กรุงเทพฯ 8 พ.ค.- ก.ล.ต.เผย 4 เดือนแรกปี 68 ระงับบัญชีม้ากว่า 2.7 หมื่นบัญชี มูลค่ากว่า 169 ล้านบาท ปิดกั้นบัญชีหลอกลงทุนออนไลน์กว่า 1,800 บัญชี ชี้ Thai ESG ยังขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะกองทุนเน้นลงทุนในตราสารหนี้-ตราสารทุน
นายเอนก อยู่ยืน รองเลขาธิการ และโฆษกคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยในงาน “Media Briefing ก.ล.ต. พบสื่อมวลชน เดือนพฤษภาคม 2568” ถึงการผลการดำเนินงานของ ก.ล.ต. ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 (ม.ค.-เม.ย.) ด้านการบังคับใช้กฎหมาย ในการดำเนินคดีอาญา ก.ล.ต. กล่าวโทษผู้กระทำผิดต่อพนักงานสอบสวนต่อ บก.ปอศ. และดีเอสไอ รวม 7 คดี ผู้กระทำผิด 26 ราย ในฐานความผิดสร้างราคา 4 คดี จำนวน 14 ราย, แพร่ข่าว/ข้อความเท็จ 1 คดี จำนวน 1 ราย, ประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาต 2 คดี จำนวน 11 ราย
ขณะที่การดำเนินการตามมาตรการลงโทษทางแพ่งโดย คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) กำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิด รวม 8 คดี ผู้กระทำผิด 42 ราย ในฐานความผิดแพร่ข่าว/ข้อความเท็จ 1 คดี จำนวน 2 ราย, สร้างราคา 4 คดี จำนวน 26 ราย, ใช้ข้อมูลภายใน/การเปิดเผยข้อมูลภายใน 2 คดี จำนวน 12 ราย, แสดงข้อความอันเป็นเท็จ/ปกปิดข้อความจริง 1 คดี จำนวน 2 ราย โดยมีการตกลงทำบันทึกการยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนด รวม 4 คดี ผู้กระทำผิด 14 ราย โดยมีค่าปรับทางแพ่ง 14.14 ล้านบาท และชดใช้เงินเท่าผลประโยชน์ที่ได้รับ 10.20 ล้านบาท ทั้งนี้ คดีที่ ก.ล.ต. ยื่นฟ้องเพื่อให้ศาลแพ่งกำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่ง มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว จำนวน 6 คดี โดยศาลพิพากษาให้ ก.ล.ต. ชนะคดี และอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น/ศาลอุทธรณ์ จำนวน 15 คดี

สำหรับการดำเนินการของ “สายด่วนแจ้งหลอกลงทุน” ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 ก.ล.ต. ได้รับแจ้งเบาะแสหลอกลงทุน รวม 2,735 ครั้ง ผ่านระบบรับแจ้งใน 6 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์สำนักงาน ก.ล.ต. (www.sec.or.th/scamalert) โทรศัพท์ (1207 กด 22) อีเมล (scamalert@sec.or.th) เดินทางมาที่สำนักงานระบบบริการสนทนา และไปรษณีย์ โดยมีบัญชีโซเชียลมีเดียเข้าข่ายหลอกลงทุนที่ประสานผู้ให้บริการแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียและหน่วยงานภาครัฐเพื่อปิดกั้น จำนวน 1,849 บัญชี โดยผู้ให้บริการแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียได้ปิดกั้นไปแล้ว 99.94% ภายในเวลา 7 นาที – 48 ชั่วโมง และให้คำปรึกษาในเรื่องการหลอกลงทุน จำนวน 886 ครั้ง
การจัดการบัญชีม้าสินทรัพย์ดิจิทัลและปิดกั้นแพลตฟอร์มที่ไม่ได้รับอนุญาต หลังจาก พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ และ พ.ร.ก. อาชญากรรมทางเทคโนโลยีฯ ฉบับแก้ไขมีผลใช้บังคับ ตั้งแต่ 13 เม.ย. 68 พบว่าผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลได้มีการระงับบัญชีต้องสงสัยว่าเป็นบัญชีม้า ตามที่ได้รับข้อมูลจากกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ไปแล้วมากกว่า 27,000 บัญชี รวมมูลค่าทรัพย์สินมากกว่า 169.29 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 18 เม.ย.) ยังพบว่าการปิดช่องทางการเข้าถึงแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่เข้าข่ายเป็นการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลโดยไม่ได้รับอนุญาต จะมีกระบวนการที่กระชับกว่าเดิม เนื่องจากมีการลดขั้นตอน
นายเอนก ยังกล่าวถึงกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG) ว่ามูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ของ Thai ESG ในประเทศไทยเพิ่มขึ้นในทุกประเภทกองทุน โดย ณ สิ้นเดือน เม.ย. 68 เพิ่มขึ้น17.42% มาอยู่ที่ 34,745 ล้านบาท จาก 29,591 ล้านบาทเมื่อสิ้นปี 67 แสดงถึงการขยายตัวของ Thai ESG อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกองทุนที่มีนโยบายเน้นลงทุนในตราสารหนี้ เพิ่มขึ้นถึง 31.42% จากสิ้นปี 67 ขณะเดียวกัน Thai ESG ที่มีนโยบายเน้นลงทุนในตราสารทุน เพิ่มขึ้น 1.94% จากสิ้นปี 67 สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตราสารหนี้และตราสารทุนของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน
ขณะนี้ ก.ล.ต. ยังอยู่ระหว่างเปิดรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการปรับปรุงหลักเกณฑ์ Thai ESG (ซึ่งจะเป็นเกณฑ์สำหรับ Thai ESGX ด้วย) เพื่อเพิ่มทางเลือกในการลงทุนโทเคนดิจิทัลกลุ่มความยั่งยืน รวมทั้งเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้ผู้ประเมิน ESG และการบริหารสภาพคล่อง (เปิดรับฟังความเห็นจนถึง 28 พ.ค. 68).-516-สำนักข่าวไทย