ก.คลัง 14 ส.ค. – “จุลพันธ์” รมช.คลัง ยอมรับดิจิทัลวอลเล็ตสะดุด แต่ยังไม่พับโครงการ รอ ครม.ใหม่สานต่อ คาด 1-2 สัปดาห์ ได้นายกฯ คนใหม่
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงกรณีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 วินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต ละเมิดมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง พร้อมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต้องพ้นตำแหน่งทั้งคณะ ว่า กระบวนการตามกฎหมายนั้น ทาง ครม.ตั้งรับฟัง ซึ่งตนต้องยุติการทำงานตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และกลับไปที่รัฐสภา เตรียมประชุมเพื่อคัดเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ และตั้ง ครม.ชุดใหม่ ตามลำดับ
ส่วนจะมีผลกระทบต่อนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลหรือไม่นั้น นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ยอมรับโครงการที่ยังคงค้างก็ได้รับผลกระทบ หากนโยบายใดหรือโครงการใดยังค้างอยู่ ยังไม่ได้รับการอนุมัติ ก็ต้องสะดุด ติดขัดเป็นเรื่องธรรมดา ขณะที่กระบวนการหลังจากมีการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่แล้ว ก็จะมีกระบวนการแถลงนโยบายของ ครม.ชุดใหม่ ซึ่งต้องไปดูว่า นโยบายที่จะนำไปแถลงต่อรัฐสภามีอะไรบ้าง
สำหรับโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ที่คาดว่าจะเริ่มในช่วงไตรมาส 4 ปี 2567 ทันหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า โครงการนี้ก็คงต้องสะดุดแน่ๆ และตนก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะไม่รู้จะได้กลับมาทำงานนี้ต่อหรือไม่ ส่วนพรรคเพื่อไทยจะสานต่อโครงการดิจิทัลวอลเล็ตหรือไม่ ต้องรอมติของทางพรรคเพื่อไทยก่อน เพราะยังไม่ทราบว่าหลังจากนี้รูปแบบของการจัดตั้งรัฐบาลใหม่จะเป็นอย่างไร พรรคใดจะเข้าร่วมรัฐบาลบ้าง ยังไม่สามารถตอบได้ และยังต้องมีการหารือภายในพรรคร่วมรัฐบาลว่าจะทำนโยบายใดบ้าง ซึ่งในการตั้งรัฐบาลนี้ก็ต้องมีพรรคเพื่อไทยอยู่ในพรรคร่วมด้วย คาดว่ากระบวนการจัดตั้งรัฐบาลน่าจะไม่นาน เพราะรัฐสภายังทำหน้าที่อยู่ คาดว่าไม่เกิน 1-2 สัปดาห์ ก็จะได้เลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่
ส่วนเรื่องความเห็นว่าจะเป็นโอกาสที่รัฐบาลจะพับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตลงไปเลยหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ยืนยันว่ารัฐบาลยังไม่มีความคิดในลักษณะนี้ ขออย่าเพิ่งคิดล่วงหน้ากันไปเลย
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจนั้น แน่นอนว่ากระทบกับความเชื่อมั่นของประชาชน ทำให้การจับจ่ายใช้สอยชะลอลง ซึ่งขณะนี้ตัวเลขเศรษฐกิจก็ยังไม่ดีมาก ประกอบกับเรื่องของการเมืองที่มีความไม่แน่นอน ก็ทำให้เกิดผลกระทบในทางลบ ทำให้การหมุนของเศรษฐกิจชะลอไประยะหนึ่ง แต่สุดท้ายการเมืองไม่ได้ถึงทางตัน จะต้องกลับมาเดินต่อ และเมื่อมีความชัดเจนแล้ว ก็เชื่อว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย กลับมาปกติได้. -511-สำนักข่าวไทย