หน่วยงานรัฐไทยเร่งสอบสินบนนำเข้าเครื่องกำเนิดไฟฟ้าจากญี่ปุ่น


กรุงเทพฯ
18 ก.ค.-ประธานบอร์ด สั่งเอ็กโก้-กฟผ.ตรวจสอบข่าวเจ้าหน้าที่รัฐ รับสินบน ระบุสบายใจ
ที่ รายงานข่าวเบื้องต้น เป็นการจ่ายเพื่อการขนส่งการนำเข้าเครื่องจักรโรงไฟฟ้า ด้านกรมเจ้าท่า-กรมศุลกากร
แจงเบื้องต้นไม่น่าเกี่ยวข้อง แต่พร้อมตรวจสอบ ด้าน”กัลฟ์” แจงไม่มีโครงการว่าจ้าง
MHPS
ในปี 2556


นายวิฑูรย์
กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน  ในฐานะประธานคณะกรรมการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
(กฟผ.) และประธานคณะกรรมการ บมจ.ผลิตไฟฟ้า (เอ็กโก) กล่าวว่า ได้ให้ทั้ง2
หน่วยงานตรวจสอบข่าวเรื่องเจ้าหน้าที่รัฐรับสินบน 20 ล้านบาทจากบริษัทมิตซูบิชิ
ฮิตาชิ พาวเวอร์ ซิสเต็มส์
(MHPS) ประเทศญี่ปุ่น
ซึ่งตามข่าวว่าเป็นช่วงเวลาที่ก่อสร้างโรงไฟฟ้าขนอมหน่วยที่4 ปี 56-57
อย่างไรก็ตาม บางข่าวได้รายงานว่าเป็นการติดสินบน ด้านการนำเข้า การขนส่ง
เครื่องจักรเข้ามาในประเทศไทย โดยกรณีนี้อาจเป็นเรื่องชิปปิ้ง การติดต่อ เรื่องการนำเข้าสินค้า
ซึ่งหากเป็นจริงก็รู้สึกสบายใจระดับหนึ่ง ว่าไม่ใช่การจ่ายสินบนให้กับเจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงพลังงาน
 แต่ก็สั่งการเร่งรัดให้ กฟผ.
และเอ็กโกตรวจสอบ ซึ่งหากพบว่ามีเจ้าหน้าที่รับสินบนจริง ก็จะลงโทษตามกฏระเบียบ

“เบื้องต้นยังไม่ทราบรายละเอียดที่ชัดเจนว่า
พาดพิง หรือจ่ายสินบนให้ใคร ในโครงการใด  แต่หากเป็นโครงการขนอม 4 หากเป็นเรื่องซื้อเครื่องจักรและการก่อสร้าง
เป็นเรื่องของผู้รับเหมา ดำเนินการ ซึ่งจะนำเข้ามาอย่างไร
ทางเอ็กโกคงไม่ทราบเรื่อง แต่ ก็ให้ทาง กฟผ.และเอ็กโก ตรวจสอบทั้งหมด หากพบว่าใครทำผิดก็จะลงโทษไม่เลี้ยงไว้อย่างแน่นอน”
นายวิฑูรย์กล่าว

ทั้งนี้
 โครงการขนอม4 เป็นโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมของเอ็กโก  ตั้งอยู่ในจ.นครศรีธรรมราช  โดย โครงการนี้ ทาง
Mitsubishi Corporation (MC) มีหน้าที่
ดูแลรวบรวมและสรุปการดำเนินงานของกลุ่มผู้รับเหมา  มี
Mitsubishi Hitachi Power Systems (MHPS) เป็นผู้ผลิตอุปกรณ์หลัก ต่างๆ เช่น
เครื่องกำเนิดไฟฟ้า และบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัก ชั่น จำกัด
(มหาชน) (
STEC) ดูแลงาน โครงสร้างต่างๆ  มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับกฟผ. เป็นเวลา 25 ปี
กำลังการผลิตรวม 930 เมกะวัตต์ (
MW) แบ่งเป็นหน่วยผลิตจำนวน
2 หน่วย ๆ ละ 465 เมกะวัตต์ โดยใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลัก
เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์และจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบในวันที่ 19 มิถุนายน 2559 โดยเริ่มก่อสร้าง
วันที่1 ตุลาคม 2556


สำหรับเอ็กโกเป็นบริษัทในเครือ
กฟผ.  โดย กฟผ. ถือหุ้นร้อยละ25.41
และรองลงมาคือ ผู้ถือหุ้นจากญี่ปุ่น
บริษัท TEPDIA Generating B.V. ร้อยละ 23 .49 ..โดย TEPDIA เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง Tokyo Electric Power Company (TEPCO) และ Diamond Generating Asia, Limited ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ Mitsubishi Corporation ในสัดส่วนการร่วมทุนฝ่ายละ ร้อยละ50

นายจิรุตม์ วิศาลจิตร
อธิบดีกรมเจ้าท่า กล่าวว่า  การนำเข้าเครื่องจักรดังกล่าว อาจจะผ่านท่าเรือขนอม
ซึ่งท่าเรือนี้บริหารงานโดยบริษัทเอกชน อย่างไรก็ตาม ทางกรมฯ
จะตรวจสอบการขนส่งเครื่องจักรผ่านท่าเรือในเชิงลึกด้วยว่า ดำเนินการอย่างไร  ตามที่มีการกล่าวอ้าง ในรายงานข่าวการสอบสวน ของทางการญี่ปุ่นว่า
การให้สินบนเกิดจากขนส่ง  โดยเฉพาะช่วงปี
2556 – 2557

นายชัยยุทธ
คำคูณ  โฆษกกรมศุลกากร เปิดเผยว่า  ข้อกล่าวอ้างดังกล่าว
กรมศุลกากรต้องขอพิจารณาเอกสารหลักฐานให้ชัดเจน จากทางการของญี่ปุ่น
ว่าระบุถึงเจ้าหน้าที่รัฐของไทยอย่างไรบ้าง เพราะการนำเข้าเครื่องกำเนิดไฟฟ้า
เป็นสินค้าที่มีพิกัดอัตราภาษีต่ำมาก เพียงร้อยละ 1-5 เนื่องจากเป็นอุปกรณ์
เครื่องมือเครื่องจักรที่จำเป็นต่อโครงสร้างพื้นฐานจะเสียภาษีน้อยมาก
จึงระบุไม่ได้ชัดเจนว่าศุลกากรจะเกี่ยวข้องกับคดีนี้อย่างไรบ้าง
อีกทั้งไทยมีข้อตกลงการค้าเสรี
FTA ไทย-ญี่ปุ่น  เพื่อลดภาษีนำเข้าระหว่างกันหลายรายการ 
จึงมองว่าเป็นเหตุจูงใจต่อเรื่องการตัดสินบนน้อยมาก ส่วนการตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงจะเกิดขึ้นหรือไม่ต้องพิจารณาให้ชัดเจนว่ามีการกล่าวอ้างมายังศุลกากรอย่างไรบ้าง

นายวีระพล
จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. กล่าวว่า
กกพ.ยังไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว เรื่องนี้ไม่ใช่อำนาจของ
กกพ.ที่จะเข้าไปตรวจสอบ
รวมถึงโครงการดังกล่าวเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนมีการจัดตั้งคณะกรรมการ
กกพ.ชุดปัจจุบัน ดังนั้น
เป็นเรื่องที่ทางประเทศญี่ปุ่นจะต้องดำเนินการไปตามข้อกฎหมายที่กำหนด

นายสหรัฐ
บุญโพธิภักดี รองผู้ว่าการพลังงานหมุนเวียนและพลังงานใหม่ ในฐานะโฆษกการ กฟผ.
กล่าวว่า ขณะนี้ กฟผ.อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูลต่างๆ  ซึ่งยังไม่ทราบว่าโรงไฟฟ้าที่ปรากฎเป็นข่าวนั้น
เป็นโครงการผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่(ไอพีพี)
หรือโครงการผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายเล็ก(เอสพีพี)  เบื้องต้น ยืนยันว่า โครงการโรงไฟฟ้าดังกล่าว
ไม่ใช่โครงการของ กฟผ.  ส่วนที่ระบุว่าอาจเป็นโครงการ
ที่ มี
รัฐวิสาหกิจไทยร่วมถือหุ้น ร้อยละ25 นั้น ทาง กฟผ.ได้สอบถามข้อมูลต่างๆไปยัง
บริษัทลูกของ กฟผ.ทั้ง เอ็กโก้ กรุ๊ป และบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง แล้ว
คาดว่าจะได้รับความชัดเจนในเร็วๆนี้.

        บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) แจ้งว่า ในส่วนของโครงการโรงไฟฟ้ากลุ่มบริษัททั้งหมด
ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าวใด ๆ และจากการที่บริษัทตรวจสอบอย่างไม่เป็นทางการไปยัง
MHPS เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง ซึ่ง MHPS ได้ยืนยันกลับมาว่ากรณีที่เป็นข่าวไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มบริษัทกัลฟ์
ทั้งบริษัทย่อยและบริษัทในเครือแต่อย่างใด โดยโครงการของกัลฟ์ฯไม่มีโครงการใด ๆ ได้ลงนามสัญญาว่าจ้างออกแบบวิศวกรรม
จัดหา และก่อสร้าง (
EPC) กับ MHPS ในปี 2556 ดังที่ปรากฎในข่าว 

          ทั้งนี้ สำนักข่าวหลายแห่งของญี่ปุ่นรายงานว่าสำนักงานสืบสวนพิเศษของอัยการกรุงโตเกียวกำลังสืบสวนบริษัทมิตซูบิชิ
ฮิตาชิ พาวเวอร์ ซิสเต็มส์ หรือ
MHPS ในข้อหาละเมิดกฎหมายป้องกันการแข่งขัน
ที่ไม่เป็นธรรมโดยทางบริษัทได้จ่ายสินบนให้กับเจ้าหน้าที่ทางการของประเทศไทย ผ่านนายหน้ารายหนึ่ง
เป็นมูลค่ากว่า 60 ล้านเยน หรือราว 20 ล้านบาท โดยรายงานข่าวส่วนหนึ่งแจ้งว่าเป็นการติดสินบนในการขนส่ง
นำเข้าเครื่องจักรและเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ในช่วงปี 2556-2557    และทาง
MHPSได้ต่อรองการรับสารภาพ หรือ plea
bargain
 เพื่อแลกกับการที่ทางบริษัทจะไม่ถูกดำเนินคดีหรือลงโทษ- 

-สำนักข่าวไทย

 

 

 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]