กรุงเทพฯ 10 พ.ค. – หุ้น TIDLOR เปิดเทรดวันแรกที่ 53.50 บาท เพิ่มขึ้น 17 บาท (+46.58%) จากราคาขาย IPO ที่ 36.50 บาท/หุ้น
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยินดีต้อนรับ บมจ. เงินติดล้อ เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มอุตสาหกรรมธุรกิจการเงิน หมวดเงินทุนและหลักทรัพย์ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “TIDLOR” ในวันที่ 10 พฤษภาคม 2564
TIDLOR เป็นบริษัทในกลุ่มธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ที่ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับดูแลโดยธนาคารแห่งประเทศไทย ประเภทสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นหลักประกัน (สินเชื่อจำนำทะเบียน) ภายใต้ชื่อ “เงินติดล้อ” แบรนด์ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามายาวนานกว่า 40 ปี นอกจากนี้ TIDLOR มีธุรกิจนายหน้าประกันภัยที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด เป็น 1 ใน 3 อันดับแรกของธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัยที่จำหน่ายแก่ลูกค้ารายย่อย ด้วยผลิตภัณฑ์สินเชื่อจำนำทะเบียนที่หลากหลาย ครบวงจร และช่องทางการขายและบริการที่ครอบคลุมทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ณ ธ.ค. 2563 มี 1,076 สาขา ครอบคลุม 74 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้ารายย่อยในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในการประกอบอาชีพและเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำรงชีพ
นายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน)เปิดเผยว่า การเสนอขายหุ้น IPO ของเงินติดล้อในครั้งนี้นับเป็นหุ้น IPO ที่มีมูลค่าเสนอขายสูงที่สุดในหมวดธุรกิจเงินทุนและหลักทรัพย์ และยังนับเป็นหุ้น IPO ที่มีมูลค่าการเสนอขายสูงที่สุด 5 ลำดับแรกในประวัติศาสตร์ตลาดทุนไทย โดยมีมูลค่าเสนอขายรวม 38,089 ล้านบาท (รวมการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน) และมีมูลค่าหลักทรัพย์ (Market Capitalization) ณ ราคา IPO ที่ประมาณ 84,643 ล้านบาท พร้อมด้วยกระแสตอบรับที่ดีจากทั้งนักลงทุนสถาบันชั้นนำทั่วโลก และนักลงทุนรายย่อยในประเทศที่ให้ความสนใจลงทุนอย่างท่วมท้นและมีมูลค่าความต้องการลงทุนในหุ้น TIDLOR รวมกันสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และศักยภาพในการการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนในอนาคตของเงินติดล้อ
ทั้งนี้ ภายหลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) บริษัทตั้งเป้ารายได้ในระยะ 3 ปี (2564 -2566) ต่อจากนี้จะสามารถเติบโตได้ 15 – 20% ต่อปี และจะมีสาขาเพิ่มขึ้นปีละ 120-150 สาขา ด้วยงบลงทุน 400,000-700,000 บาทต่อสาขา ซึ่งจะทำให้มีสาขารวมเพิ่มเป็นไม่ต่ำกว่า 1,500 สาขาภายในปี 66 จากปัจจุบันที่มีสาขาอยู่ทั้งหมดราว 1,100 สาขา ขณะเดียวกันบริษัทยังมีเครือข่ายที่ที่เป็นพันธมิตรผู้ประกอบการรายย่อยทั่วประเทศอีกมากกว่า 5,000 รายด้วย
อย่างไรก็ดี บริษัทจะยังคงเน้นการเติบโตในประเทศเป็นหลัก เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งตลาดสินเชื่อจำนำทะเบียนอยู่ที่เพียง 4-5% ของตลาดเท่านั้น จึงมีโอกาสในการจะเติบโตอีกมาก โดยบริษัทมีโครงสร้างของธุรกิจที่มีเครือข่ายปล่อยสินเชื่อรายย่อยตามพื้นที่ต่างๆ จะเป็นอีกกลยุทธ์ที่ช่วยเพิ่มส่วนแบ่งตลาดของบริษัทได้ ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจที่มีความเสี่ยงในปัจจุบันส่งผลให้การปล่อยสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันยากขึ้น ส่งผลให้ลูกค้าหันมาใช้บริการสินเชื่อจำนำทะเบียนรถเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมงบลงทุนไว้อีกราว 270 ล้านบาท เพื่อที่จะพัฒนาระบบ IT เพื่อที่จะสร้างแพลตฟอร์มนายหน้าประกันภัยให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น และสร้างการรับรู้ให้กลุ่มเป้าหมายทราบ TIDLOR มีธุรกิจกิจนายหน้าประกันภัยอยู่ด้วย ซึ่งในของธุรกิจนายหน้าประกันภัยยังคงมองว่ามีโอกาสในการเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วย . – สำนักข่าวไทย