นนทบุรี 10 มี.ค. – ไทยเตรียมลงนามข้อตกลงขายข้าว 1 ล้านตันให้รัฐบาลอินโนนีเซียเพื่อเก็บสต็อกไว้ในประเทศ พร้อมจะส่งผลดีดันข้าวไทยส่งออกมากขึ้น
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ได้อนุมัติให้กระทรวงพาณิชย์จัดทำ MOU ว่าด้วยการค้าข้าวระหว่างกระทรวงพาณิชย์ของไทย กับ กระทรวงการค้าแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย หลังจากกรมการค้าต่างประเทศได้ประชุมหารือผ่านระบบ Video Conference กับทางอินโดนีเซียช่วงปลายปีที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายตกลงจะซื้อขายข้าวปริมาณไม่เกิน 1 ล้านตันต่อปี และให้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การผลิตของทั้งสองประเทศและระดับราคาในตลาดโลก โดย MOU ฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้เป็นระยะเวลา 4 ปี คาดว่าจะลงนานร่วมกันได้ในเร็วๆนี้
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลอินโดนีเซียขอเป็นชนิดข้าว 15% – 25% กับรัฐบาลไทย เพื่อต้องการสำรองข้าว ในการสนับสนุนความมั่นคงทางอาหารภายในประเทศ หากเกิดเหตุการณ์ที่ปริมาณผลผลิตข้าวภายในประเทศไม่เพียงพอต่อความต้องการบริโภค โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลอินโดนีเซียมีนโยบายพึ่งพาตนเองด้านอาหาร (self-sufficiency policy) ส่งเสริมการปลูกข้าวภายในประเทศ เพื่อให้เพียงพอและนำเข้าเท่าที่จำเป็น แต่ในบางปีอินโดนีเซียประสบปัญหาผลผลิตข้าวได้รับความเสียหายจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด – 19 จึงมีความจำเป็นต้องนำเข้าข้าวจากต่างประเทศ เพื่อบริโภคและเพื่อรักษาเสถียรภาพราคาข้าวภายในประเทศ
ทั้งนี้ การทำข้อตกลงดังกล่าว จะเป็นโอกาสให้รัฐบาลอินโดนีเซียนำเข้าข้าวจากไทย ซึ่งจะช่วยเพิ่มปริมาณการส่งออกข้าวไทยไปยังตลาดอินโดนีเซียให้มากขึ้น รวมทั้งยังเป็นการรักษาความสัมพันธ์และความร่วมมือ ทางการค้าข้าวอันดีระหว่างไทยและอินโดนีเซียที่มีมาอย่างยาวนาน ซึ่งในปี 2563 ไทยส่งออกข้าวไป อินโดนีเซีย ปริมาณ 89,406 ตัน มูลค่า 2,262 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ร้อยละ 46.23 และ 86.78 ตามลำดับ และที่สำคัญจะทำให้ราคาข้าวเปลือกภายในประเทศมีราคาดีขึ้นอีกด้วย. – สำนักข่าวไทย