เกษตรฯ ยืนยันไม่ทบทวนแบนพาราควอต

กรุงเทพฯ  2 ส.ค. – รมช.เกษตรฯ  ชี้กระบวนการแบนพาราควอตเป็นไปตามกฎหมายไม่สามารถทบทวนได้ แต่เปิดช่อง หากกรมวิชาการเกษตรรวบรวมข้อมูลพบว่าเกษตรกรเดือดร้อนจากต้นทุนที่สูงขึ้นและผลผลิตต่ำลงสามารถเสนอให้คณะกรรมการวัตถุอันตรายพิจารณา ด้านผู้แทนเกษตรกรเตรียมยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีพรุ่งนี้ หวังเป็นที่พึ่งสุดท้าย ให้ทบทวนการแบนพาราควอต


นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า การแบนสารเคมี 2 ชนิดเป็นไปตามประกาศของกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา จึงไม่สามารถทบทวนการแบนได้ โดยเกษตรกรจะต้องนำสารพาราควอตและคลอร์ไพริฟอสส่งคืนร้านค้าภายในวันที่ 29 สิงหาคม เนื่องจากเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 ห้ามครอบครอง จำหน่าย นำเข้า และผลิต ไม่เช่นนั้นจะมีโทษทั้งปรับและจำคุก

ทั้งนี้ รู้สึกเห็นใจเกษตรกรที่ต้องเผชิญต้นทุนการผลิตสูงขึ้นจากการห้ามใช้พาราควอตซึ่งเป็นสารกำจัดวัชพืชที่ใช้มายาวนาน แต่เมื่อกระทรวงสาธารณสุขเห็นว่ามีอันตรายอย่างยิ่ง เนื่องจากมีข้อมูลว่าหากสะสมในร่างกายมากจะเกิดอันตรายต่อเกษตรกร อีกทั้งมีผู้นำพาราควอตไปดื่มเพื่อฆ่าตัวตายหลายราย จึงต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ ทางกระทรวงเกษตรฯ หาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรโดยมอบหมายกรมวิชาการเกษตรหาสารทดแทน ได้แก่ สารไดยูรอน อาทราซีน อามีทรีน และกลูโฟซิเนตใช้ในมันสำปะหลัง ข้าวโพด และอ้อย ส่วนไม้ผล ยางพารา และปาล์มน้ำมันใช้สารไกลโฟเซตและกลูโฟซิเนต ซึ่งทราบว่าประสิทธิภาพด้อยกว่าพาราควอตและราคาแพงกว่า แนวทางช่วยเหลืออีกประการ คือ ให้กรมส่งเสริมการเกษตรจัดหาเครื่องมือ-เครื่องจักรกำจัดวัชพืช ได้แก่ เครื่องตัดหญ้าและรถไถ ซึ่งเชื่อว่ามีต้นทุนถูกกว่าการใช้สารเคมี


นายประภัตร กล่าวต่อว่า การพิจารณายกเลิกสารพาราควอตอาจเป็นไปได้ในอนาคต หากกรมวิชาการเกษตรนำเสนอข้อมูลว่าเกษตรกรเดือดร้อนจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นและทำให้ผลผลิตต่อไร่ต่ำลง แต่ขณะนี้ต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่มีผลบังคับใช้แล้วไปก่อน

ด้านนายสุกรรณ์ สังข์วรรณะ เลขาธิการสมาพันธ์เกษตรปลอดภัย กล่าวว่า วันพรุ่งนี้ (3 ส.ค.) จะร่วมกับเกษตรกรจำนวนหนึ่งเดินทางไปยื่นหนังสือถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อให้ทบทวนการแบนพาราควอต พร้อมข้อมูลผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อเกษตรกร เนื่องจากสารกำจัดวัชพืชที่แนะนำให้ใช้ไม่สามารถทดแทนพาราคอวตซึ่งเป็นสารกำจัดวัชพืชที่มีฤทธิ์เผาไหม้ได้ เพราะลักษณะการออกฤทธิ์ต่างกัน เกษตรกรใช้สารที่แนะนำแล้ว ปรากฏว่า พืชที่ปลูกชะงักการเจริญเติบโตจากสารกำจัดวัชพืชที่มีฤทธิ์ดูดซึม ไม่สามารถ​กำจัดวัชพืช​ซึ่ง​เติบโต​เร็ว​มากในฤดู​ฝนได้ทัน ทำให้ผลผลิตต่ำด้วย หวังว่านายกรัฐมนตรีจะเป็นที่พึ่งสุดท้ายช่วยให้เกษตรกรที่เดือดร้อนมากนั้น สามารถประกอบอาชีพต่อไปได้.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เหล้าเถื่อนลาว

เสียชีวิตรายที่ 6 คลัสเตอร์เหล้าเถื่อนในลาว

คลัสเตอร์เหล้าเถื่อนในลาว มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเสียชีวิตเพิ่มรายที่ 6 เป็นหญิงชาวออสเตรเลีย เสียชีวิตขณะรักษาตัวในไทย

ย้ายเจ้ากรมยุทธศึกษา ทบ.

ย้ายเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก ช่วยปฏิบัติราชการที่กองบัญชาการกองทัพบก หลังถูกร้องทำร้ายร่างกายผู้ใต้บังคับบัญชา พร้อมช่วยเจ้าทุกข์ย้ายหน่วยตามร้องขอ

ไฟไหม้โรงงานพัดลม เผาวอดเสียหายกว่า 50 ล้าน

ไฟไหม้โรงงานผลิตพัดลมรายใหญ่ จ.สมุทรสาคร ระดมรถดับเพลิงระงับเหตุ กว่า 5 ชม. จึงควบคุมไว้ได้ในวงจำกัด เบื้องต้นเสียหายกว่า 50 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

หมอบุญ

THG แจงบริษัทไม่เกี่ยวข้องคดีต่างๆ ที่เกิดจาก “หมอบุญ”

THG แจงตลาดหลักทรัพย์ฯ ปัจจุบัน “หมอบุญ” ไม่ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้บริหารใน THG คดีฉ้อโกงใดๆ ที่เกิดขึ้น บริษัทไม่เกี่ยวข้อง

ค้นบ้านสามารถ

ดีเอสไอ เข้าค้นบ้าน “สามารถ” คดีฟอกเงินดิไอคอน

ดีเอสไอ เข้าค้นบ้าน “สามารถ เจนชัยจิตรวนิช” คดีฟอกเงินดิไอคอน หลังพบเงิน “บอสดิไอคอน” โอนเข้าบัญชีแม่ของนายสามารถ

ศึกชิงนายก อบจ.เพชรบุรี แชมป์เก่ายังแรง

เลือกตั้งนายก อบจ.เพชรบุรี ไม่คึกคัก ผลไม่เป็นทางการ “ชัยยะ อังกินันทน์” แชมป์เก่า คะแนนนำทิ้งห่างคู่แข่ง ด้านเลขาฯ กกต. เผยภาพรวมทั้ง 3 จังหวัด คนมาใช้สิทธิน้อย คาดเบื่อเลือกตั้ง 2 รอบ