม นับเป็นการสร้างคนดีให้กับสังคมไทย
ทั้งนี้ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา จึงได้ร่วมมือกับกองทุนการออมแห่งชาติ ในการทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือส่งเสริมการออม ภายใต้การนับชั่วโมงกิจกรรมจิตสาธารณะ เพื่อส่งเสริมวินัยทางการเงินให้นักเรียน นักศึกษา ผู้กู้ยืมเงินได้เริ่มต้นออมเงินและรู้จักการวางแผนการเงินในระยะยาว โดยผู้กู้ยืมที่อยู่ระหว่างการศึกษาสามารถนำส่งเงินออมเป็นรายเดือนเข้ากองทุน กอช. ขั้นต่ำครั้งละ 50 บาท ออมได้เดือนละ 1 ครั้งเมื่อผู้กู้ยืมออมเงินต่อเนื่องทุกเดือน นอกจากจะมีเงินเก็บเป็นของตัวเองแล้วยังสามารถนำไปสะสมชั่วโมง จิตสาธารณะได้ 1 ชั่วโมงต่อเดือนอีกด้วย.-สำนักข่าวไทย