กรุงเทพฯ 20 มิ.ย. – อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ยืนยัน ไม่มีการทุจริตงบไทยนิยมยั่งยืนที่จัดสรรให้สหกรณ์การเกษตรต่างๆ
นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์กล่าวถึงข่าวที่ระบุว่า การจัดสรรงบประมาณไทยนิยมยั่งยืนไปยังสหกรณ์การเกษตรต่างๆ ที่เข้าร่วมโครงการมีการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างนั้น นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์สั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยเร่งด่วน
โดยงบประมาณดังกล่าว กรมส่งเสริมสหกรณ์ใช้ในโครงการพัฒนาสถาบันเกษตรกรจัดเก็บพืชผลทางการเกษตร 1,017 ล้านบาท โครงการสนับสนุนอุปกรณ์แปรรูปผลผลิตทางการเกษตร 410 ล้านบาท พื้นที่ดำเนินการ 40 จังหวัด และโครงการเพิ่มศักยภาพการรวบรวมการแปรรูปยางพารา 340 ล้านบาท พื้นที่ดำเนินการ 22 จังหวัดโดยจะใช้ในการจัดซื้อจัดจ้างสร้างฉาง สร้างไซโล เครื่องอบ เครื่องชั่ง รถห้องเย็น รถโฟร์กลิฟต์ เป็นต้น
ทั้งนี้มีการกล่าวหาว่า ราคาของรถยก (โฟล์คลิฟต์) ตามโครงการรวบรวมและแปรรูปยางพาราว่า รถขนาดเดียวกันแต่มีราคาต่างกันมาก รถขนาดเดียวกัน คนขายเจ้าเดียวกันและขายในจังหวัดเดียวกันราคายังไม่เหมือนกัน อีกทั้งตั้งข้อสงสัยว่าจะมีคนไปเดินเก็บเงินทอนจากสหกรณ์หรือไม่
อย่างไรก็ตาม กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้เสนอขอตั้งงบประมาณสำหรับอุดหนุนให้สหกรณ์จัดหารถโฟล์คลิฟต์ จำนวน 37 สหกรณ์ 41 คัน วงเงิน 34 ล้านบาท แยกเป็น
1. ขนาด 2 ตัน จำนวน 3 คัน ราคาตั้งแต่ 540,000 ถึง 576,000 บาท
2. ขนาด 2.5 ตัน จำนวน 7 คัน ราคาตั้งแต่ 585,000 – 780,000 บาท
3. ขนาด 3 ตัน จำนวน 27 คัน ราคาตั้งแต่ 891,000 – 900,000 บาท
4. ขนาด 3.5 ตัน จำนวน 4 คัน ราคาตั้งแต่ 1,080,000 – 1,350,000 บาท
การขอตั้งงบประมาณนั้น กรมส่งเสริมสหกรณ์จะให้สหกรณ์เสนอรายการและคุณลักษณะของรถโฟล์คลิฟต์ที่สหกรณ์มีความต้องการโดยให้สหกรณ์นำใบเสนอราคาจากผู้ประกอบการในท้องตลาดมาเสนอไม่น้อยกว่า 3 แห่ง
รถโฟล์คลิฟต์ขนาดเดียวกันแต่ราคาแตกต่างกัน เนื่องจากราคาจะขึ้นอยู่กับคุณลักษณะเฉพาะของรถโฟล์คลิฟต์ที่กำหนดในคำขอของสหกรณ์ เช่น เครื่องยนต์ ความสามารถในการยกสูงที่แตกต่างกันจึงทำให้ราคาแตกต่างกัน เช่น น้ำหนักที่ยกได้ 3 ตันเท่ากัน แต่ความสูงของเสาเมื่อไม่ยกสินค้าแตกต่างกัน และเมื่อยกสินค้า ความสูงที่ยกได้ก็แตกต่างกัน ซึ่งกรมฯ จะจัดสรรตามคำขอสหกรณ์ โดยอ้างอิงจากราคาที่เคยได้รับอนุมัติในปีก่อนๆ เทียบเคียงกับราคาตลาด หากไม่สูงเกินไปกว่าราคาอ้างอิง กรมฯ จะจัดสรรให้ตามที่สหกรณ์ขอมา
เมื่อกรมส่งเสริมสหกรณ์นำใบเสนอราคามาพิจารณาแล้ว จะนำราคาที่ต่ำสุดจากใบเสนอราคามาขอตั้งงบประมาณ ซึ่งจะพิจารณาถึงการนำไปใช้ประโยชน์ให้เป็นไปตามความต้องการและความเหมาะสมของแต่ละสหกรณ์เป็นหลัก เมื่อสหกรณ์ได้รับจัดสรรงบประมาณแล้วก็จะนำไปสู่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างตามขนาดและคุณลักษณะที่ได้รับอนุมัติและจะจัดซื้อจัดจ้างจากผู้เสนอราคาต่ำที่สุด โดยระเบียบดังกล่าวนี้จะอ้างอิงจากระเบียบในการจัดซื้อจัดจ้างของทางราชการ
กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้จัดสรรงบไทยนิยมยั่งยืนแก่สหกรณ์ที่คัดเลือกแล้วว่า ไม่เคยมีการทุจริต เป็นสหกรณ์เข้มแข็งระดับ 1และ 2 อีกทั้งต้องเคยประกอบกิจการตามโครงการมาไม่ต่ำกว่า 3 ปี กรมยังได้กำหนดว่า สหกรณ์ต้องสมทบเงินมาดำเนินการไม่น้อยกว่า 10% ของงบที่จัดสรรให้ บางสหกรณ์จึงสมทบเงินเข้ามามากเพื่อให้ได้รถโฟล์คลิฟต์ที่มีสมรรถนะดีตามความต้องการ
สำหรับข้อกังวลที่ว่า จะมีคนไปเก็บเงินทอนหรือไม่นั้น นายพิเชษฐ์ชี้แจงว่า สหกรณ์ต่าง ๆ ที่ได้รับเงินอุดหนุนจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ จะดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างโดยอำนาจของคณะกรรมการดำเนินการของสหกรณ์ กรมไม่เข้าไปแทรกแซงในทุกกระบวนการ แต่จะคอยตรวจสอบ กำกับ ติดตามให้สหกรณ์ดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบของสหกรณ์ให้เกิดความโปร่งใส
ทั้งนี้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวนี้ ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 15วัน หากพบว่ามีการกระทำผิดจริงก็ให้ดำเนินการตามกฎหมายและวินัยอย่างเฉียบขาดรวมทั้งให้กรมตรวจบัญชีสหกรณ์เข้าตรวจสอบสหกรณ์ที่มีพฤติการณ์กระทำความผิดให้ทราบผลโดยเร็วด้วย – สำนักข่าวไทย