กรุงเทพฯ 9 ก.ย. – กกร.เผยเศรษฐกิจฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดไตรมาส 2 ยอมรับจีดีพีปี 63 หดตัวร้อยละ 7-9 เสนอรัฐนำเอกสารตรวจรับงานเบิกเงินจากแบงก์ภายใน 30 วัน หวังเพิ่มสภาพคล่อง ยอมรับคนไทยแห่เที่ยววันหยุดยาวกระตุ้นการท่องเที่ยว ยังห่วงผู้ว่างงานกว่า 7 แสนคน
นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย ในฐานะประธานสมาคมธนาคารไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) กล่าวว่า ภาคครัวเรือนใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากการท่องเที่ยวในประเทศช่วงวันหยุดยาว โรงแรม ที่พัก รีสอร์ท ตามแหล่งท่องเที่ยวหลักเต็มแทบทุกแห่ง หลังจากคลายล็อกกิจกรรมส่งเสริมการขายต่าง ๆ แต่โดยรวมเศรษฐกิจยังอ่อนแอมากไม่ว่าจะเป็นการส่งออก การท่องเที่ยว และการลงทุน
ทั้งนี้ ยอมรับว่าตลาดแรงงานยังน่าเป็นห่วง เพราะมีผู้ว่างงานกว่า 700,000 คนสิ้นไตรมาส 2 โดยเป็นยอดผู้มีงานประจำ แต่ปัจจุบันไม่ได้ทำงานอีกกว่า 2.5 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้นถึง 2 ล้านคนเมื่อเทียบกับสิ้นปี 2562 คาดว่าในช่วงที่เหลือของปี 2563 เศรษฐกิจไทยยังมีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่อง เพราะต้องเผชิญกับเศรษฐกิจโลกหดตัว หลังจากมีการระบาดของโควิด-19 ระลอก 2 หลายประเทศคู่ค้าสำคัญ เช่น สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย เป็นตัน จึงกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยรอลุ้นเพียงเศรษฐกิจสหรัฐและจีนที่ยังพอเป็นหลัก จึงต้องติดตามว่าทั้ง 2 ประเทศจะควบคุมสถานการณ์ไม่ให้มีการระบาดรุนแรงได้มากน้อยแค่ไหน ส่วนการฟื้นตัวของภาคการส่งออกและการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติยังมีอุปสรรคมาก
ท่ามกลางสมมติฐานหากไทยควบคุมโรคให้อยู่ในวงจำกัด ขอความร่วมมือจากทุกกฝ่ายร่วมกันป้องกันโควิด-19 อย่างจริงจัง ภาครัฐออกมาตรการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มเติม ที่ประชุม กกร. มองว่าเศรษฐกิจไทยจะเริ่มฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดไตรมาส 2 สำหรับทั้งปี 2563 กกร.มองว่าเศรษฐกิจไทยอาจหดตัวในกรอบร้อยละ 7-9 การส่งออกหดตัวร้อยละ 10-12 ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าอยู่ในกรอบร้อยละ -1-1.5
นายกลินท์ สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ที่ประชุม กกร.เสนอค้ำประกันเงินกู้ของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอีจากการปล่อยกู้ตามวงเงินกู้ซอฟท์โลน 500,000 ล้านบาทของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ด้วยการให้ บสย.ค้ำประกันเงินกู้เพิ่มเติม โดยเพิ่ม Max Claim จากร้อยละ 30 เป็นร้อยละ 50 เพื่อให้แบงก์กล้าปล่อยกู้มากขึ้น เพื่อผ่อนปรนเงื่อนไขสินเชื่อซอฟท์โลนของแบงก์ชาติที่มีอยู่ 500,000 ล้านบาท ปล่อยสู่ระบบมากขึ้น ที่ประชุม กกร.ยังเสนอให้รัฐบาลเดินหน้าเจรจาเขตการค้าเสรี (FTA) กับประเทศคู่ค้าสำคัญ และเดินหน้าศึกษาเจรจาเรื่องการเข้ากลุ่ม CPTPP เพื่อเร่งสรุปข้อดี ข้อเสีย เพราะเป็นเขตเศรษฐกิจสำคัญที่ควรเร่งตัดสินใจ
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า กกร.เสนอผ่อนปรนเบิกจ่ายเงินของโครงการภาครัฐ สำหรับผู้ประกอบการผู้รับเหมาโครงการจากภาครัฐเมื่อก่อสร้างเสร็จส่งมอบงานเสร็จแล้ว ขอให้หน่วยงานรัฐเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินของโครงการของภาครัฐภายใน 30 วัน และให้หน่วยงานภาครัฐทุกประเภทสามารถโอนสิทธิ์การรับเงินให้กับธนาคารได้ด้วย เพื่อเติมสภาพคล่องให้กับภาคเอกชน เพราะเดิมต้องใช้เวลานาน 3-4 เดือนกว่าจะได้รับเงิน แม้การรับเหมาจะดำเนินการเสร็จแล้ว เพื่อให้ภาคเอกชนได้รับเงินนำไปใช้หมุนเวียนมากขึ้น
สำหรับการชุมนุมประท้วงวันที่ 19 กันยายนนี้ หากอยู่ในกรอบกฎหมายไม่มีเหตุการณ์รุนแรง ภาคเอกชนจะสบายใจ แต่หากยื้ดเยื้อชุมนุมต่อเนื่องอาจกกระทบต่อความเชื่อมั่น โดย กกร.ยึดหลักในระบบประชาธิไตยจึงอยากให้ชุมนุมอยู่ในกรอบกฎหมาย เพราะขณะนี้ทุกฝ่ายต้องร่วมกันฟื้นเศรษฐกิจที่หดตัว ทั้งแก้ปัญหาแรงงาน โดยหาช่องทางรับนักศึกษาจบใหม่ให้มีงานทำและการเติมทุนให้กับเอสเอ็มอี.-สำนักข่าวไทย