บอร์ดรถไฟ อนุมัติผลประกวดราคาโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะ2

กรุงเทพฯ 24 ต.ค.-บอร์ดรถไฟ อนุมัติผลประกวดราคาโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ช่วงขอนแก่น – หนองคาย วงเงิน 2.86 หมื่นล้านบาท คาดลงนามสัญญาและก่อสร้างทันทีช่วงพฤศจิกายน 2567

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการรถไฟฯ ครั้งที่ 14/2567 เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2567 มีมติเห็นชอบผลการพิจารณาการประกวดราคา โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ช่วงขอนแก่น – หนองคาย โดยให้มีการจ้าง กิจการร่วมค้า ช.ทวี-เอเอส ก่อสร้าง ซึ่งเป็นผู้เสนอราคาต่ำสุด เป็นผู้ดำเนินการ ด้วยมูลค่าโครงการ 28,679,000,000 บาท (สองหมื่นแปดพันหกร้อยเจ็ดสิบเก้าล้านบาท) ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าราคากลางกำหนดไว้


สำหรับผลการพิจารณาดังกล่าวเป็นไปตามที่ ฝ่ายโครงการพิเศษและก่อสร้าง ได้นำผลการพิจารณาการประกวดราคาจ้างโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ช่วงขอนแก่น – หนองคาย ที่มีคุณสมบัติครบถ้วน ถูกต้อง ตรงตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในเอกสารประกวดราคา มารายงานต่อคณะกรรมการรถไฟฯ โดยมี กิจการร่วมค้า ช.ทวี-เอเอส ก่อสร้าง ซึ่งประกอบด้วย 1.บริษัท ช.ทวีก่อสร้าง จำกัด 2.บริษัท เอ. เอส. แอสโซซิเอท เอนจิเนียริ่ง (1964) จำกัด 3.บริษัท ทิพากร จำกัด และ 4.บริษัท เค เอส ร่วมค้า จำกัด เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุด ด้วยจำนวนเงิน 28,679,000,000 บาท

ส่วนขั้นตอนต่อไป การรถไฟฯ จะดำเนินการตรวจเอกสาร เมื่อครบถ้วนแล้วจะทำการลงนามในสัญญาจ้างร่วมกับกิจการร่วมค้า ช.ทวี-เอเอส ก่อสร้าง เพื่อดำเนินการก่อสร้างในโครงการทันที ทั้งนี้ คาดว่าจะลงนามสัญญาได้ในเดือนพฤศจิกายน 2567


โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ช่วงขอนแก่น – หนองคาย การรถไฟฯ ออกประกาศเชิญชวน และจำหน่ายเอกสารประกวดราคาจ้างในระบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-bidding) เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา มีผู้สนใจเข้ายื่นเอกสารจำนวน 4 ราย ประกอบด้วย

1.บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน)
2.บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน)
3.บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน)
4.กิจการร่วมค้า ช.ทวี – เอเอสก่อสร้าง

นายวีริศ กล่าวด้วยว่า โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ช่วงขอนแก่น-หนองคาย เป็นเส้นทางสำคัญที่เชื่อมต่อการเดินทางจากช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ผ่านจังหวัดอุดรธานี และสิ้นสุดที่สถานีหนองคาย อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของโครงการภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย ในแผนงานที่ 1 การพัฒนาโครงข่ายระหว่างเมือง (การพัฒนาระบบรถไฟทางคู่) ซึ่งการรถไฟฯ ได้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2566


ขณะที่รูปแบบโครงการเป็นการก่อสร้างทางรถไฟใหม่เพิ่ม 1 ทาง ขนานไปกับทางรถไฟเดิม และมีการก่อสร้างปรับแนวเส้นทางใหม่บางส่วน รวมระยะทางประมาณ 167 กิโลเมตร ประกอบด้วย อาคารสถานี 14 สถานี ที่หยุดรถ 4 แห่ง ลานบรรทุกสินค้า 3 แห่ง พร้อมทั้งงานติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคมตลอดทั้งสายทาง คาดว่าจะแล้วเสร็จ และสามารถเปิดให้บริการได้ประมาณปี 2570

“เส้นทางนี้จะช่วยเติมเต็มระบบรถไฟทางคู่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และเพิ่มศักยภาพการให้บริการขนส่งระบบราง ทั้งการขนส่งสินค้าและผู้โดยสาร การประหยัดต้นทุนการขนส่งระบบโลจิสติกส์ ลดระยะเวลาการเดินทาง พลังงานเชื้อเพลิง และปัญหามลพิษต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงช่วยเพิ่มความปลอดภัย ลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุบริเวณจุดตัดทางเสมอระดับรถไฟ-รถยนต์ ถือเป็นโครงการสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพระบบการขนส่งทางราง และอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับพี่น้องประชาชนได้อย่างแท้จริง” ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าว.-513-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นักธุรกิจสาวแจ้งความทนายดัง “ฉ้อโกง” ฮุบเงิน 71 ล้าน

นักธุรกิจสาว อดีตลูกความทนายดัง แจ้งความถูกทนายดังฉ้อโกง ฮุบเงิน 71 ล้านบาท เผยถูกหลอกให้ลงทุนซื้อแพลตฟอร์ม “หวยออนไลน์”

สาวแจ้งความภรรยาอดีตบิ๊กตำรวจ ย่องลักทรัพย์ในคอนโดฯ

หญิงสาวแจ้งความภรรยาอดีตตำรวจยศนายพล แอบกิ๊กสามี แถมย่องลักทรัพย์ในคอนโดฯ มูลค่าหลายล้านบาท ด้านตำรวจเรียกผู้เสียหายสอบเพิ่ม พร้อมเก็บภาพวงจรปิดตรวจสอบแล้ว

“ทนายบอสพอล” มองยึดมือถือ พนง.ดิไอคอน เกินเส้นกฎหมาย

“ทนายบอสพอล” พาพนักงานดิไอคอน ลงบันทึกประจำวัน หลังตำรวจบุกค้น 11 จุด และยึดมือถือ มองว่าทำเกินกว่ากฎหมาย พร้อมฝากถึงศาลยุติธรรมในการออกหมายจับรอบ 2 เป็นห่วงสิทธิของทุกฝ่าย

ข่าวแนะนำ

สภาไม่รับข้อสังเกตรายงาน กมธ.ศึกษาแนวทางนิรโทษกรรม

สภาไม่รับข้อสังเกตรายงาน กมธ.ศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ส่งแต่ตัวรายงานให้ ครม. ด้านประธาน กมธ.ย้ำไม่มีเรื่องแก้ ม.112 เป็นเพียงเปิดทางรับทราบข้อเท็จจริง และสมัยประชุมหน้ามีร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมทางการเมืองรอ 4 ฉบับ